เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
THE WARMER SIDE OF THE COFFEE SHOPstylojerry
ห้วงเวลาหนึ่ง


  • 1

    เวลาตีสองในร้านขายยาร้านหนึ่งในย่านหรูของเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง ผู้หญิงหน้าตาสละสวยคนหนึ่งกำลังกวาดอุปกรณ์ทำแผลใส่ในตระกร้าสีส้มของร้านด้วยสีหน้าตื่นตะหนกราวกับว่าหากเธอไม่ได้ของทั้งหมดตามรายการบนกระดาษที่ยับยู่ยี่ในมือของเธอแล้วนั้นเธอจะถูกฆ่าตาย เภสัชกรหนุ่มเจ้าของกะดึกลอบมองเธอด้วยความหลงใหลอยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ แม้เธอจะมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกแต่เธอก็ยังดูดีมากๆ 

    เมื่อเธอเช็คของในตระกร้ากับรายการในมือเสร็จสรรพเธอก็ตรงรี่มาจ่ายเงิน เธอก้มหน้าไม่เงยหน้าขึ้นมองเภสัชกรหนุ่มที่ตั้งใจแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าชอบเธอด้วยการถามไถ่เรื่องของเธอขณะสแกนบาร์โค้ดของในตระกร้า

    "เหมือนคุณจะทำการผ่าตัดใหญ่เลยนะครับ" เขาแกล้งแซวขณะสแกนบาร์โค้ดของถาดเหล็กขนาดกลาง
    "อย่าถามอะไรฉันมากเลยเถอะ" หญิงสาวตัดบทอย่างเย็นชาจนเภสัชกรหนุ่มหน้าเสียและเงียบในทันใด 


    2

    เธอเดินมองซ้ายขวาตามทางขณะกลับไปที่ห้องของเธอพร้อมถุงใส่อุปกรณ์ทำแผลทั้งหมด หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับมีคนมารัวกลองในหัวใจของเธอ สองขาก้าวยาวๆ ในหัวพยายามหาทางเอาตัวเองออกจากเรื่องวุ่นๆ

    ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็มาถึงอพาร์ตเมนท์ของเธอที่ตอนนี้ดูไม่เหมือนกับอพาร์ตเมนท์ที่เธออาศัยอยู่เป็นเวลาห้าปีเลยแม้แต่น้อย เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเพียงแค่คืนเดียวสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตลอดเป็นเวลาห้าปีก็พลันไม่น่าไว้วางใจและดูแปลกตาไปได้มากขนาดนี้ เธอเดินตรงไปที่หน้าประตูห้องนอนของเธอก่อนจะเคาะลงบนบานประตูไม้สามที ประตูห้องนอนของเธอถูกเปิดออกในทันทีก่อนจะเผยร่างชายที่เนื้อตัวอาบเลือดยืนหน้านิ่งอยู่หลังประตู

    "เอามา" เขายื่นมือไปรับถุงจากมือของผู้หญิงคนนั้น เธอยื่นให้เขาอย่างว่าง่ายและเมื่อเขารับไปเขาก็ปิดประตูใส่หน้าของเธอในทันที 

    เธอไม่เคยรู้สึกเหมือนกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าในอพาร์ตเมนท์ของตัวเองมาก่อนเลยในชีวิต 


    3

    เวลาผ่านไปสองชั่วโมง หญิงสาวผล็อยหลับอยู่บนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก ในมือมีชากลิ่นมินต์ร้อนๆ ส่งกลิ่นคลุ้งที่พร่องจากแก้วไปเกือบครึ่งแก้ว 

    ชายหนุ่มในห้องนอนของเธอค่อยๆ เปิดประตูออกมา ท่อนบนของเขาถูกพันด้วยผ้าพันแผล ใบหน้ายังเปื้อนคราบเลือด เขาค่อยๆ เดินมาปลุกเธอก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว 

    หญิงสาวค่อยๆ งัวเงียลืมตาตื่น 
    "นี่มันกี่โมงแล้ว" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติราวกับว่าชายแปลกหน้าตรงหน้าเธอเป็นเพื่อนของเธอ มันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบโดยดี 

