เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE IN LETTERSSilapa Junior
Work and other drugs: เรื่องงาน ไปยาลใหญ่ (จบ)
  • ทำบ้านให้เป็นบ้าน
    บ้านของพี่น้องตอนนั้นเหลือเพียงเสื้อน้ำมันสีเขียวสด ราวตากผ้า และฝุ่นที่ที่ปกคลุมจากการย้ายของออกไว้ต้อนรับผู้พักอาศัยใหม่อย่างผม แอบเครียดนิดนึงว่าเราจะอยู่ได้ไหม แต่ความสนุกตื่นเต้นนั้นมีมากกว่าหลายเท่า

    เมื่อก่อน ตอนที่ตอบคนอื่นว่าอยากเรียนคณะสถาปัตยกรรม ผมจะตอบว่า ‘เพราะอย่างออกแบบบ้านของตัวเอง’ ไม่เคยคิดว่าเรียนคณะทันตแพทย์จบออกมาแล้วจะได้ทำสมใจ เรามีความสุขมากกับการไป อิเกีย ไป โฮมโปร เลือกซื้อของทำบ้านแต่งบ้านแบบมิติใหม่ อยู่ๆ ก็ต้องมีความรูปเรื่อง ปูนกาว มุ้งลวด BTU แอร์ และ primer รองก่อนทาสีขึ้นมาซะอย่างนั้น กลับมาถึงก็ต้องแปลงร่างเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาด แปลงร่างเป็นช่างทาสีและต่อเฟอร์นิเจอร์ (การต่อเฟอร์ฯของอิเกียเป็นอะไรที่ผมชอบมาก อยากรับจ้างต่อเลยล่ะ) เหนื่อย แต่ก็สนุกดีไม่หยอก

    จนในที่สุดบ้านก็เริ่มเป็นบ้านแล้ว แต่ก็ยังอยากตกแต่งต่อไปเรื่อยๆ 

    เริ่มสนุกตั้งแต่ซื้อตั้งแต่ซื้อของ
    ห้องนอน
    ห้องน้ำแบบ before และ after
    หน้าต่างเหล็กดัดวิเทจที่แค่ทำความสะอาดก็ดูดีขึ้น

    A pot and a pan
    ตามบทเรียนปัจจัยสี่ที่จำเป็ดต่อการดำรงชีวิต เครื่องนุ่งห่ม (แบกมาจากกรุงเทพฯ) ที่อยู่อาศัย(บ้านพึ่งทำเสร็จ) ยารักษาโรค (บ้านฉันอยู่ในโรงพยาบาล) สุดท้ายก็คืออาหารการกิน

    ภูเรือเป็นที่ที่อาหารเยอะพอสมควรเลยครับ อาจจะเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ร้านอาหารก็จะมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ตามสั่งสุดเบสิก ก๋วยเตี๋ยว จะเนื้อตุ๋น ต้มยำ ก็มีแยกกันไป ไปจนถึง ผัดไท ขาหมู ข้าวหน้าเป็ด ก๋วยจั๊บญวณ ร้านกับข้าวกินเป็นครอบครัว และ บุเฟค์ชาบู เรียกได้ว่าวนกินกันไม่รู้เบื่อ แต่บางครั้งด้วยปัจจัยโน่นนี่ เช่นร้านปิดบ้าง ไม่มีรถไปบ้าง หรือแค่ตามอารมณ์ เราจึงต้องทำอาหารกินเอง

    หนึ่งในความฝัน (เอาอีกละ ความฝันมึงนี่มากมายเหลือเกิน ) ขอผมก็คือการทำอาหารได้เก่งๆ ซึ่งตั้งแต่เด็กเราได้รับอิทธิพลมาจากพ่อ ที่ทำกับข้าวให้กินเกือบทุกเย็น จนได้มีโอกาสช่วยและพอทำเป็นอยู่บ้าง มาใช้ทุนครั้งนี้เลยถือโอกาสทำซะเลย 

    เหย คือจะบอกว่าการทำอาหารมันไม่ยากเลยนะครับ เรามีแค่ กระทะ+เตาไฟฟ้า แล้วก็หม้อหุ่งข้าว ก็แทบจะทำได้ทุกอย่างเลย เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมคลายเครียดที่สนุกมาก จะติดก็อยู่แค่ตอนล้างจานนี่แหละ
    ข้อคิดอีกอย่างที่ได้คือเวลารู้สึกว่าตัวเองงานหนัก ให้นึกถึงจานชามที่บ้านพัก มันถูกชำเราให้ทำงานไม่มีหยุด ใส่วัตุดิบเสร็จ ล้างเอามาใส่อาหาร กินเสร็จ แป๊ปๆ ล้างเพื่อรอทำมื้อต่อไปอีก พอคิดได้อย่างนี้เราก็จะมีกำลังใจขึ้นมาทันที (ฮา)

