*เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ไว้นานแล้วอีกที่หนึ่ง เอามาลงที่นี่ด้วย
1
ในช่วงเวลาที่การเมืองกำลังร้อนระอุ เวทีแต่ละฝ่ายปราศรัยกันอย่างเอาเป็นเอาตายและถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์รวมถึงวิทยุของแต่ละฝ่ายตลอดทั้งวันทั้งคืน
เรานั่งอยู่ตรงนั้น…ตรงกลางระหว่างความเกลียดชัง…
ด้วยหน้าที่การงานในขณะนั้น นักข่าวทำงานในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่มีการมอนิเตอร์ข่าวของทุกช่องอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่งานข่าวสายตรง แต่โทรทัศน์ทุกเครื่องประจำทุกโต๊ะข่าวก็ต้องเปิดโทรทัศน์แต่ละช่องเพื่อติดตามดูความเคลื่อนไหวของแต่ละฝักฝ่ายว่าเป็นอย่างไร
ตอนนั้นโต๊ะข่าวของเราต้องเปิดช่องของสีสว่าง ในขณะที่เบื้องหลังเยื้องไปใกล้ๆเปิดช่องสีสด
ถ้อยคำด่าทอดุเดือดเผ็ดร้อนสาดใส่จากทั้งสองฝ่าย
บางคำมาพร้อมเหตุและผล แล้วปิดท้ายด้วยการสาปส่งอีกฝ่าย
บางคำไม่มีเหตุและผลอันใด นอกจากติดป้ายให้อีกฝ่ายเลวแล้วยกว่าฝ่ายตนดีกว่าล้นพ้น
และหลายคำ…ระบุความเกลียดชังชนิดจะฆ่ากันให้ตาย
เรานั่งอยู่ตรงนั้น…ตรงกลางระหว่างความเกลียดชัง…
2
ณ ขณะนั้นเราคุยกันไม่ได้
แม้แต่บนโต๊ะอาหาร
จานอาหารรสเลิศมากมายวางอยู่ระหว่างเรากับแม่ แต่เราคุยกันไม่ได้
แม่ใส่หูฟังอยู่ตลอดเวลา
เสียงที่ลอดออกมาให้ได้ยินบนโต๊ะอาหารที่มีแต่ความเงียบงันไม่ใช่เพลงสุนทราภรณ์ที่แม่รักนักหนา แต่เป็นเสียงตะโกนใส่ไมโครโฟนของแกนนำเวทีสีสว่างที่กำลังปลุกระดมความเกลียดชัง สาดของเสียต่างๆ มากมายใส่อีกเวทีขั้วตรงข้ามอย่างเมามัน
แม่ยังตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย พลางก่นด่าตามเสียงของแกนนำผู้นั้น คำด่าที่เราไม่เคยได้ยินแม่ใช้กับอะไรหรือใครมาก่อนเลยในชีวิต
เรายังตักอาหารเข้าปาก ลิ้นไม่รู้รส และนึกอยากให้ตัวเองหูหนวกขึ้นมาฉับพลัน
ไม่นานแม่จะหันมาขอความเห็นด้วย ว่าไอ้นู่นคนนั้นคนนี้ชั่วช้าสามาณย์อย่างไร
และเมื่อเราแสดงความคิดเห็น แม้จะไม่ได้เข้าข้างฝั่งตรงข้ามแต่ก็ไม่เข้าข้างฝั่งที่แม่เชื่อสุดใจ ประโยคที่ตามมาคือ
“ไม่รู้อะไรเอาซะเลย ว่า…มันเลวแค่ไหน”
อันที่จริงหากมองกลุ่มก้อนทั้งสองจากระยะไกล เราพบเพียงกลุ่มคนที่เหมือนกันแทบทุกลักษณะ เว้นก็เพียงชุดความเชื่อที่ยึดถือ
…กลุ่มคนที่ปลูกและรดน้ำให้ต้นไม้แห่งความเกลียดชัง…
บนฐานความเชื่อเหล่านั้น พวกเขาปลูกมันอย่างทะนุถนอม รดน้ำให้มันเติบโต และใส่ปุ๋ยให้มันสมบูรณ์อย่างขันแข็ง
เราหงุดหงิดพลางสลดใจ
เพราะต่อให้พยายามจะเข้าใจมากมายเพียงไร เราก็ไม่สามารถมองเห็นดอกผลอันสวยงามจากความเกลียดชังได้เลย
ต่อมาเราจึงเลือกที่จะเงียบ ทำตัวเป็นใบ้ หากยังมีคำถามเบาๆเกิดขึ้นในใจ…
ใครกันแน่ที่ไม่รู้อะไรและอะไรที่ว่านั้นจริงแค่ไหน?
