เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เศษความคิดที่ค้างคาweawfah
ฉันควรจะมีความสุขใช่ไหม?
  • ฉันควรจะมีความสุขหรือไม่?

    ฉันมีครอบครัวที่ดี อบอุ่น ใช้ชีวิตอย่างพอประมาณตามรายได้ที่มี
    ฉันมีไม่น้อยและไม่มากเกินไป

    เมื่อเรียนจบ ก็ได้ทำงานในองกรณ์เล็ก ๆ เพื่อสังคม
    เงินเดือนสูงกว่ารายได้ขั้นต่ำของเด็กจบใหม่เล็กน้อย
    ฉันมีเจ้านายที่ดี มีเพื่อนร่วมงานเข้ากันได้แม้จะอายุห่างกันมาก

    ฉันฝันว่าอยากเรียนต่อ อยากไปเที่ยวต่างประเทศ
    อยากหยุดขึ้นรถเมล์ อยากกินอาหารญี่ปุ่นเมื่อไรก็ได้ตามใจอยาก
    อยากซื้อเสื้อผ้าที่ใส่สบาย อยากใช้สบู่แชมพูที่เขารีวิวกันว่าดี
    อยากมีรองเท้าสักสามสี่คู่ อยากซื้อชั้นในที่ใส่สบายกว่า 7 ตัวร้อย

    แต่ฉันรู้ว่าทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป.
    เราจะได้ทุกอย่างเมื่อเพิ่งเริ่มทำงานไม่ได้.
    ทุกอย่างต้องอาศัยความอดทน.

    ฉันควรจะมีความสุขใช่ไหม.

    วันหนึ่งฉันได้ยินมาว่าเจ้านายจะไปเที่ยวต่างประเทศอีกสองเดือนข้างหน้า
    ฉันรีบหาค่ายอาสาสมัครต่างประเทศในช่วงนั้นทันที
    ในที่สุดฉันก็ได้ทุนไปค่าย เป็นค่ายเรียนรู้ชุมชน 
    ฉันลังเลอยู่หลายวันมากว่าจะขอเจ้านายไปดีไหม
    มันจะน่าเกลียดเกินไปหรือเปล่า? เจ้านายจะมองว่าฉันเป็นคนฉวยโอกาสหรือไม่

    ลังเลจนถึงวันสุดท้ายที่ต้องยืนยัน
    สุดท้ายก็ทำใจไปขออนุญาตลาจนได้

    แล้วเจ้านายผู้แสนดีของฉันก็อนุญาตด้วย
    "อาทิตย์เดียวเอง น่าสนุกดีนะ ไปเถอะ"
    ฉันซาบซึ้งมากในความใจดีของเจ้านาย

    ฉันน่าจะมีความสุขนะ ตอนนั้น.

    แต่คืนนั้นฉันร้องไห้หนักมาก
    จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลไม่หยุด ฉันสะอึกสะอื้นจนตัวโยน หน้าตาบิดเบี้ยว น้ำมูกอุดตันจนหายใจไม่ออก
    ฉันอยากจะแหกปากร้องให้ดังลั่น อยากร้องโฮออกมาให้พอกับความอัดอั้นในใจ
    แต่ก็ต้องร้องไห้อย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้น้องสาวตื่น

    แค่หลับตา.
    ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไร. 
    น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง.
    นานพอให้รู้ตัวว่าตาบวมเป่ง หมอนเปียกแฉะไปด้วยน้ำลายและน้ำตาปนกันไป
    สุดท้ายฉันต้องลุกออกจากเตียงไปล้างหน้า
    และจบลงตรงยืนกอดเสาแหกปากร้องไห้อยู่ตรงระเบียง

    ท่ามกลางความมืด.
    ได้แต่หวังว่าข้างบ้านจะไม่ได้ยิน.

    ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขนะ.

    ฉันรู้
    มันเกิดจากความรู้สึกต่ำต้อย ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนเท่ากัน
    มันเกิดจากความรู้สึกเป็นบุญคุณ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ให้ในสิ่งที่เราแสวงหามาด้วยตนเอง
    มันเกิดจากความรู้สึกเทิดทูนในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขา ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่มีมากกว่า
    มันเกิดจากความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ที่แค่ไปค่ายอาสาสมัครต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็ต้องหาค่ายที่มีทุน ทำเอกสารมากมาย เขียนพรรณาเหตุผลที่อยากไปจนท่วมทุ่ง เลือกค่ายที่ถูกที่สุด ต้องขวยขวานด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี

    เรื่องเพียงแค่นี้ ชีวิตฉันยังต้องขอ 
    ขอความเมตตา ขอความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ขอเวลาที่เป็นของ ๆ ฉันเอง

    และยิ่งเจ็บปวดที่สุดคือ ยิ่งเขาทำดีกับฉันเท่าไหร่
    ฉันยิ่งเทิดทูน ฉันยิ่งซาบซึ้ง ฉันยิ่งมีความสุขที่ได้อยู่ภายใต้บารมีนั้น

    มันควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วใช่ไหม?

    ฉันควรจะมีความสุขมากกว่าใช่ไหม?



    แต่ทำไมน้ำตาฉันไม่หยุดไหลเสียที.


    ใครก็ได้บอกที.

    ว่าฉันควรจะมีความสุข.


    ใช่ไหม?



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in