เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[FIC] Between Us | Shiraishi Mai x Nishino Nanase (Nogizaka46)mL820
- 06 -








  • อากาศร้อนอบอ้าวยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปถึงยามราตรีที่ผู้คนต่างพากันหลับไหลกันหมด แต่หญิงสาวยังคงยืนแกว่งกระป๋องเบียร์ไปมาอย่างใช้ความคิดพลางทอดสายตามองท้องฟ้าสีดำมืดผ่านทางระเบียงห้อง รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฎขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ที่กำลังยิ้มร่าอย่างสนุกสนาน รู้สึกว่ามันช่างเหมือนกับรสชาติขมฝาดลิ้นที่กำลังไหลลงคออยู่ขณะนี้เหลือเกิน แต่ทว่าเมื่อยามฝืนกินต่อไปไม่ไหวก็ไม่สามารถที่จะคายมันออกมาได้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงพยายามกล้ำกลืนมันลงคอไปให้หมดเท่านั้น
















    .


    .


    เสียงตะโกนคุยดังโหวกเหวกไปทั่วบริเวณอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่างานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ที่จัดขึ้นในร้านอาหาร ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีแต่คนเมาอยู่เต็มไปหมด นั่นก็รวมถึงชิราอิชิที่เริ่มจะคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้วเหมือนกัน หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อทั้งยังนั่งเอาหัวพิงไหล่ของฮาชิโมโตะอยู่จนเจ้าตัวต้องถามออกมา 




    "ไหวไหมเนี่ย ?"


    "แค่นี้เองน่าา" หัวเราะในลำคอก่อนจะตอบเสียงยานคางใส่เพื่อนพร้อมยกมือมากอดแขนไว้แน่น 



    ฮาชิโมโตะกระแอ่มไอเหล่ตามามองเพื่อนตัวดีด้วยความเหนื่อยหน่ายจากนั้นก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่เหล่าลูกน้องที่ส่งสายตาหวานฉ่ำมาทางชิราอิชิ พอเมาแล้วก็ชอบมาเกาะแกะทำท่าทางออดอ้อนแบบนี้เป็นประจำ สำหรับฮาชิโมโตะแล้วมันก็คงเป็นเรื่องปกตินั่นแหละ แต่เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมนะ ว่าสำหรับคนอื่นมันคือการยั่วยวนน่ะ



    "นี่ เธอไม่ได้อยู่กับฉันแค่สองคนนะ" พอกระซิบบอกไปอย่างนั้นเจ้าของใบหน้าสวยก็ดูเหมือนจะงอแงอยู่สักพักแต่ก็ยอมยันตัวกลับไปนั่งดีๆ เธอทัดผมที่กำลังปิดบังหน้าของตัวเองแล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหันเล่นทำเอาตกใจจนเกือบทำแก้วในมือหล่นลง "จะไปไหนน่ะ"


    "ห้องน้ำ...ห่วงฉันเกินไปแล้วนะคะฮาชิโมโตะซัง" ยิ้มหวานพร้อมตบบ่าฮาชิโมโตะ2-3ทีก่อนจะเดินออกไป มองดูท่าทางโงนเงนแบบนั้น ใครไม่เป็นห่วงก็แปลกแล้ว ฮาชิโมโตะถอนหายใจออกมา คิดในใจว่าถ้าเพื่อนเธอหายไปเกิน15นาทีค่อยตามไปดูแล้วกัน











    "มึนหัวชะมัด"



    บ่นพึมพำออกมาขณะก้มล้างมือของตัวเองอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาส่องกระจก ใบหน้าแดงระเรื่อนั่นช่างดูไม่เหมือนกับคนที่กำลังเมาอยู่เลยสักนิด ความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานปรากฎขึ้นมาให้เห็นเต็มไปหมด ทั้งดวงตาที่ดูเศร้าหมองก็ทำให้นึกถึงใครบางคนที่คงจะกักเก็บความรู้สึกนี้ไว้มากกว่าเธอเป็นแน่ เด็กคนนั้นถึงจะแสดงออกมาว่าสบายดี หากความจริงแล้วก็กำลังเก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ในแววตาอยู่มากมาย 



    ถึงจะรู้อยู่เช่นนั้นแต่เธอก็ยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และยังปล่อยให้ความคลุมเครือนี้ดำเนินอยู่ต่อไปโดยเอาแต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ได้ทำผิดอะไรเสียหน่อย ได้แต่ปล่อยให้วันเวลาเสียไปโดยบั่นทอนความรู้สึกของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ 








    แบบนั้นมันดีแล้วเหรอ ?