    "ตีสี่" เขาตอบเรียบๆ ใบหน้ายังคงเรียบเฉย เขาค่อยๆ วางปืนลงบนโต๊ะกินข้าวโดยให้ปากกระบอกปืนหันหน้าไปทางเธอ มันทำให้หญิงสาวขนลุกซู่จนต้องนั่งยืดตัวตรงขึ้นมา สองมือของเธอจับแก้วชาไว้แน่น 

    "ในเมื่อหมดธุระแล้วคุณก็ควรไปได้แล้ว ฉันสัญญา เรื่องในคืนนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้น" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย มันทำให้ชายตรงหน้าเอ็นดูในความกล้าหาญของเธอ 

    "ดี ฉันขออาบน้ำก่อนไปได้มั้ย" 

    เธอพยักหน้า เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเก็บปืนเหน็บหลังกางเกง ก่อนจะตรงไปอาบนั้นเขาหันไปถามเธอ

    "เธอชื่ออะไร" 

    เธอเงยหน้ามองเขา ขมวดคิ้วให้เล็กน้อยก่อนจะตอบสั้นๆ 

    "มาร์การ์เร็ต" 


    4

    หลังจากนั้นอีกสามเดือนชายหนุ่มผู้นี้ก็โผล่เข้ามาหามาร์การ์เร็ตพร้อมร่างกายอาบเลือดอยู่อีกถึงสองสามครั้ง และทุกครั้งที่เขาโผล่มาเธอจะต้องวิ่งวุ่นหาอุปกรณ์ทำแผลให้เขา และพอหลังจากเขาจากไปเธอก็ต้องถูพื้นที่เปื้อนรอยเลือดเพราะชายคนนั้นเดินไปทั่วอีก

    แต่ในเวลาตีสี่ของคืนหนึ่งมาร์การ์เร็ตได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าต่างห้องของเธออีกครั้ง เธอลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่สะดุ้งตกใจอีกต่อไป 

    เหมือนกับว่าเธอกำลังรอเขา...

    "บอกกี่รอบแล้วว่าให้เปลี่ยนล็อคหน้าต่างสักที หรือคราวหน้าฉันจะซื้อมาเปลี่ยนให้เธอดีนะ" มาร์การ์เร็ตเปิดไฟหัวเตียงขณะขยี้ตาไล่ความงัวเงียและฟังชายหนุ่มบ่นเรื่องเดิมๆ เป็นรอบที่สี่ เธอหันมองเขาและรอดูว่ารอบนี้เขาจะพาแผลฉกรรณ์ขนาดไหนมารักษาในห้องของตัวเอง แต่เธอกลับไม่พบรอยเลือดใดๆ บนเสื้อผ้าและร่างกายของเขาเลย 

    "นี่คุณตายไปแล้วเหรอ" เธอเอ่ยปากถาม อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ วันนี้เขาใส่เชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำ บางทีเขาอาจจะตายไปแล้วและนี่คือเขาในรูปแบบวิญญาณที่ดูสะอาดตา 

    "พูดอะไรบ้าๆ" เขาเอ็ดเบาๆ แล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง "วันนี้ฉันว่างน่ะก็เลยมาเยี่ยมเธอ" 

    "คุณทำฉันกลัวนะ คุณจะมาฆ่าฉันเหรอ" 

    "เปล่า ฉันมาเยี่ยมเธอจริงๆ" เขายิ้มอย่างเป็นมิตรให้ 

    "นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่คุณไม่มาหาฉันพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด"

    "ฮ่าๆ เธอนี่ตลกเป็นบ้า" เขาขำแห้งๆ 

    "แล้วคุณมาหาฉันทำไมดึกดื่น"

    "ฉันอยากดูหนัง" พูดจบเขาก็ชูกล่องดีวีดีหนังขึ้นมา "เมื่อกี้ฉันแวะเข้าไปดูที่ร้านมา เห็นมันเป็นเรื่องใหม่แล้วคิดว่าเธอยังไม่น่าจะดูก็เลยซื้อมา" 

    "โอเค คุณฆ่าคนตายไปเป็นเบือแต่กลับซื้อหนังเป็นแผ่นดีวีดีทั้งๆ ที่คุณอยู่ในโลกที่โหลดหนังเมื่อไหร่ฟรีๆ ก็ได้เนี่ยนะ..."

