ฤดูที่ผันเปลี่ยนทำให้สังเกตว่าผู้คนที่เดินสวนไปมาหันมาใส่เสื้อโค้ทกันแล้ว นิชิโนะเองก็เช่นกัน ขณะที่กำลังเดินไปตามทาง ปลายนิ้วเรียวทั้งสองข้างก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นของฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน ยิ่งเป็นในตอนกลางคืนแบบนี้ อุณหภูมิก็จะยิ่งลดฮวบลงไปอีก นั่นทำให้เธอซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะรีบเดิน
อยากเจอจะแย่แล้ว....
คิดไปด้วยความรู้สึกที่แน่นอยู่เต็มอก งานที่นิชิโนะได้รับมอบหมายนั้นแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนเลยทำให้ยุ่งไปกว่าเก่า ส่วนชิราอิชิเองก็ยุ่งอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นพวกเราเลยแทบไม่ได้เจอกันเลย อย่างมากก็สัปดาห์ละครั้ง แต่ปกติก็มักจะคุยกันทางโทรศัพท์หรือส่งข้อความหากันอยู่ตลอด เรื่องที่ใช้เป็นหัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไปอย่างถามว่าทำอะไรอยู่ หรือจะเป็นข้อความให้กำลังใจสั้นๆในยามที่กำลังรู้สึกเหนื่อยล้า แค่ความธรรมดาเหล่านั้นกับทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย แต่มันก็รู้สึกเหงาอยู่ดี ความคิดถึงที่หาที่ลงไม่ได้นี้คงจะคลายลงหากได้สวมกอดอีกฝ่ายแน่นๆเป็นแน่
"ดึกป่านนี้แล้วเหรอ"
พอได้อยู่กับชิราอิชิ เธอก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเวลาที่เฝ้าคอยให้มันผ่านพ้นไปเมื่อตอนอยู่ในที่ทำงานนั้นช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นการกลั่นแกล้งกัน นิชิโนะย่นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ ทั้งที่อยากอยู่กับอีกฝ่ายให้นานกว่านี้อีกนิดแท้ๆ แต่แบบนั้นต้องไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายแน่ๆ แถมยังต้องออกไปเจออากาศเย็นๆข้างนอกนั่นอีก
"งั้นค้างที่นี่ซะเลยสิ ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด” ชิราอิชิที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาโดยสายตายังมองไปทีหนังที่กำลังฉายอยู่ในโทรทัศน์
“ชวนแบบนี้คงไม่ได้แอบคิดอะไรหรอกใช่ไหมคะ?” แซวไปตามประสาคนที่เริ่มจะคึกจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์พลางหัวเราะใส่คำชักชวนเล่นๆของอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อที่จะไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะ แต่แล้วก็ต้องเสียการทรงตัวลงกลับไปนั่งอีกรอบจากแรงดึงของคนอายุมากกว่า โซฟาตัวใหม่ที่สามารถหายใจและกอดรัดเธอไว้ได้นั้นกำลังจดจ้องมาหาอย่างจริงจัง พอมองไปที่สายตานั้นก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดขึ้นมาเล่นๆก็ทำให้อ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แล้วก็ดูเหมือนว่าคนที่กำลังโอบเอวไว้อยู่ก็ไม่ได้ต้องการคำพูดใดๆจากนิชิโนะเช่นกัน ที่รู้ก็เพราะริมฝีปากที่ไม่รู้จักพอนั้นไม่มีทีท่าว่าจะออกห่างไปไหนเสียที
"ค้างที่นี่เถอะนะคะ"
.
.
ไอร้อนจากอ่างน้ำที่กำลังแช่อยู่ทำให้กระจกมัวจนมองไม่เห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ หญิงสาวเหลียวไปมองลายกระเบื้องที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นก็ชันเข่าขึ้นมากอดไว้ด้วยใจระส่ำระส่าย กลิ่นแชมพูแสนคุ้นเคยยามเข้าไปใกล้ชิดบุคคลอันเป็นที่รักลอยตลบอบอวลไปทั่วนั้นทำให้แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเผลอคล้อยตามไปง่ายๆแบบนั้น พอพยักหน้าตกลงไปอีกฝ่ายก็ยกยิ้มอย่างได้ใจ ตอนนั้นก็รู้แล้วว่ากำลังหลงกลคนเจ้าเล่ห์เข้าให้เสียแล้ว
“บ้าชะมัด” บ่นใส่เจ้าของห้องและตัวเองที่พูดอะไรไม่รู้จักคิดออกไปแบบนั้น ถึงจะได้ไปมาห้องของกันบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยถึงขั้นค้างคืนเลยสักครั้ง แถมยังไม่เคยเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่จินตนาการอยู่ในหัวขณะนี้ด้วย
อ๊ะ นี่กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย...