    จ้องเข้าไปในกระจกแล้วก็ถามคนที่เธอรู้สึกว่าช่วงนี้เมื่อพบเห็นก็ไม่อาจจะพอใจได้ ความสุขที่ได้รับนั้นช่างน้อยนิดนักหากนำมาชั่งน้ำหนักกับความทุกข์ระทมที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน 





    รอยยิ้มดูแคลนปรากฎขึ้นมาบนหน้า ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความสมเพชขึ้นมา 






    คนอย่างเรานี่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ ?









    คนที่ต้องเสียใจมากที่สุดน่ะ ยังไงมันก็ต้องเป็นนานาเสะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ? 







    แล้วจะปล่อยให้นานาเสะรอไปถึงเมื่อไรกันนะ ?






    วันคืนที่ผ่านพ้นไปอย่างไร้ค่า พอนึกขึ้นได้ถึงหัวใจที่ปรารถนาอย่างสุดล้นนั้น ถ้าหากยอมรับมันได้จะสามารถขจัดความเศร้าหมองให้เลือนหายไปได้รึเปล่านะ หลังจากที่ปิดก็อกน้ำจนเสียงน้ำที่กำลังไหลรินอยู่เมื่อกี้หยุดลง เรื่องราวที่แสนยุ่งเหยิงเหล่านี้ควรจะจบลงเสียที






    "ฉันนึกว่าเธอจะหลับคาห้องน้ำแล้วซะอีก"


    "ไม่ได้เมาขนาดนั้นสักหน่อย" หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำก็ถูกทักท้วงเข้าทันที ชิราอิชิยิ้มและไม่ได้นั่งลงที่เก้าอี้ดั่งเดิม เธอเอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้บนพนัก "จะกลับแล้วล่ะ  พรุ่งนี้มีประชุมเช้าด้วยสิ"


    "ให้ไปส่งไหม ?" 


    "ไม่เป็นไร รับรองว่าฉันไม่แวะออกนอกเส้นทางแน่นอน" ขยิบตาให้หนึ่งทีก่อนจะหันไปบอกลาคนอื่นๆที่ดูจะเมากันจนไม่ได้สนใจชิราอิชิแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็พากันคะยั้นคะยออยากจะให้เธอมาให้ได้แท้ๆ 


    "กลับดีๆล่ะ" ฮาชิโมโตะตะโกนย้ำอีกครัั้งเพื่อความแน่ใจ


    “รู้แล้วน่า”
















    .


    .


    ทั้งที่บอกฮาชิโมโตะไว้ว่าจะไม่ออกนอกเส้นทางแท้ๆแต่ขณะที่กำลังเดินไปอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นจุดหมายของมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงจะทำให้กลับถึงห้องของเธอได้เลยสักนิด สองเท้าที่กำลังก้าวมุ่งหน้าไปหาอะไรบางอย่างทำให้เผลอนึกถึงเรื่องตลกที่เคยเกิดขึ้นได้



    ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกันนี่นะ ตอนที่มองเห็นใบหน้าเหงาหงอยของใครบางคนที่ทำราวกับว่าโลกใบนี้จะสูญสิ้น เธอเองก็เดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน






    ตอนนั้นก็แค่คิดว่าหน้าแบบนั้นน่ะหน้าสนใจดีล่ะมั้ง 






    ไม่ได้มีรสนิยมชื่นชอบความเจ็บปวดหรือชอบเสพเรื่องราวเศร้าสร้อยของคนอื่นเหมือนกับฮาชิโมโตะหรอก แต่นิชิโนะกับมีอะไรบางอย่างซึ่งดึงดูดเธอให้เข้าไปหาอย่างน่าประหลาดใจ ตลอดมาชิราอิชิเองก็ไม่เคยนึกเคลือบแคลงจนถึงขณะนี้ แต่ถ้าหากลองใส่ใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น ทั้งหมดมันก็มีแต่เรื่องผิดเพี้ยนที่เริ่มต้นมาจากการกระทำของเธอเองทั้งนั้น






    เพราะอย่างนั้นแล้วมันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆนั่นแหละ 