    "ก็นะ บาปฉันมันทำให้ฉันแทบจะไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว ขอฉันทำความดีเล็กๆ น้อยๆ บ้างจะเป็นอะไรไป"

    มาร์การ์เร็ตหัวเราะลั่นในคำพูดเสียดสีของเขา

    "คุณมันประหลาด" เธอพูดพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลจากการหัวเราะ 

    "โทษฉันไม่ได้นะ เพราะเธอเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับคนประหลาดเอง" 

    เขายิ้มให้เธอ เธอยิ้มให้เขา

    จากนั้นมาร์การ์เร็ตก็ลุกจากเตียงแล้วพาเขาไปดูหนังด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น 


    5

    หลังจากนั้นอีกสองเดือนพวกเขาก็สนิทสนมกันมากขึ้น มาร์การ์เร็ตไม่ต้องกังวลเรื่องใครจะมางัดหน้าต่างอีกต่อไปเพราะเขาเปลี่ยนกลอนหน้าต่างใหม่ให้แข็งแรงขึ้น (และรับรองโดยฝีมือระดับเขาว่าจะไม่มีใครงัดได้) หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาโผล่อยู่หน้าประตูอพาร์ตเมนท์ของมาร์การ์เร็ตอยู่บ่อยๆ จากเดือนละครั้งสองครั้งกลายเป็นทุกสุดสัปดาห์ 

    อย่างเช่นในวันอาทิตย์ที่อากาศดีๆ แบบนี้มาร์การ์เร็ตและชายหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟาในห้องของมาร์การ์เร็ต พวกเขากำลังดูหนังเรื่องจอห์น วิคอยู่ด้วยกัน บนตักของชายหนุ่มมีถังป๊อปคอร์นร้อนๆ ที่เพิ่งเอามาจากไมโครเวฟใหม่ๆ วางอยู่ มาร์การ์เร็ตหยิบเข้าปากเรื่อยๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้ได้ 

    "จะว่าไปฉันไม่เคยถามชื่อคุณเลย"

    "ฉันก็ดีใจที่เธอไม่ถาม" เขาตอบก่อนจะหันมายิ้มให้เธอแล้วหันกลับไปมองทีวีต่อ

    "แต่ฉันอยากรู้"

    "ฉันชื่อจอห์น วิค" 

    "ฉันไม่ได้โง่นะคุณ"

    "ผมไม่ทันได้ว่าคุณเลยนะ"

    "คุณมัน..." ก่อนที่เธอจะได้ว่าเขาเขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งๆ สายตาไม่ละจากทีวี 

    "วลาดิสลาฟ เรียกสั้นๆ ว่าวลาดก็ได้นะ" 

    เธอทวนชื่อเขาเบาๆ "วลาด" 

    "เท่ใช่มั้ยล่ะ"

    "ชื่อคุณเหมือนกับแดร็คคูล่าแก่ๆ แถวโรมาเนียเลย"

    "คุณนี่!" 

    "แล้วเวลาคุณทำงานคุณเท่เหมือนจอห์น วิคมั้ย" เธอไม่สนเขา เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปหน้าตาเฉย 

    "ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในหนังอยู่แล้ว คุณก็น่าจะเห็นจากสภาพของผมนะ"

    เสียงหัวเราะของมาร์การ์เร็ตดังกลบเสียงปืนจากหนังที่ฉายบนจอทีวี วลาดขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็หลุดขำตามเธอ


    6

    อีกสามเดือนหลังจากนั้น พวกเขาแทบจะอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนท์เดียวกันแล้ว 