กวักน้ำใส่หน้า2-3ทีเพื่อไล่มันออกไป เอาแต่คิดแบบนี้ก็เหมือนกลายเป็นเราน่ะสิที่เป็นฝ่ายหมกหมุ่นกับอะไรแบบนี้ แต่พอนึกถึงอีกฝ่ายแล้วก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี คงจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้วสินะ ก็หน้าตาดีซะขนาดนั้น แถมอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วด้วย คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แน่ๆ...
ระยะเวลาที่คบกันนั้นทำให้เกิดนึกด้วยความสงสัยอยู่ตลอดว่าเมื่อไรถึงจะเรียกว่าเหมาะสม นิชิโนะที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี แต่กระนั้นก็ทำถึงกระทั่งลงทุนไปนั่งค้นหาเรื่องพรรค์นั้นให้ตัวเองลนลานอยู่คนเดียว ถึงที่ผ่านมาชิราอิชิจะไม่เคยเร่งเร้าหรือร้องขอสักครั้งเลยก็เถอะ นั่นอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายคงรับรู้ได้ถึงความกังวลในใจของเธอก็ได้ ถ้าเป็นไปได้เธอเองก็ไม่อยากจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน อยากจะก้าวข้ามผ่านวังวนที่น่ารำคาญนี้ลงไปเสียที แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ถอดถอนเอาความร้อนรนไปรวมกับไอระเหยที่ลอยอยู่ในห้องน้ำ
"นานาเสะจะนอนเลยรึเปล่า ?"
คนที่กำลังเป่าผมให้กันอยู่นั้นถามออกมาอย่างใจเย็น ทั้งที่ผมของตัวเองก็เปียกชุ่มอยู่แท้ๆแต่ก็ยังอาสามาช่วยโดยให้เหตุผลว่าถ้าเป็นหวัดไปล่ะก็ต้องแย่แน่ๆ เป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่นเสียจริง นั่นเป็นนิสัยของชิราอิชิที่ทำให้เธอนึกได้ใจ ไม่ว่าเมื่อไรคนๆนี้ก็มักจะนึกถึงเธอเป็นอันดับแรกเสมอ บางทีก็เลยเผลอเอาแต่ใจไปบ้าง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องทำตามอย่างแน่นอน หลับตารับสัมผัสแสนเบามือที่กำลังบรรจงทำให้กันอยู่ก่อนจะตอบออกไป
"ขอดูหนังให้จบก่อนดีกว่า"
เป็นข้ออ้างที่เพิ่งคิดขึ้นได้เมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่แทรกผ่านเสียงไดร์เป่าผมเข้ามา จะให้นอนตอนนี้เลยก็คิดว่าคงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับไปตลอดคืนแน่ๆ เหมือนกับตอนไปเข้าค่ายสมัยเรียนไม่มีผิด แต่สาเหตุไม่ใช่เพราะการไปนอนต่างถิ่นหรือเสียงเพื่อนที่ดังโหวกเหวกจนหลับตาแทบไม่ลงแบบนั้นหรอก แต่เป็นเพราะคนที่กำลังเป่าผมให้กันอยู่นี้ต่างหาก ที่ห้องนอนก็ต้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ชวนให้สงบใจลงไม่ได้ หรือแม้กระทั่งชุดนอนที่กำลังสวมใส่อยู่ตอนนี้ ล้วนกลมกลืนกันไปจนรู้สึกเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ
หลังจากที่ผมแห้งด้วยกันทั้งคู่แล้วเราสองคนจึงพากันย้ายร่างกายมาอยู่ที่โซฟาตัวเดิมในห้องนั่งเล่น ดูหนังที่ค้างไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้พร้อมปิดไฟลงเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นโรงหนังขนาดย่อม ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ นิชิโนะที่ดูจะสนใจกับสิ่งตรงหน้าจนลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไป จนกระทั่งหนังดำเนินมาถึงฉากเลิฟซีน เธอสามารถดูมันได้สบายๆโดยไม่ได้มีท่าทีเขินอายอะไร อาจจะเพราะนิชิโนะเองก็ชอบดูหนังอยู่เหมือนกัน แต่ว่า...มันเพราะอะไรกันล่ะ... เหตุผลของปลายนิ้วก้อยกำลังเกี่ยวกุมมือที่นาบไว้บนโซฟาอยู่ขณะนี้
ไม่กล้าหันไปมอง….