    เสียงประตูอัตโนมัติดังขึ้นมาจากร้านสะดวกซื้อทำให้เธอซึ่งเอาแต่เดินก้มมองปลายเท้าของตัวเองเงยหน้าขึ้นไปมอง



    "....ม-ไม ???" หญิงสาวรูปร่างผอมบางงึมงำราวกับกำลังพูดอยู่คนเดียว  ใบหน้านั่นแสดงความตกใจอย่างปิดไม่มิดเมื่อเห็นชิราอิชิกำลังยืนอยู่ตรงหน้า 


    "บังเอิญจังค่ะ...กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย" ชิราอิชิยกยิ้มขึ้นมาตรงมุมปาก ความบังเอิญที่ว่าน่ะยังไงก็ต้องโกหกอยู่แล้ว ก็เดินมาทางนี้น่ะยังไงก็ต้องเจอกับอีกฝ่ายอยู่แล้วนี่นะ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าก็ตาม มองไปที่คนอายุน้อยกว่าที่ยังทำหน้างุนงงอยู่อย่างนั้นก่อนจะทำการลากแขนให้อีกคนเดินไปด้วยกัน "ไปกันเถอะ"

     

    "เอ๊ะ--จะไปไหนคะ" 






    เดินไปเรื่อยๆจนเห็นม้านั่งในสนามเด็กเล่นที่ไร้ผู้คนก็เอ่ยชักชวน ความจริงจะว่าชักชวนก็ไม่ถูกนักหรอก ก็เล่นลากนิชิโนะมาด้วยอย่างไม่บอกกล่าวจนถึงขณะนี้ใบหน้างุนงงนั้นก็ยังไม่คลายหายไปไหน




    พอนั่งลงแล้วหญิงสาวก็เปิดปากรัวคำถามออกมาทันที "มีอะไรรึเปล่าคะ แล้วทำไมจะมาหาถึงไม่โทรมาบอกก่อน..เอ๊ะ ดื่มมาด้วยเหรอคะ ?" รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เจื่อปนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของอีกฝ่าย ทั้งใบหน้าที่แดงนั่นอีก ไม่ใช่ว่าเมาแล้วไปทำอะไรแปลกๆเข้าหรอกนะ


    "พอดีเพิ่งแยกออกมาจากงานเลี้ยงน่ะ นานาเสะเพิ่งเลิกงานเหรอ ?" 


    "ก็ใช่น่ะสิ เพราะว่าได้เลื่อนขั้นนั่นแหละ งานที่ได้ก็เลยดูยุ่งยากขึ้นไปอีก" จริงด้วยสินะ เมื่ออาทิตย์ก่อนเจ้าตัวยังกระโดดไปมาอย่างดีใจเพราะว่าได้เลื่อนขั้นอยู่เลย แต่ดูใบหน้านิ่วคิ้วขมวดที่กำลังบ่นพึมพำตอนนี้สิ เห็นแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


    "แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ?"


    "ดีแค่ตรงได้เงินเดือนเพิ่มเท่านั้นแหละ" กอดอกแล้วเถียงออกไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้จะมาคุยเรื่องงานของเธอเสียหน่อย "อย่าชวนเปลี่ยนเรื่องสิคะ สรุปแล้วมาทำอะไรกันแน่"


    "อ่า....คือว่า" ลากเสียงยาวๆเพื่อต่อลมหายใจของตัวเอง เพราะเมื่อสบกับสายตาที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่ลดละนั่นก็ทำเอาความกล้าที่เตรียมเอาไว้หดหายไปจนหมด


    "ว่า ?"


    "ต้องพูดจริงๆเหรอคะ ?"


    "ก็อุตส่าห์ถ่อมาขนาดนี้แล้วจะไม่พูดก็ยังไงอยู่นะคะ" 


    "นั่นสินะ" มองเห็นท่าทางที่กำลังอ้ำอึ้งนั่นแล้วก็เป็นภาพที่ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นบ่อยนัก หรือจะเรียกได้ว่าแทบไม่เคยเห็นเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแล้วหัวใจของนิชิโนะก็เริ่มที่จะระส่ำขึ้นมาอีกครั้ง 


    "นานาเสะจำเรื่องที่ฉันเคยขอไว้ได้รึเปล่า ?"


    "ทำไมเหรอคะ ?"