    "ผมจะเลิกฆ่าคนแล้วนะรู้มั้ย ผมว่าผมอยากจะเป็นบาริสต้า" จู่ๆ ในคืนวันเสาร์ขณะที่มาร์การ์เร็ตอ่านหนังสืออยู่บนเตียง วลาดที่นอนข้างๆ เธอก็พูดขึ้นมา เธอละสายตาจากหนังสือแล้วมองเขาด้วยแววตาที่ดีใจอย่างห้ามไม่ได้ 

    "แบบนั้นก็ดี" แม้หลังๆ เธอแทบจะไม่เคยเห็นเขาเลือดอาบกลับมาอีกเลยแต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะเลิกทำแล้ว พอได้ยินแบบนั้นจากปากเขา เธอก็โล่งใจ "แต่ฉันจะตายแบบในเรื่องจอห์น วิคมั้ย คือฉันของตัดสินใจไม่ซื้อหมาให้คุณเลี้ยงนะเพราะว่าฉันกลัวคุณจะฆ่าคนต่อถ้าเกิดวันไหนหมาของเราเป็นอะไรไป" 

    วลาดหัวเราะร่ากับความคิดของมาร์การ์เร็ต

    "คุณอย่าหัวเราะแบบนั้นสิ ฉันพูดจริงๆ นะ รถด้วย ใช่ เราจะไม่ใช้รถคลาสสิคเท่ๆ ตกลงนะ เราจะใช้รถธรรมดาๆ พอ"

    วลาหัวเราะท้องแข็งจนต้องปาดน้ำตาตัวเอง เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของมาร์การ์เร็ตช้าๆ แล้วค่อยๆ เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง  

    "ผมแค่ต้องจัดการงานสุดท้ายและผมก็จะวางมืออย่างถาวร แล้ว..." วลาดละเอาไว้ก่อนจะเงยหน้ามองมาร์การ์เร็ตที่จ้องมองเขา วลาดไม่เคยเบื่อหน่ายกับแววตาที่เป็นประกายของเธอทุกครั้งที่เธอจ้องมองเขา มันเหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในท้องฟ้าจำลองตอนเด็กๆ เลย มันทำให้เขาสงบและรู้สึกปลอดภัย 

    เขาพูดต่อประโยคที่ค้างไว้ ประโยคที่ทำให้โลกของมาร์การ์เร็ตหยุดหมุน

    "...แล้วเรามาแต่งงานกันนะมาร์การ์เร็ต" 

    หากชีวิตเราเลือกฟังได้แค่ประโยคๆ เดียวไปทั้งชีวิต มาร์การ์เร็ตก็ขอที่จะต้องได้ฟังประโยคนี้ไปทั้งชีวิต


    7

    หนึ่งเดือนต่อมา มาร์การ์เร็ตยืนสวมเดรสสีดำอยู่ในสุสานแห่งหนึ่ง บาทหลวงกำลังสวดส่งให้กับวิญญาณของมัลค่อมพี่ชายของเธอ เสียงของนักร้องเพลงประสานเสียงจากโบสถ์ที่กำลังร้องเพลง Stand by me ของ Ben E. King ซึ่งเป็นคำขอสุดท้ายของพี่ชายเธอดังก้องไปทั่วสุสานแสนสงบ มาร์การ์เร็ตไม่สามารถซ่อนดวงตาแดงก่ำจากผู้คนได้ ไหล่ของเธอสั่นเทาขณะเธอเดินไปหน้าหลุมศพขณะที่โลงศพค่อยๆ ถูกเลื่อนลงไปลึกสุดก่อนที่พวกเขาจะกลบมันด้วยดิน 

    ดอกกุหลาบสีขาวถูกโยนลงไปช้าๆ มันตลกลงไปบนโลงศพไม้ราคาแพงอย่างสวยงาม มาร์การ์เร็ตหันหลังและคว้าคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้ามากอด 

    8

    แขกที่มาร่วมงานต่างกลับกันหมดแล้ว เหลือแค่มาร์การ์เร็ตที่ยังคงอยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพของพี่ชายตัวเอง 