รู้ว่าชิราอิชิก็คงกำลังแสร้งทำเป็นตั้งใจดูหนังเพื่อหลอกให้เธอหันไปอยู่แน่ๆ ต้องเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน เธอก็เลยแกล้งไม่สนใจบ้าง แต่เมื่อคิดจะตั้งใจดูหนังอีกรอบก็เกิดความรู้สึกที่แสนแปลกใหม่ขึ้นมา ในอกรู้สึกรุมๆอย่างบอกไม่ถูก มันแปรเปลี่ยนไปเป็นความน่าอายจนไม่กล้ามองตรงๆ คอก็เริ่มแห้งขึ้นมาจนต้องหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มไปหลายอึกก่อนจะหันไปหาอีกคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาดูอยู่
"ไปนอนกันเถอะ" พูดขึ้นแล้วดึงแขนเสื้อเพื่อเรียกความสนใจ
"แต่หนังยังไม่จบเลยนะ"
"ไม่อยากดูแล้ว"
"ทำไมล่ะ ?" พูดแล้วทำหน้าครุ่นคิดอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะยกยิ้มตรงมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ "หรือว่า...จะดูอะไรแบบนี้ไม่ได้งั้นเหรอ ?"
"ม-ไม่ใช่สักหน่อย"
"งั้น..."
"หรือว่า...เริ่มจะรู้สึกอะไรขึ้นมาแล้วเหรอไง ?"
"ไม่ใช่นะ ! เลิกเดามั่วซั่วได้แล้ว" รู้สึกกระจ่างขึ้นมาทันทีที่โดนทักท้วงเข้า หากแต่ไม่สามารถยอมรับความน่าอายของมันได้บอกออกไปเสียงขุ่นมัวว่าถ้ายังไม่เลิกแกล้งกันจะโกรธจริงๆแล้วนะ คิดว่าต้องจงใจพูดอยู่แล้วแน่ๆ เธอหันหน้าที่กำลังแดงซ่านจากความร้อนที่ไม่ได้จงใจสร้างมันขึ้นมาหนีไปอีกทาง ไม่อาจจะสบสายตาที่ซ่อนไปด้วยสิ่งแอบแฝงนั้นได้โดยตรง
"นานาเสะ..."
ชิราอิชิเอ่ยเรียกชื่อแล้วขยับเข้ามาใช้มือจับเข้าที่ไหล่สองข้างให้หันมาหา ก่อนจะผลักร่างกายของนิชิโนะให้ล้มไปนอนราบกับโซฟาไปพร้อมกัน
"นี่..นานาเสะ..."
"...."
"กลัวไหม ?"
"...."
นิชิโนะไม่ตอบแถมยังหลบตากัน นั่นก็พอจะทำให้ชิราอิชิคาดเดาคำตอบของหญิงสาวได้แล้ว ขณะที่เอื้อมไปปัดผมที่กำลังปิดบังใบหน้าของคนรักก็รู้ว่าร่างกายบอบบางนั้นกำลังเกร็งจากการเข้าประชิดอย่างรีบร้อน ก้มจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา
"ขอโทษนะ" เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด ใบหน้าที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ตอนนี้มองดูแล้วก็รู้สึกปวดร้าวจนนึกด่าตัวเองในใจอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจจะเพราะความรู้สึกที่ปริ่มล้นมันคอยทิ่มแทงให้โหยหาอยากสัมผัสอย่างไม่รู้จักพอ ก็เลยลืมนึกไปว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ปะสีปะสาอะไรกับมันเลยด้วยซ้ำ เธออาจจะเร่งรัดอีกฝ่ายมากเกินไป "ถ้านานาเสะยังไม่พร้อมฉันก็จะไม่ทำอะไร ไม่ต้องกลัวนะ"
ไม่รู้ว่าคำปลอบโยนนี้จะได้ผลสักแค่ไหน แต่ถ้าหากทำให้ความกังวลของนิชิโนะคลายลงไปได้ก็คงดี เธอยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนพูดว่า คงจะง่วงแล้วสินะ งั้นไปนอนกันเถอะ พร้อมเตรียมจะลุกออกไป ทว่ากับโดนรั้งไว้ด้วยมือที่กำชายเสื้อไว้แน่น
"เอ๊ะ...นานาเสะ ?"
นิชิโนะเม้มปากอยู่พักใหญ่ด้วยท่าทีที่กำลังสับสนก่อนจะพูดออกมา "..ไม่ได้กลััวสักหน่อย"
"ไม่เห็นต้องปลอบกันเลย ฉันไม่เป็นอะไ--"
ไม่ทันได้เอ่ยจนจบ คำพูดเหล่านั้นก็ถูกช่วงชิงไปด้วยริมฝีปากอุ่นจากการเม้มเป็นเวลานาน ปลายลิ้นเล็กๆนั้นลอบเลียริมฝีปากของกันจนต้องเผยอรับเพื่อแลกเปลี่ยนควานหาความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ ความอดทนที่สร้างขึ้นได้เมื่อครู่พังทลายลงไปในชั่วพริบตา เมื่อถอดถอยออกมาจากคนที่กำลังหอบถี่อยู่ ใบหน้าที่มีเพียงแสงสาดส่องมาจากโทรทัศน์นั้นไม่อาจทำให้แน่ชัดได้ว่าคนที่กำลังอยู่ภายใต้นั้นรู้สึกอย่างไรกันแน่ ก็เลยถามไปด้วยใจที่เต้นถี่รัว
"แน่ใจแล้วนะ ?"