    แซลม่อนหน่อไม้ฝรั่งและผัดไชโป๊ว
    อกไก่ทอดและเฟรนช์โทสต์
    ข้าวมันไก่ inspired สปาเกตตี้

    เงินเดือน
    อย่างที่เคยบอกครับว่าในชีวิตไม่เคยทำงานแลกเงินเลย เราเองก็ใช้ชีวิตโดยที่ไม่เคยมี ความรู้สึกของคำว่า ‘เงินเก็บ’ สักเท่าไร คือคิดว่ามันก็ไม่ต่างจากเงินพ่อเงินแม่อะไรแบบนี้ ตอนมาทำงานในตอนแรก ความรู้สึกมันก็เลยไม่ค่อยจะแตกต่างจากตอนฝึกงานนัก ตื่นมา ทำงาน เรียนรู้งาน ตกเย็นกัลบมาทำบ้าน ทำอาหาร นอน จนเวลาผ่านมาเดือนเศษ ถึงเงินเดือนเราจะตกเบิก แต่ว่าเงินพิเศษบางส่วนก็น่าจะตกถึงสมุดบัญชีบ้างแล้ว ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกกระเหี้ยนกระหืออยากไปรับรู้เงินก้อนนั้นเท่าไร ธนาคารก็ออกจะไกล จนมาวันหนึ่ง โบนัส กับพี่นัต มาเยี่ยมและเสนอพาเราไปอัพเดทสมุดบัญชีให้ที่ตู้อัตโนมัติหน้าธนาคาร

    เจ้าพระคุณเอ๊ย วินาทีที่สอดบุ๊กแบงก์เข้าไปแล้วมีตัวเลขถูกพิมพ์ออกมา ตัวเลขที่ที่แสดงถึงเม็ดเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เป็นความรู้สึกที่เบิกบานบอกไม่ถูก
    พอหาเงินได้เอง จากที่ไม่เคยและไม่คิดว่าชีวิตนี้จะสนใจแล้วเข้าใจ ก็เริ่มมีความคิดอยากที่จะจัดสรรปันส่วน บริหารการเงินของตัวเองขึ้นมานิดหน่อย (ฮา)

    เงินเดือนบางส่วนที่ให้พ่อกับแม่เป็นที่ระลึก 

    Hardship
    เรารู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่า การมาใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัดต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่เรื่องหนักๆ มักจะโผล่มาโจมตีอย่างคาดไม่ถูก เป็นเรื่องที่ลึก และซับซ้อนกว่าการต้องไปอยู่ไกลบ้าน หรือกินไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น 

    สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องประสบคือความหนักทำงานหนักของงาน เรานั่งทำฟันตั้งแต่ เกือบเก้าโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็น บางวันเลยไปถึงสองทุ่ม คนไข้ที่ต้องเจอวันละเป็นสิบๆ คน แต่ที่ร้ายที่สุดคือความน่าเบื่อซ้ำซากของงานที่ทำ ผมมองว่ามันคล้ายกับสาวโรงงาน ไม่ใช่ว่าไม่ได้ฝึกฝนฝีมือ แต่ด้วยธรรมชาติของงาน มันทำทักษะหลายๆ อย่างที่เราต้องการพัฒนามันดันร่นถอยลงไป ครั้นจะเอาเวลาว่างไปฝึกฝน ทำงานที่ชอบก็แทบจะไม่มีกะจิตกะใจ เพราะมันเหนื่อยหนักน่าทิ้งตัวลงนอนพักเฉยๆ มากกกว่า
    ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องทน ด้วยทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้ที่ค่อนข้างไกลจากกรุงเทพ การนั่งรถทัวร์และเครื่องบ่นเทียวไปมาไม่ใช่เรื่องสนุกแถมไม่ประหยัด แต่ก็ต้องยอมแลกเพื่อให้ได้กลับมาเติมพลังใจกับสถานที่หรือไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคย ซึ่งด้วยทัศนคติแบบ ‘เอาให้คุ้ม’ ของการกลับมาเมืองหลวงในแต่ละครั้งก็สร้างความอึดอัดในใจเช่นกัน เราจะมีความรู้สึกเป็นชะโงกทัวร์อยู่ตลอดเวลา นัดเจอเพื่อน ไปกินข้าวกับพ่อแม่ ดูหนังเรื่องที่รอคอย ชมนิทรรศการศิลปะแสนน่าสนใจ และอไรต่อมิอะไรอีกมาก แม่เวลาเดินทางมาถึงวันที่จะต้องกลับเลย ก็จะมีความเหงาเว้าแหว่งในใจทุกครั้งไป เป็นความรู้สึกที่ไม่ชอบเอาเสียเลย