    "เขาบอกพี่จากไปอย่างสงบ กระสุนที่ยิงมาตัดขั้วหัวใจของพี่พอดี พี่ไม่เจ็บปวดด้วยซ้ำ" มาร์การ์เร็ตไม่เหลือน้ำตาให้ไหลออกมาอีกต่อไป แต่เสียงของเธอนั้นเศร้าสุดใจมาก แม้เธอจะพูดกับป้ายหลุมศพแต่หากมองดีๆ ก็จะรู้ว่าเธอกำลังพูดอยู่กับชายหนุ่มตัวสูงในโค้ทยาวสีดำที่ซ่อนอยู่หลังต้นวิลโลว์ขนาดใหญ่ เขาซ่อนตัวมาตั้งแต่พิธีเริ่ม และเมื่อวลาดรู้ว่ามาร์การ์เร็ตรู้ว่าเขายืนอยู่เขาก็ไม่หลบซ่อนอีกต่อไป เขาค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อน ได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังของมาร์การ์เร็ต 

    เขาไม่มีหน้าจะไปกอดปลอบเธอด้วยซ้ำทั้งๆ ที่มันเป็นหน้าที่ของเขา 

    "ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของคุณ" วลาดเอ่ยออกมาอย่างลำบาก แม้แต่คำว่าขอโทษวลาดยังไม่มีหน้าจะพูดออกมาด้วยซ้ำ 

    "ตลกดี ที่งานสุดท้ายของคุณคือพี่ชายของฉัน"

    "ผม..."

    "มัลค่อมทำอะไรผิด ถึงกับมีคนจ้างให้คุณไปฆ่าเขา" 

    "เหตุผลส่วนตัว เหมือนกับมัลค่อมจะติดหนี้เขามหาศาลและอีกหลายๆ เรื่องที่พัวพันกับเรื่องยาและค้าประเวณี" วลาดตอบตามจริง

    มาร์การ์เร็ตเงยหน้ามองฟ้าที่เป็นสีเทา "ขอบคุณที่คุณไม่ฆ่าเขาอย่างทรมาณนะ" ทันใดนั้นฝนตกลงมาปรอยๆ กลืนไปกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาของวลาดขณะที่มาร์การ์เร็ตปิดตาลงและปล่อยให้เม็ดฝนชะล้างความเศร้าของเธอที่จะไม่มีวันหายไป

    "ผะ...ผมขอโทษ" วลาดพูดมันออกมา เขาคุกเข่าลงไปกับพื้นหญ้า มาร์การ์เร็ตส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือไปดึงเขาให้ลุกขึ้นมา 

    "ฉันมีความคิดที่เลวมากๆ คือฉันอยากจะจ้างคุณไปฆ่าคนที่ฆ่ามัลค่อม แต่ฉันทำไม่ลงเพราะคุณบอกจะวางมือแล้ว..." มาร์การ์เร็ตพูดพลางประคองหน้าวลาดไปด้วย เธอสัมผัสเขาอย่างเบามือเหมือนกับกลัวว่าเขาจะสลายหายไปตรงหน้าเธอ วลาดยกมือขึ้นกุมมือของเธอเอาไว้ 

    "ได้โปรด..." วลาดเอ่ยแผ่วเบา

    "และเพราะฉันรักคุณมาก ให้ตายสิ ตอนคุณขอฉันแต่งงานฉันไม่สนด้วยซ้ำว่าคุณฆ่าคนไปกี่ร้อยคนแล้ว ฉันไม่เคยกลัวคุณตอนคุณเดินเหม็นเลือดเข้ามาในห้องฉัน แต่ฉันกลัวคุณจะตายทุกครั้งที่คุณมีสภาพแบบนั้นกลับมา" ไม่รู้ว่าน้ำตาที่แห้งไปแล้วของมาร์การ์เร็ตมันมาจากไหน เธอพรั่งพรูคำพูดออกมาไม่หยุดเหมือนกับน้ำตาของเธอ