"อือ.."
เป็นถ้อยคำตอบรับสั้นๆที่เต็มไปด้วยความเขินอาย แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะหันสายตามาสบกันช่างดูน่ารักเสียจนต้องจุมพิตซ้ำไปที่หน้าผากแสนรักใคร่นั้นอีกหน
"จะมาบอกให้หยุดกลางครันไม่ได้แล้วนะ"
___________________________________________________________________________________
ร่างกายที่ดึงดูดกันราวเป็นแม่เหล็กนั้นไม่อาจทำให้รู้ได้ว่าเมื่อไรกันนะที่ได้พากันมาที่ห้องนอนที่มืดมิดแห่งนี้ เธอเอ่ยขอร้องจากคนที่กำลังฝังหน้าจมอยู่ที่ซอกคอว่าไม่ให้เปิดไฟ แม้จะเป็นเพียงโคมไฟที่ไม่ได้ให้ความสว่างแก่พวกเราเท่าไรนัก แต่มันก็น่าอายเกินไปที่จะให้อีกฝ่ายมองเห็นใบหน้าของเธอในยามนี้ เผลอกัดริมฝีปากไว้แน่นเมื่อมือเย็นเฉียบสอดผ่านใต้เสื้อเข้ามาลูบไล้หน้าท้องจนต้องหดเกร็ง สังเกตมาสักพักแล้วว่านิ้วมือของชิราอิชินั้นทั้งเรียวยาวและสะอาดสะอ้านจนทำให้เธอจับมาเล่นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เคยคิดว่าจะทำให้ร้อนรนได้จนกระทั่งมันกำลังลากไล้อยู่ตามอยู่เรือนร่างของเธอขณะนี้
คนอายุมากกว่าแนบจูบตรงปลายคางก่อนจะส่งมอบความหวานมาให้ผ่านริมฝีปาก รุกเร้าสร้างความตื่นเต้นโดยการขบเบาๆบนริมฝีปากที่เปียกชื้นไปหมด ลมหายใจที่ปนเปกันขณะนี้ก็เกิดทำให้นึกสงสัยขึ้นมาอีกรอบ
ทำไมคนๆนี้ถึงได้รู้ดีไปหมด
เกิดหึงหวงขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
"เป็นอะไรรึเปล่า ?"
ไม่ได้คิดจะเอ่ยถามอะไรให้เสียบรรยากาศหรอก แต่กับโดนอีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความในใจเข้าเสียแล้ว ส่ายหน้าพลางตอบออกไป
"ฮื่อ..เปล่า"
"งั้นเหรอ ?"
ตอบรับอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้ออย่างไม่รีบร้อน เธอบอกให้นิชิโนะยกตัวขึ้นก่อนจะถอดเสื้อและปลดตะขอบราของคนอายุน้อยกว่าออก แย้มยิ้มเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังใช้มือทั้งสองปิดใบหน้าซ่อนความเขินอายของตัวเอง รู้สึกพอใจอย่างไม่ถูกเมื่อเห็นท่าทางที่แสดงออกมา
"ครั้งแรกของนานาเสะน่ะ...คือฉันสินะ"
กระซิบเสียงหวานไปยังใบหูที่คิดว่าคงกำลังแดงอยู่แน่ๆก่อนจะจับมือของคนรักให้เลื่อนไปทาบลงกับเตียงนอน ใบหน้าเอียงอายยามถูกมองท่อนบนอันเปลือยเปล่านั้นช่างดูน่ารักจนคิดว่าต่อให้เอ่ยชมอีกสักกี่พันครั้งก็คงไม่พอ เมื่อกำลังจะก้มลงจูบก็ถูกขัดด้วยคำถามแสนใสซื่อของอีกฝ่าย
"แต่นานะ..ไม่ใช่ครั้งแรกของไมใช่ไหม ?"
ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ด้วย หลุดแม้กระทั่งสรรพนามที่มักจะได้ยินเวลาคุยกับคนในครอบครัว คิดว่าคงจะกังวลกับเรื่องนี้มาสักพักแล้วสินะ
"อืม..."
ตอบพร้อมกดจูบเบาๆเมื่อเห็นว่านิชิโนะกำลังส่งสายตาหงอยเหงามาให้กัน ความรู้สึกที่ปรากฎอยู่ขณะนี้อยากจะให้ไหลรินผ่านมายังเธอเสียให้หมด
...อยากจะรับมันให้หมดทุกอย่างเลย
"แต่ว่านะ..."
