"มีเพียงลมหายใจกลิ่นแอลกอฮอล์และเรื่องราวรำลึกอดีต
เท่าที่แต่ละคนจะขุดขึ้นมาได้ เราเคยแตกสลายอย่างไร
เราประคองตนมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร
หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ... สักวันเราต่างต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง บางคนอาจเลิกเป็นนักเขียน บางคนอาจกลับมาเขียน
บางคนเกิดมามีชะตากรรมต้องเขียนและเขียนตลอดไป"
(p.117)
.
.
จะเรียกว่าทั้งน่าขันและประหลาดใจก็อาจจะเป็นได้
ใครที่ได้มาอ่าน log นี้ ต่อจากบทก่อนหน้าคงทั้งยิ้มเยาะขบขันในใจ
เนื่องด้วยนับแต่ต้นปี เราได้คำนึงถึงปี 2020 และอวยพรให้มัน "เป็นไปอย่างที่มันควรเป็น"
เหล่าผู้คนจากโลกความเป็นจริงภายนอกคงทราบดี ว่าป่านนี้ก็ปาเข้าไปกลางเดือนมิถุนายน 2020 แล้ว
หกเดือนครึ่งที่ล่วงเลยมา ช่องว่างระหว่างบทก่อนหน้าและบทนี้ได้เกิดเรื่องราวมากมายจนนับไม่ถ้วน
ทั้งมกราคมอันยืดยาวนาน
แรงผันผวนจากคลื่นลมลูกใหม่ทางการเมือง
ความพรั่นพรึงจากการที่โลกได้ทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตตัวจ้อย
เมษายนอันร้อนระอุที่ดูจะเข้ากันได้ดีกับความหนืดหน่ายต่อระบบบริหารงานราชการ
ความโดดเดี่ยวเงียบงันจากมาตราการกักกัน
ความเคว้งของผู้คนที่ล่วงหล่นจากตาข่ายทางสังคมที่ใหญ่และหนาแน่นไม่เพียงพอ
มาขณะนี้ก็ล่วงเข้ามิถุนายน
ที่พายุเปลี่ยนฤดูแทรกเข้ามาให้เปียกโชกอยู่เนือง ๆ
แต่ก็ไม่อาจชะล้างความอยุติธรรมแก่เหล่าพี่น้องที่กล้าพูดความจริงได้เลย
จะเรียกว่าใครมาเล่นตลกหรือไม่ก็แล้วแต่
แต่ 2020 ก็เป็นไปอย่างที่มันควรเป็นแบบไม่ผิดเพี้ยนต่อคำอธิฐานเสียทีเดียว 55
แม้จะผิดคาดไปบ้าง และชวนครุ่นคิดเหลือเกินว่า ครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรกันนะ...
.
.
.
เอาล่ะ หลังจากที่ใช้สิทธิขบขันถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาพอเป็นพิธีแล้ว
จะขอเริ่มกล่าวถึงหนังสือจริง ๆ เสียที
ใช่ว่าตั้งแต่ปีใหม่มาเราจะไม่ได้อ่านอะไรเลย เราอ่าน ทั้งโฮโมดีอุส, ในการแพร่ระบาด, สถานการณ์ยังเป็นปกติ, non-fiction นิยายรายตอนบนอินเตอร์เน็ต และมังงะอีกมากมาย แต่ไม่มีเล่มไหนปลุกให้เราอยากเขียนถึงได้เท่า "อยู่แชร์เฮาส์กับเหล่านักเขียน" เลย
หนังสือเล่มนี้เหมือนผู้เขียนเขียนออกมาจากความรู้สึกในความทรงจำ
มันเป็นความรู้สึกมีความสุขอันมหัศจรรย์ก้อนหนึ่งที่หลายคนก็คงมีเก็บไว้
Moonscape หยิบเอาก้อนนั้นออกมา และพยายามอธิบายให้ภาพความรู้สึกก้อนนั้นอย่างช้า ๆ
รวบรวมและเรียบเรียงผ่านตัวละครแต่ละตัวที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน
อีกทั้งยังเป็นความสมัยใหม่ ที่มีจิตวิญญาณอันเก่าแก่ของคลังปัญญาทางวรรณกรรมเป็นต้นกำเนิดร่วม
โอบรับกาลเวลาอันสดใหม่ แต่ก็ไม่ได้หลงลืมกาลครั้งหนึ่งซึ่งนานมาแล้ว
หนังสือเล่มนี้ดึงให้เราอ่านจนจบบนฟูกนอนท่ามกลางแสงจากโคมไฟสีส้ม
รวดเดียวเหมือนถูกดึงให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแชร์เฮาส์ของคุณนายการเวก
เฝ้ามองการเติบโตของผู้ที่ดำรงอาชีพอันยากจะกล่าว อาชีพอันจำเป็นต้องขายจิตวิญญาณแต่ก็อยู่ไม่ได้หากไม่มีมันข้างกาย
.
เหล่าบุคคลที่ช่างเหมือนตัวเราเหลือเกิน.
.
หลังจากอ่านเล่มนี้แล้ว นอกจากจะอมยิ้มกับทุกความสัมพันธ์
ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นมาเขียนบันทึกไว้
แม้ว่าจะขี้เกียจเฉื่อยชาอย่างมากในช่วงนี้ แต่ความรู้สึกหลังอ่านเล่มนี้ก็มีค่าแก่การบรรทึกไว้
เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่หลงลืมมัน และกลับมารับสัมผัสเหล่านี้ได้ใหม่ :)
.
เรียกว่า เป็นหนังสือเล่มแรกของปี 2020 ของเรา
ที่ไม่ควรถูกลืม
อยู่แชร์เฮาส์กับเหล่านักเขียน
writer: Moonscape
shop: ร้านกลิ่นหนังสือ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in