    "และเพราะแบบนั้น ฉันดีใจมากที่คุณบอกจะวางมือ แต่...ในเมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ ฉันแต่งงานกับคนที่ฆ่าพี่ชายฉันไม่ได้ คุณเข้าใจฉันมั้ย ฉันทำไม่ได้ เพราะหลังจากนี้ทุกครั้งที่ฉันเห็นคุณฉันก็จะนึกเสมอว่าคุณฆ่ามัลค่อม และฉันทนไม่ได้เข้าใจมั้ย"

    วลาดพยักหน้าอย่างยากลำบาก เขาหยุดน้ำตาของเขาไม่ได้ เขากุมมือของมาร์การ์เร็ตแน่นกว่าเดิม  

    "ฉันรักคุณมากวลาดและฉันคิดว่าหลังจากนี้ชีวิตของฉันจะรักใครเท่าคุณไม่ได้อีกแล้ว" เธอใช้นิ้วโป้งจากมือข้างที่ถูกกุมปาดน้ำตาของวลาดที่ปะปนกับเม็ดฝน 

    "ถ้าหากเราย้อนเวลาได้...เราไม่น่ามาเจอกันเลย" มาร์การ์เร็ตยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน หัวใจของเธอเจ็บปวดจนเธอไม่สามารถสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจในอกของเธอได้อีกแล้ว 

    วลาดดึงมาร์การ์เร็ตเข้าไปกอดอย่างแน่นและร้องไห้โฮบนไหล่ของเธอ เธอก็เช่นกัน ฝังหน้าลงบนอกแกร่งของวลาด 

    "คุณอย่าพูดแบบนั้น ต่อให้ผมรู้ว่าท้ายที่สุดผมจะเสียคุณไปทั้งชีวิตแต่ผมก็ได้รักคุณ และคุณก็ได้รักผม ผมไม่เคยเสียใจที่เราได้เจอกัน ผมไม่เคยเสียใจที่เลือกมาซ่อนตัวในห้องของคุณในคืนนั้น ไม่เลยมาร์การ์เร็ต ผมไม่เคยเสียใจเลย..." วลาดเอ่ยบอกข้างหูของเธอด้วยเสียงที่ไม่ปิดบังความเจ็บปวดอีกต่อไป มันทำให้มาร์การ์เร็ตร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กๆ 

    "ฉันขอโทษวลาด ฉันรักคุณ ฉันรักคุณ..." มาร์การ์เร็ตพร่ำบอกไม่หยุด 

    วลาดหลับตาและฟังเสียงอันเจ็บปวดไม่แพ้เขาของมาร์การ์เร็ต เขาผละจากมาร์การ์เร็ตช้าๆ แล้วจูบหน้าผากนุ่มของเธอเบาๆ 

    "รักษาตัวให้ดี" นั่นคือคำสุดท้ายที่วลาดเอ่ยบอกกับมาร์การ์เร็ต มาร์การ์เร็ตเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาค่อยๆ หายไป

    มาร์การ์เร็ตตัดสินใจที่จะวิ่งเข้าไปกอดวลาดจากด้านหลังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปจากชีวิตของมาร์การ์เร็ต 

    "ฉันรู้มันฟังดูงี่เง่า แต่ในอีกชีวิตหนึ่ง...ถ้ามันมีจริงฉันจะแต่งงานกับคุณ ฉันสัญญา ฉันจะตามหาคุณไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน เราจะได้แต่งงานกัน เราจะมีความสุขด้วยกันนะ ในโลกใบนั้น" มาร์การ์เร็ตพูดทั้งน้ำตา อีกครั้งที่วลาดหลับตาฟัง เขากุมมือมาร์การ์เร็ตที่อยู่รอบเอวของเขา เงยหน้าขึ้นมองฟ้า

    "ผมจะรอวันนั้น"









Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
nichised (@ksdholler)
ตอนแรกจะมาเล่นตลกว่านี่ฟิคแดร์เดวิลหรอ แต่ครึ่งหลังเศร้า จนนน T T