เอ่ยขณะที่ริมฝีปากยังสัมผัสกัน
"ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย.."
ลากมือที่กำลังประสานอยู่มาแนบไว้ตรงหน้าอกข้างซ้ายที่กำลังร้องเรียกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
"ที่ใจฉันเต้นแรงขนาดนี้...ก็เพราะได้เป็นครั้งแรกของนานาเสะ"
....ก็ฉันรักนานาเสะนี่นา...
ที่มือข้างนั้นรับรู้ถึงชีพจรที่กำลังเต้นถี่รัวอย่างน่าประหลาด เทียบกันแล้วมันก็ไม่ต่างจากของเธอเลยด้วยซ้ำ จ้องลึกผ่านเข้าไปถึงก้นบึ้งแห่งความปราถนาที่เผยให้เห็นก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เง่าเสียจริง
นั่นสินะ....ทั้งที่เราสองคนก็ไม่ต่างกันเลยแท้ๆ
คลายมือลงก่อนจะกระชับให้แน่นยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่เธอก็ไม่อยากจะให้มีส่วนไหนตกหล่นหายไปเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเผลอลืมไปแม้แต่เพียงสิ่งเดียวคงไม่สามารถย้อนกลับมาหามันให้เจออีกแล้ว เพราะอย่างนั้นก็จะโยนความกังวลบ้าบอเหล่านั้นทิ้งไปให้หมด
"ให้นานะถอดอยู่ฝ่ายเดียว ขี้โกงนี่นา"
"นั่นสินะ งั้นนานาเสะก็ถอดให้ฉันหน่อยสิ"
อีกฝ่ายพูดขึ้นมาเช่นนั้นก่อนจะปล่อยให้มือทั้งสองของเธอเอื้อมไปปลดกระดุมบ้าง ระหว่างนั้นปลายลิ้นร้อนแสนซุกซนก็เอาแต่ลากไล้ไปตามผิวกายของเธอ วนเวียนอยู่แถวไหปลาร้าให้ร่างกายบิดเร้าก่อนจะลากต่ำยังเนินอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจที่ผิดเพี้ยนไป
"อ๊ะ--"
เมื่อเผลอหลุดเสียงน่าอายออกไปก็ต้องรีบดึงรั้งคออีกฝ่ายมาจูบเพื่อกลบเกลื่อน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่หลุดพ้นจากมือที่เอื้อมมาสัมผัสกอบกุมมันไว้ให้ครางฮื่อขึ้นมาในลำคอขณะที่ลิ้นยังตวัดเกี่ยวรับความหวานของกันและกัน
"น่ารักจัง.."
สุดท้ายก็หลุดคำชมอันเกิดจากความร้อนที่พุ่งทะยานขึ้นทุกขณะ เธอจงใจกดแนบให้เกิดรอยอยู่ตามเนื้อผิวที่ขาวเนียน นิ้วที่สอดเข้ามาตามไรผมนั้นขย้ำจนยุ่งเหยิงเมื่อพบว่าเธอกำลังหยอกเย้าอยู่กับหน้าอกของตน ใช้ลิ้นโลมเลียตวัดไปมาอย่างไม่รีบร้อนคล้ายกับต้องการจะแทะเล็มของหวานรสเลิศนี้ให้หมดไปอย่างช้าๆ ได้ยินปลายเสียงที่เล็ดลอดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งงับเบาๆให้อีกฝ่ายบิดเกร็งอย่างทรมาน
จากนั้นก็ลากลิ้นไล่ต่ำลงมาที่หน้าท้องแบนราบ วนลิ้นไปมาให้นิชิโนะร้อนวูบวาบ พร้อมกับมือที่ค่อยๆถอดกางเกงออกก่อนเคลื่อนตัวไปเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เห็นแววตาใสซื่อที่กำลังสับสนอยู่เพียงประชิดก็เลยลองลอบถามออกไปดู
"นานาเสะอยากให้ฉันทำตรงไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ?"
"..จ-จะไปรู้ได้..ย-ยังไง"
จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่อยากจะยอมรับว่าไม่ว่าจะถูกแตะเข้าที่ส่วนไหนก็ทำให้รู้สึกดีไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายรู้จักร่างกายของเธอเป็นอย่างดีหรือเป็นร่างกายของเธอเองต่างหากที่กำลังร้องเรียกหาสัมผัสเหล่านั้น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่น่าอายเกินกว่าจะตอบออกไปตรงๆ
"แบบนั้นฉันก็ไม่รู้น่ะสิว่าตรงไหนจะทำให้นานาเสะรู้สึกดีได้น่ะ"
เพราะว่าเป็นครั้งแรกของคนรัก เธอก็เลยไม่อยากจะให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่กับมัน
"นี่..ตรงนี้รู้สึกยังไงเหรอ ?"