    ความเครียดจากปัญหาคนไข้ที่มีภาวะแทรกซ้อนก็เป็นอีกเรื่องที่ทำผมนอนไม่กลับ เช่นคนที่ฟันผุจนเป็นหนองบวมใหญ่เท่ากำปั้นมา หรือน้องเด็กที่เป็นโรคซึ่งมีคาวมผิดปกติเกี่ยวกับการสร้างหัวใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากแก่การตัดสินใจ หรือขอความช่วยเหลือ หมอฟันที่ไม่ได้เรียนเก่ง ไม่ได้อินในวิชาชีพแถมไร้ประสบการณ์อย่างเรา ต้องปรึกษาหาขอมูลประกอบการตัดสินใจอย่างเต็มความสามารถ แต่สุดท้ายกลับโดนกล่าวหาว่าเป็นคนสะเพร่า สร้างความเสี่ยงในคนไข้ จากผู้ไม่หวังดี มันทำเอาผมเสียความศรัทราในหน้าที่ตัวเองไปมากเลยครับ คืนนั้นได้เจอเรื่องแบบนี้ไม่ครั้งแรก ถึงกับนอนไม่หลับทั้งคืนเลย แต่พอได้สติก็ต้องลุกขึ้นแล้วบอกกับตัวเองได้ว่า นี่แหละ ชีวิตจริง อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา เราต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

    “ไม่จำเป็นต้องเสียสละ เพียงแต่อย่าเห็นแก่ตัว” อาจารย์หมอเคยบอกผมไว้ในคาบปฐมนิเทศน์ ถึงผู้ใหญ่คนอื่นอาจจะไม่เป็นตามนั้น ก็ช่างเขา ทำส่วนของเราให้ดี

    สุดท้าย ที่ไม่ชอบที่สุดเลยคือนิสัยที่เปลี่ยนไป จากที่ในหัวสมองเราเคยมีสิ่งกระตุ้นมากมาย มีเรื่องให้ทำเยอะแยะ กลับกลายเป็นมาใช้ชีวิตอยู่ในที่เรียบๆ มันทำให้เป็นคนจมและยึดติดกับเพื่อน รู้สึกว่าตัวเองขี้เหงา คิดมาก และพึ่งคนอื่นมากขึ้น ตอนนี้ได้แต่ต้องปลอบตัวเองอยู่เสมอว่า ก็แค่ชั่วคราว บริบทที่นี่มันสามารถทำให้เราโตเป็นคนที่ดีขึ้นได้

    สรุป
    ตลอด สี่เดือนที่ผ่านมา (จริงๆ เริ่มเขียนตั้งแต่ทำงานครบสองเดือนแล้ว แต่พึ่งจะมีเวลาเขียนจยเสร็จ) ผมได้เติบโตและเรียนรู้หลายสิ่งอย่าง ทึ่งกับทักษะความอดทนและปรับตัวของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เยอะเลย แต่คิดว่ามีน้อยกว่านี้ ฮ่าๆ ถ้าถามว่าขณะนี้มีความพอใจกับชีวิตไหม ตอบได้ทันทีนะครับว่าไม่ค่อยเท่าไร แต่นั่นก็คือธรรมดาของชีวิต ในวันที่ดี ข้อดีของการมาใช้ทุนก็ดูจะเบ่งบานบดบังสิ่งอื่นจนเราแฮปปี้ขีดสุด แต่ในวันที่ยาก ตอความยากลำบากมากมายก็ผุดขึ้นมาให้เราใจแป้วอยู่บ่อยครั้ง บอกไม่ถูกเลยว่าในอนาคตอันใกล้ เช่นปีหน้า เราจะทำอะไรกับชีวิตน้อยๆ ของเรา 

    Everything ahead of us is totally unknown and there's no guarantee that things are going to be all right. It's exciting, but it's also pretty scary.

    ผมใช้ quote นี้จากการ์ตูน Adventure Time มาใส่ในการ์ดวันรับปริญญา รู้สึกว่า นี่แหละ ใช่เลย ความสึกของชีวิตเราช่วงนี้

    แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่า เรามีทางเลือกเสมอ ขอให้จงพอใจและไม่เสียใจกับทางที่ตัดสินใจเลือกก็พอ
    เป็นกำลังใจให้กันนะครับ ผู้กล้าวัยทำงานมือใหม่ทุกๆ คน : )

    ส่งท้ายด้วยภาพการทำงานครับ

    คลิกที่นี่เลยเพื่ออ่านตอนที่แล้ว:)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in