    "ฉันรู้สึกผิดน่ะ" กลืนน้ำลายที่ฝืดเคืองลงไปหนึ่งอึกก่อนจะพูดต่อโดยเหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีดำ เห็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่กำลังส่องแสงรำไรอยู่ข้างบนนั่นก็ช่างเหมือนกับตัวเธอที่ยังคงต้องการชิ้นส่วนมาเติมเต็มจนสมบูรณ์ "ขอโทษนะที่ขออะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้นออกไป นานาเสะคงจะรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ฉันพูดอยู่ตลอดเลยสินะ..ขอโทษจริงๆ" คำขอโทษครั้งสุดท้ายนั้นเป็นเพียงเสียงเบาหวิวราวกับว่าไม่ได้ต้องการบอกกับคนที่อยู่ข้างกายเธอ 



    "หมายความว่ายังไงกันแน่" 










    "นานาเสะลองมองคนอื่นนอกจากฉันดูไหม ?"  





    "........"







    ความเงียบงันที่เกิดขึ้นระหว่างเราตอนนี้นั้นทำให้ชิราอิชิไม่กล้าหันหน้าไปมองอีกฝ่าย มือที่เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งสองข้างเลื่อนมากอบกุมกันไว้แน่นที่หน้าตักของตัวเอง



    "เธอน่ะเพิ่งจะ24เองนี่นา ยังต้องเจอคนอีกเยอะแยะ มารักคนอย่างฉันน่ะมันดีจริงๆเหรอ ?




    ความเขลาที่กลัวว่าความรู้สึกของเด็กคนนี้จะค่อยๆลดน้อยลงไปภายในสักวันหนึ่ง แค่คิดก็ทำเอารู้สึกปวดร้าวไปทั่วร่างที่ไม่อาจจะเชื่อได้อย่างเต็มอกเสียทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนิชิโนะนั้นมันเป็นเพียงอาการหวั่นไหวชั่วขณะหนึ่งหรือเป็นความรักจริงๆกันแน่ อย่างนั้นคนลังเลเช่นเธอก็เลยเอาแต่ทำเรื่องให้หญิงสาวต้องช้ำใจอยู่ซ้ำซาก เลยรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจอยู่แบบนี้




    "จะมาเพื่อบอกเรื่องแค่นี้เหรอคะ ?" นิชิโนะก้มหน้าลง มือเผลอกำชายกระโปรงไว้แน่น อยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่คำพูดที่ได้ยินออกมาจากปากของอีกฝ่ายคอยฉุดรั้งให้ขาของเธอขยับก้าวไม่ออก 



    "ฉันกลัว..ถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นคนรักกัน สักวันก็คงต้องเลิกกันอยู่ดี ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กๆที่จะมาคิดเล่นๆกับเรื่องแบบนี้แล้วด้วย พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยเอาแต่กลัวอยู่อย่างนี้ ฉันน่ะ....กลัวว่าเธอจะทิ้งกันไป...กลัวว่าในวันข้างหน้าจะไม่มีนานาเสะอยู่ข้างๆแบบนี้แล้ว" แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากเมื่อเกิดอาการประหม่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าคนแบบเธอจะต้องมาบอกความรู้สึกกับใครจนหมดเปลือกแบบนี้ "คือว่าขอโทษนะที่เป็นแบบนี้แถมยังคิดอะไรงี่เง่าแบบนี้อีก แต่ว่านะ--"



    "พอเถอะค่ะ" ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบแก้ม ลุกขึ้นโดยไม่ยอมหันไปมองคนที่กำลังพูดอยู่ ไม่อาจจะทนฟังสิ่งที่มันจะทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บช้ำไปมากกว่านี้อีกแล้ว แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว



    "--ฟังให้จบก่อนสิ" เอื้อมมือไปจับแขนของคนที่กำลังจะเดินจากไปไว้อย่างทันท้วงที ความสั่นไหวที่รับผ่านส่งมานั้นทำให้รู้ว่านิชิโนะกำลังร้องไห้อยู่ แต่หากว่ามันจบลงด้วยความค้างคาอย่างที่ผ่านมาคงจะแย่กว่านี้แน่ๆ ชิราอิชิสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพูด "ตอนนี้เธออาจจะรู้สึกเกลียดฉันแล้วก็ได้"





    "......."










    "แต่ว่านะ...ฉันก็ยังอยากจะอยู่กับนานาเสะจริงๆนั่นแหละ...เพราะว่าฉันรักนานาเสะนี่นา”












    "โธ่เอ๊ย..."