ลองใช้นิ้วมือลูบส่วนนั้นของคนรักอย่างเบามือก่อนจะลอบถามขึ้นอีกครั้ง
"ม-ไม่--"
พอได้ยินเสียงลมหายใจที่ติดจึงค่อยๆแทรกขยับให้นิ้วได้วนเวียนลูบคลึงไปมา ความเปียกแฉะที่ชโลมปลายนิ้วเธอจนชุ่มไปด้วยน้ำอันเกิดจากความรักใคร่นั้นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
"..แต่ร่างกายของนานาเสะไม่เห็นบอกแบบนั้นเลย..เปียกหมดแล้วนะ"
"อ-อย่า--"
คนรักที่เอียงหน้าหนีเพราะกำลังอายอย่างสุดขีดนั้นทำให้เธอก้มลงไปจุมพิตซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่อาจทราบได้ แต่เด็กคนนี้ทำให้เธอรู้ว่าแม้ว่าจะพร่ำบอกรักหรือจุมพิตไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีก็ไม่อาจจะแสดงมันออกมาได้หมดสักที
"รักนะ"
กระซิบเข้าที่ข้างหูก่อนจะค่อยๆขยับขาของอีกฝ่ายให้กางออกเพื่อที่จะแทรกตัวลงไประหว่างกลาง มือข้างที่ว่างก็ซับเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นตามหน้าผากก่อนจะมองไปยังคนรักให้แน่ใจอีกที
"จะใส่เข้าไปแล้วนะ..."
"อือ..."
ถึงจะตอบออกมาแบบนั้นแต่ขณะที่กำลังบรรจงสอดนิ้วกลางเข้าไปภายในคนรัก เธอก็แสดงสีหน้าว่ากำลังเจ็บปวดจากการถูกรุกร้ำ
"เจ็บเหรอ ?"
คนอายุน้อยกว่าพยักหน้า มือที่กำลังเกาะอยู่บนบ่ากำจิกลงไปบนเนื้อให้เจ็บแสบนั้นคงจะไม่ต่างจากที่อีกฝ่ายรู้สึกเท่าไรนัก ทำให้เป็นห่วงจนทำไม่ลงซะแล้วสิ
"ไหวไหมนานาเสะ จะพอก่อนก็ได้นะ"
ตอนที่กำลังลังเลว่าจะหยุดดีไหมก็ได้มือของนิชิโนะมาประคองไว้ที่แก้ม ก่อนจะโอบรอบคอให้เข้าไปจูบ ดวงตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตากำลังจ้องมองมา เป็นสายตาลึกซึ้งซึ่งเหมือนกับของเธอ
"อย่าหยุดนะ..." นิชิโนะกระซิบบอก แต่เธอก็ยังลังเลอยู่ดี
"แต่--"
"ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าไมคือคนที่นานะรักยังไงล่ะ"
"อือ ฉันก็รักเธอนะ"
"อ-อื้อ..."
ตอนที่ดันนิ้วเข้าไปจนสุดอีกฝ่ายก็ร้องออกมา ความเจ็บปวดที่ยังคงอยู่นั้นทำให้นึกเป็นห่วงจึงคาไว้อยู่อย่างนั้นจนคิดว่าน่าจะเริ่มเคยชินจึงเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ เสียงครางหอบที่ปนเปกันไปหมดนั้นจะบรรเทาความเจ็บให้คลายลงรึยังนะ
เมื่อสอดนิ้วเข้าไปเพิ่ม ร่างกายนั้นก็ตอบรับโดยการบีบรัดจนรู้สึกคับแน่นไปหมด เราเริ่มจูบกันอีกครั้งเมื่อคนที่แนบทับกันอยู่นั้นขยับมือเข้าออกเป็นจังหวะ เสียงครางหวานดังไปทั่วห้องมืดทึมที่มีเพียงเรา ความหนาวเหน็บของฤดูหนาวที่กำลังมาเยือนก็ไม่อาจสามารถทำให้ร่างกายอันร้อนผ่าวซึ่งเกิดจากกิจกรรมที่กำลังดำเนินอยู่นี้เย็นลงได้ ราวกับว่ากำลังถูกกลืนกินให้หลอมรวมไปกับอีกฝ่ายโดยไม่มีแต้ข้อแม้ใดๆที่จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้
"ฮ-ฮื่อ..ม-ไม..ไม.."
เสียงร้องน่าอายเหล่านั้นที่ไม่อยากจะได้ยินกับกำลังพร่ำเรียกชื่อของคนรักอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งลมหายใจที่ประสานสอดคล้องตามจังหวะขยับนิ้วที่ถี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ หัวใจที่เต้นรัวอย่างน่าอันศจรรย์กำลังพาร่างกายที่กำลังสั่นตามแรงกระแทกไปพบพานกับความเสียวซ่านจนต้องกอดเกี่ยวคออีกคนไว้แน่นก่อนจะถูกเร่งให้พุ่งทะยานไปถึงขีดสุด
"...ไม..อ๊ะ--!"