แต่ก็นั่นล่ะ
ณ ขณะนั้นเราคุยกันไม่ได้
3
หลังจากนั้นเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น
คนกลุ่มหนึ่งมัดมือชกหยิบยื่นความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้สังคมนี้โดยมิไถ่ถาม สถาปนาตนเพียงหนึ่งเดียวให้ทุกคนรับฟัง ยื่นมือมาปิดหู ปิดตา ปิดปาก กลุ่มคนที่เห็นต่าง พร้อมอ้างความสงบเรียบร้อยและปรองดอง
แม้จะไม่พอใจ แต่เราเข้าใจธรรมชาติของคนกลุ่มนี้
ถึงแม้ธรรมชาติของพวกเขาจะไม่ยอมเข้าใจคนกลุ่มอื่นก็ตาม
4
“ไม่ต้องรักกัน แต่เคารพกัน”
ประโยคนี้ติดอยู่ในหัวสมองและหัวใจตลอดเวลาที่นั่งอ่าน หากความเข้าใจยังมีอยู่จริง ของ นิ้วกลม
ในชั่วขณะที่เราอยู่ตรงกลางระหว่างความเกลียดชังและคุยกับใครไม่ได้ เราเองก็ได้ประโยคที่คล้ายกันนี้เป็นคำตอบให้ตัวเองและคนรอบข้างเหมือนกัน
….เราหงุดหงิด เราไม่พอใจ แต่เราก็ยอมรับและเคารพเหตุผลของความเกลียดชังนั้น….
แต่การเดินทางผ่านและตามตัวอักษรของนิ้วกลมพาความคิดเราไปไกลกว่านั้น
มันพาเราไปสำรวจเหตุการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นในสังคมและบ้านเมืองของเรา พร้อมๆกับเปิดง้างความเกลียดชังที่เราหลงลืมอยู่ในตัวให้เปิดออกอ้า ถีบเราให้เดินหน้าพาตัวเองเดินเข้าไปสำรวจมันอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยคิดและไม่เคยทำมาก่อน
ขณะเดียวกันก็ยิงทั้งความรู้สึกและคำถามมากมายใส่หัวไม่ได้หยุดหย่อน แทบทุกคำถามนิ้วกลมมีคำตอบให้ หากก็ยังเป็นคำตอบที่ชวนให้คิดต่อ ชวนให้หาคำตอบที่แตกต่างมาชนกัน
ไม่ต้องเห็นด้วยทั้งหมดก็ได้ แต่ลองมาช่วยกันคิดดูไหมล่ะ
นั่นล่ะ
“ไม่ต้องรักกัน แต่เคารพกัน”
5
แน่นอนเรามีความเกลียดชังอยู่ในตัว
เกลียดโน่นนั่นนี่ทั้งที่มีเหตุผลและบางทีก็หาเหตุผลไม่เจอ
แต่เมื่อเคยต้องนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างความเกลียดชังมาแล้ว เรามองมันอย่างประนีประนอมมากขึ้น กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเรามีใจพร้อมจะอยู่กับความเกลียดชังรุนแรงของผู้อื่นได้ตลอดเวลา
เมื่อได้อ่าน “หากความเข้าใจยังมีอยู่จริง” เราพบว่าตัวเองยังสามารถมีชีวิตร่วมกับความเกลียดชังนั้นได้ เข้าใจมันได้ และยอมรับมันได้
อย่างที่ โตมร ศุขปรีชา เขียนไว้ใน ‘เกลียดนิยม’ ช่วงต้นของหนังสือ
“…ไม่ว่ารักหรือเกลียด, เอาเข้าจริงแล้วอาจไม่ได้สลักสำคัญมากท่าการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งที่เรารักหรือเกลียดนั้นด้วยหัวใจที่สงบนิ่งมากพอที่จะไม่ทำทั้งผลักไสหรือใฝ่หาจนร้อนรนกันไปทั้งสังคม”
แต่ก็นั่นล่ะ…
หาก “ความเข้าใจ” เกิดขึ้นอยู่ฝ่ายเดียวก็คงทำอะไรได้ยากเย็น
หวังไว้ก็เพียง…อยากให้ความเข้าใจนั้นมีอยู่จริง
มีน เกวลิน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in