    เสียงถอนหายใจดังขึ้นจากนั้นคนที่ยืนอยู่ก็ค่อยๆย่อตัวลงไปฟุบหน้ากับเข่าของตัวเอง 




    "นานาเสะ.."



    "กลัวแทบแย่เลย..."



    "กลัว ?"



    "กลัวว่าจะโดนไมปฎิเสธเข้าน่ะสิ"



    "อ่า ขอโทษจริงๆค่ะ"



    "ไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษแล้ว..." 




    “แล้วจะให้พูดอะไรล่ะ?”






    “พูดอีกสิ..ว่ารักฉันน่ะ”






    "รักนะนานาเสะ






    "พูดอีก"  








    ฟังเสียงอู้อี้ที่ลอดผ่านขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจก็ทำให้รอยยิ้มจากใจจริงปรากฎขึ้นมาได้เสียที ที่ผ่านมาเธอเป็นฝ่ายรับมาโดยตลอด ต่อจากนี้ไม่ว่าจะต้องโดนร้องขออะไรก็ตามอีกสักกี่พันครั้ง เธอก็อยากจะเป็นฝ่ายหามาให้จนหมด







    "ฉันรักเธอนะ นานาเสะ รักจากใจจริงเลย"






    พร่ำบอกรักอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะเอื้อมมือไปจับใบหน้าที่เอาแต่ซุกซ่อนอยู่อย่างนั้นให้เงยขึ้นมา ใบหน้าที่แดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากร้องไห้หรือเป็นเพราะคำบอกรักที่เพิ่งจะได้ฟังเป็นครั้งแรกกันแน่ แต่จะเกิดจากอะไรก็ช่างมันเถอะ เพราะสิ่งที่ได้จากใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตานั่นทำให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดูน่ารักเหลือเกิน ทั้งน่ารักและน่าเอ็นดูจนแทบจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่ นั่นจะต้องเป็นผลของความรักที่เริ่มแสดงออกมาแล้วเป็นแน่




    "ทำตัวน่ารักอีกแล้วนะ"




    "ยังจะมีอารมณ์มาเล่นอีกเหรอ" 




    "งั้นขอจูบได้ไหม ?"




    "ไม่ได้ค่ะ"




    "เอ๋ ก็ฉันอยากแสดงความรักกับนานาเสะนี่นา" 






    พอเป็นเรื่องแบบนี้ทำไมถึงได้พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยกันนะ เธอแกล้งทำเป็นทอดถอนหายใจอย่างไม่พอใจใส่คนที่เอาแต่ใจไปอย่างนั้นทั้งที่เมื่อมีสัมผัสของมือแสนอ่อนโยนมาแนบอิงอยู่ข้างแก้มก็หลับตาลงแล้วให้ไออุ่นที่รดรินอยู่แนบชิดเข้ามาจนไม่เหลือช่างว่างให้อากาศใดๆได้เล็ดลอดผ่านไป








    คราวนี้ก็แตกต่างออกไปเช่นกัน








    ทั้งที่ควรจะได้รสขมจากแอลกอฮอล์ที่อีกฝ่ายกินเข้าไป แต่สัมผัสหวานละมุนที่แทรกผ่านขึ้นมาในรสขมเหล่านั้นช่างอบอวลไปด้วยความรู้สึกรักใคร่ที่เชื่อมโยงผ่านถึงกันได้เสียที









    อาจจะจริงอย่างที่ว่า ความรักครั้งนี้ไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้ว่าในวันใดวันหนึ่งมันคงจะเลือนลางหายไปในที่สุด แต่ในวันที่ได้รักและได้ถูกรักจากก้นบึ้งของหัวใจ แค่เท่านั้นก็เป็นสิ่งล้ำค่ามากพอที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเราให้คงอยู่จวบจนกระทั่งมีใครคนหนึ่งจะแปรเปลี่ยนไป






    เมื่อเลื่อนห่างออกมาให้ดวงตาของเราได้สบกัน ภาพสะท้อนของกันและกันปรากฎขึ้นมาพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวเป็นจังหวะเดียวกัน






    ...เอ่ยว่ารักออกมาด้วยใจที่หลอมละลายรวมเป็นหนึ่งเดียว...




















    _______________________________

    ยังไม่จบนะ .



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in