ยกสะโพกขึ้นพร้อมกระตุกเกร็งเบาๆจนความอึดอัดนั้นบรรเทาลงกลายเป็นของเหลวสีใสที่ถูกปลดปล่อยออกมา โผลกอดคนรักอย่างหมดแรง แนบอิงไปที่อกอิ่มของคนที่ล้มตัวลงนอนข้างกัน เมื่อช้อนตาไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายก็กำลังหายใจหอบไม่ต่างกัน แต่ก็ยังส่งยิ้มบางๆมาให้พร้อมทัดผมให้กัน
"รักที่สุดเลย" อีกฝ่ายพูดเช่นนั้นพร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นแล้วพลิกเพื่อให้นิชิโนะขึ้นไปอยู่บนตัว
"นานาเสะลุกขึ้นนั่งหน่อยสิ" อีกคนออกคำสั่งที่ไม่เข้าใจนัก
"เอ๊ะ ที่ไหน"
"บนตัวฉันไง" ถึงจะไม่เข้าใจที่คนอายุมากบอกแต่ก็ทำตาม เมื่อนั่งลงบนหน้าท้อง เนื้อผิวที่สัมผัสนาบเข้ากับส่วนที่ยังคงเปียกชื้อนั้นทำให้เกิดความวูบวาบขึ้นมาบริเวณท้อง แต่กระนั้นเจ้าของคำสั่งก็ไม่ได้รับรู้ว่าเธอกำลังหายใจติดขัด มือทั้งสองเอื้อมมาจับไว้บริเวณสะโพกของหญิงสาว ก่อนจะเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง "คราวนี้ยกตัวขึ้นนิดนึง"
ความไร้เดียงสานั้นเริ่มจะหดหายไปเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเองก็เคลื่อนตัวลงต่ำจนอยู่ในท่าทางแสนล่อแหลม ก่อนที่นิชิโนะจะร้องห้ามอย่างตื่นตระหนก ซึ่งก็พบว่าไม่ทันการเสียแล้ว
"อย่--"
เมื่อลิ้นสัมผัสเข้ากับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกให้สะดุ้งโหยง คนภายใต้ละเลียดปลายลิ้นร้อนลงบนส่วนที่เปียกทำร่างกายให้อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะลุกหนี ทำได้เพียงใช้แขนค้ำกับเตียงนอนไว้เพื่อไม่ให้สะโพกกดเบียดลงไป ความร้อนที่พุ่งพล่านขึ้นมาอีกหนซึ่งเป็นเพราะถูกกระตุ้นจากคนไม่รู้จักพอจนต้องพ่นลมหายใจที่ปนออกมากับเสียงร้องที่เริ่มจะดังกระเส่าขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง
..ภายในห้องซึ่งไร้แสงและกาลเวลาแห่งนี้..
...แนบอิงเข้าหากันอีกหน พร้อมประสานมือเข้าก่อนจะพากันดำดิ่งไปสู้ห้วงแห่งความปราถนาที่มีเพียงสองเรา...
___________________________________________________________________________________
กว่าจะรู้สึกตัวก็รับรู้ได้ถึงแสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านที่แง้มเปิดอยู่สาดส่องเข้ามาที่ใบหน้าของหญิงสาว นิชิโนะลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในสถานที่ซึ่งไม่ใช่ห้องนอนของเธอ ปรับระดับสายตาและจูนสมองที่ยังตื่นไม่เต็มที่อยู่สักพักก่อนจะพ่นลมหายใจที่หนักอึ้งอันเกิดจากความเหน็ดเหนื่อยออกมา
อ่า...แทบจำไม่ได้เลยว่าหลับไปตอนไหน
...แถมยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอีก
ทั้งรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัวจนต้องพลิกหันไปอีกทาง พบเจอคนรักที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ก็ทำให้ยิ้มออกมาด้วยใจที่เป็นสุข ทั้งแขนที่กำลังโอบกอดเอวของเธอให้รู้สึกอบอุ่นจากอุณหภูมิกายของอีกฝ่าย จ้องมองอย่างพินิจอยู่สักพักก็ค้นพบว่าการได้ตื่นมาพบเจอคนที่ตัวเองรักในเช้าของวันใหม่นั้นมันช่างสุขล้นถึงเพียงนี้ แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงเป็นเธอที่ตื่นขึ้นมาก่อนกันล่ะ คิดไปก็จิ้มแก้มนุ่มนิ่มนั่นไปพลาง ก็คนที่เหน็ดเหนื่อยจากสัมผัสไม่รู้จักพอของคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวมันใครกันล่ะ
โอ้ย น่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว...บีบแก้มอีกคนไปมา แต่เหมือนว่าจะออกแรงเยอะไปหน่อยคนขี้เซาถึงเริ่มจะขยับตัวพลางพึมพำ
"...นานาเสะ"
"คะ ?"
