เขียนโดย นัตสึคาวะ โซสุเกะ

จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Biblio

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่โด่งดังอย่างมากในหมู่นักอ่านหมวดวรรณกรรม เป็นนิยายแปลญี่ปุ่นที่มีรางวัล Japan Bookseller Award การันตี เป็นนิยายแฟนตาซีที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็อ่านได้อย่างสนุกสนาน เหตุผลที่เลือกเล่มนี้มาอ่านเพราะ ชื่อหนังสือกับเรื่องย่อที่ดึงดูดหนอนหนังสือที่รักการอ่านและรักหนังสือเป็นชีวิตจิตใจแบบเรามาก ๆ เด็กหนุ่มรินทาโร่กับแมวลายส้มจะพาเราไปผจญภัยในโลกแบบไหนและจะช่วยหนังสือได้ยังไงนะ เป็นการตั้งคำถามก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนี้แล้วเดินไปจ่ายเงิน

เรื่องราวของ 'ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ' เริ่มต้นจากการที่รินทาโร่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างคุณปู่ไป คุณปู่ผู้ซึ่งเปิดร้านหนังสือนัตสึกิร้านหนังสือมือสองที่รวบรวมหนังสือหายากแต่ทรงคุณค่าเอาไว้มากมาย รินทาโร่เป็นเพียงเด็กม.ปลายที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ที่นี่ เขารักการอ่านหนังสือมาก จริงๆ ออกจะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำในสายตาคนอื่น เขาหมกตัวอยู่กับหนังสือเกือบตลอดเวลา แต่ต้องยอมรับเลยว่ารินทาโร่ได้อ่านหนังสือดีๆ วรรณกรรมคลาสิกของนักเขียนระดับโลกหลายเล่ม ชนิดที่เอ่ยชื่อออกมานักอ่านตัวยงต้องรู้จัก และมีอีกหลายเล่มที่เป็นตำนานที่หาอ่านได้ยากแล้ว หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเองอยากไปหาหนังสือเหล่านั้นมาอ่านบ้างเช่นกัน กลับเข้าเรื่องปาฏิหาริย์แมวลายส้มฯกันดีกว่า เรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีที่มีแมวพูดได้ผลุบๆ โผล่ๆ ในเรื่อง ขอเล่าแบบไม่สปอยล์เพื่อคงอรรถรสแก่ผู้ที่จะหาเล่มนี้มาอ่านนะคะ แมวลายส้มกับรินทาโร่ได้ออกผจญภัยในโลกแฟนตาซี รินทาโร่ผู้เก็บตัวไม่สุงสิงกับใครจะช่วยหนังสือได้จริงๆ น่ะหรือ ขนาดตัวรินทาโร่เองยังไม่มั่นใจ แต่สิ่งที่รินทาโร่มีคือพลังที่คนอื่นไม่มี นั่นคือพลังจากการอ่านหนังสือ หนังสือมีพลังปู่เคยบอกไว้อย่างนั้น รินทาโร่ค่อย ๆ เปิดใจให้กับแมวลายส้ม และเพื่อนสาวซึ่งเป็นหัวหน้าห้องชื่อยุซุกิ ที่คอยช่วยเหลือรินทาโร่อยู่เสมอ หลังจากการผจญภัยรินทาโร่ไม่แค่ช่วยหนังสือแต่หนังสือก็ช่วยรินทาโร่เช่นกัน ภายนอกอาจไม่ได้เปลี่ยนแต่ภายในจิตใจนั้นเปลี่ยนไปแล้วรินทาโร่เติบโตจากการเดินทางช่วยเหลือหนังสือ

แท้จริงแล้วเราอ่านเพื่ออะไรกัน หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามกับเรา เราอ่านเสร็จแล้วนำไปประดับในตู้หนังสือ เก็บมันไว้อย่างดีไม่ให้ฝุ่นจับ หรืออ่านเรื่องย่อหนังสือก็พอเพื่อที่จะมีเวลาอ่านหนังสือให้ได้มาก ๆ คำถามเหล่านี้เข้ามากระแทกในใจเรานับครั้งไม่ถ้วนขณะอ่าน และช่วยเตือนสติว่าเราควรอ่านเพื่อจะมีชีวิตและใช้ชีวิตไปพร้อมกัน ต้องก้าวเดินด้วยขาตัวเองด้วยสิ อย่าแค่อ่านไปเรื่อยเปื่อย หากเพียงอ่านไม่ได้นำสิ่งที่รับรู้มาไปใช้ในชีวิตจริงเลย หนังสือที่อ่านก็เป็นเพียงความรู้ที่หยิบยืมมามิได้เป็นความรู้ที่จะอยู่กับเรา หรือประเด็นการอ่านหนังสือยากๆ ก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง การที่เราอ่านไม่เข้าใจเพราะเรายังไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นมากพอ แต่มันก็ควรค่าแก่การอ่านและทำความเข้าใจอยู่เหมือนกัน พออ่านปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือจบเราถึงได้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง ยังมีคนรักหนังสืออยู่อีกมากไม่ใช่ว่าไม่มีคนรักไม่มีคนอ่านหนังสือแล้ว แต่ทุกวันนี้เรามีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำมากมาย ทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือมากเท่าที่ใจอยาก จะเลือกอ่านแต่หนังสือขายดีอย่างเดียวก็ไม่ได้ เช่นนั้นสำนักพิมพ์ก็คงไม่พิมพ์หนังสือดีๆ เล่มอื่นออกมา ในฐานะผู้อ่านเราสะท้อนใจแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริง กระนั้นเราก็หวังอยู่ลึกๆ ว่า นักอ่านจะรับรู้ถึงพลังของหนังสือทุกๆ เล่มที่ตนได้อ่าน แม้ว่าเราจะไม่สามารถอ่านหนังสือที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกนี้ได้

Picture Credit: 

Book cover : se-ed.com, thaibookfair.com