"ฮื่อ..นานาเสะ"
"เอ๊ะ.."
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอนั่นก็รู้ว่าเมื่อกี้ชิราอิชิแค่ละเมอเท่านั้นเอง อ่า...จะน่ารักเกินไปแล้ว ทนไม่ไหวจนต้องคว้าเข้ามากอดกดหน้าแนบชิดไปที่ซอกคอ จะทำตัวให้ตกหลุมรักไปถึงขนาดไหนกันนะ แม้จะคิดว่าความรักที่มีอยู่นั้นเกินพอแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ยังสามารถเพิ่มพูนได้อย่างไม่รู้จบจนทำให้แปลกใจอยู่เรื่อยไป
เพราะแรงกอดจากนิชิโนะทำให้ชิราอิชิรู้สึกตัวจนลืมตา พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดอันเปลือยเปล่าของคนอายุน้อย นึกสงสัยที่มาของอ้อมกอดนี้จึงเอ่ยเรียกออกไป
"นานาเสะ ?"
"อ๊ะ ทำให้ตื่นเหรอคะ ?"
เธอส่ายหน้าก่อนจะถามบ้าง "เป็นอะไรไปเหรอ?"
"รักนะคะ"
แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเคอะเขิน
"อ่า...."
ถึงปกตินิชิโนะจะมีนิสัยชอบมาเกาะแกะกันแต่ก็หาได้ยากนักที่จะโดนคนอายุน้อยบอกความรู้สึกออกมาตรงๆแบบนี้ ก็เลยรู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น กอดตอบรับอ้อมแขนพลางกระซิบไปด้วยถ้อยคำเดียวกัน มองเห็นแสงอาทิตย์ที่ลากผ่านมายังเตียงก็ทำให้รู้ว่าเช้านี้ช่างแตกต่างออกไปจากทุกวันก็ลอบยิ้มออกมา
"นี่ นานาเสะ"
"คะ ?"
"อรุณสวัสดิ์นะ"
เมื่อได้ยินคำว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ โดยไม่ต้องผ่านทางโทรศัพท์หรือผ่านตัวหนังสือก็ทำให้ใจอิ่มเอมอย่างน่าประหลาด เพิ่งจะรู้ว่าคำธรรมดาๆแบบนี้จะสามารถส่งผลต่อจิตใจได้ถึงเพียงนี้
..อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวันจังเลยนะ..
"ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็ดีเนอะ"
"อือ..."
คำพูดที่ได้ยินนั้นเหมือนกับสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่เมื่อกี้เลย หัวใจก็เต้นถี่ขึ้นมาเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านถึงกันได้ ถ้าได้ตื่นนอนมาเจอหน้าของกันและกันทุกเช้าก็คงจะดีจริงๆนั่นแหละ
"ฉันจะได้มีอะไรกับนานาเสะทุกวั--โอ๊ย เจ็บนะ" บ่นพึมพำเมื่อโดนเธอตีเข้าที่แขนที่ลูบไล้อยู่ตรงต้นขา ทำไมถึงได้คิดแต่เรื่องแบบนี้กันนะ เพิ่งรู้เมื่อคืนนี่แหละว่าอีกฝ่ายเป็นคนลามกถึงขนาดนั้น เอาแต่วนเวียนทำเรื่องน่าอายอยู่ได้ทั้งคืนทั้งที่มันก็ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบแรกหรือรอบสองเท่าไรนัก
"หื่นดีนัก" เธอหัวเราะเมื่อโดนกล่าวหา เราพูดคุยกันอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนชิราอิชิจะยันตัวขึ้นแล้วถามนิชิโนะอย่างร่าเริงว่าเช้านี้อยากกินอะไรเหรอ พอบอกในสิ่งที่ต้องการไปก็เข้ามาลูบผมพร้อมจุมพิตลงมา ควานหาเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมใส่แล้วเดินออกไปที่ห้องครัว
เหลือเพียงนิชิโนะที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง พร้อมครุ่นคิดถึงประโยคนั้นของชิราอิชิ นั่นจะหมายความถึงว่า อยากจะอยู่ด้วยกันอะไรแบบนี้รึเปล่านะ รู้สึกถึงใจที่กำลังเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดภาพของตัวเองกับชิราอิชิได้อยู่ด้วยกัน ทุกวันมันคงจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เก็บเกี่ยวกันแทบไม่หวาดหวั่น
แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกถึงเศษเสี้ยวของบางสิ่งบางอย่างที่กำลังกัดกร่อนจิตใจให้สับสนอยู่เช่นนี้
__________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in