เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ปฤษตันไอยยิแลน : The occidental stories from an oriental point of viewKSCincat
สถาบันกษัตริย์ เข็มนาฬิกา และเวลา
  • คำเตือน: เรื่องที่จะพล่ามต่อไปนี้ โยงใยกันตามใจของผู้เขียน เวิ่นเว้อ เนิร์ด ซีเรียสแต่ไม่เป็นสาระวิชาการ

    เมื่อวันก่อน มิตรสหายทักมาหาบอกว่า พอควีนสวรรคตแล้ว นึกถึงเรื่องเคยคุยกันว่า ในสยามกลางเก่ากลางใหม่ราว ร.3-ร.5 มีการใช้นาฬิกาเป็นเครื่องบูชา ของตกแต่งเป็นพุทธบูชา อาทิ พระพุทธรูปฉลองพระองค์ในโบสถ์วัดพระแก้ว รวมไปถึงใช้นาฬิกาตั้งแต่งหน้าศพ


    (ขอขอบคุณ Pat Kulkan สำหรับภาพประกอบ)


    นาฬิกาเกี่ยวอะไรกับกษัตริย์และพุทธบูชา? มนุษย์สมัยใหม่อยู่ใต้สำนึกว่าเวลาเดินไปข้างหน้า ประสบการณ์ผ่านเข็มนาฬิกาที่เดินเวียนขวาเป็นวงจร คือ สิ่งใหม่ นาฬิกาจึงมาเปลี่ยนสำนึกมนุษย์ที่เชื่อเวลาในมิติที่นานโพ้นกว่า เป็นเวลาที่ผูกกับจักรภพและพระเป็นเจ้า สามารถกำหนดหรือพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่ากาลข้างหน้าจะเกิดสิ่งไร เวลาจึงนานโพ้น เอื่อยๆ ไม่เหมือนกับเวลาอย่างใหม่

    พอเข้าสู่สมัยใหม่มนุษย์จึงต้องปรับตัวปรับใจ เดินข้างหน้า ทั้งที่ไม่อยากให้สิ่งที่มีอยู่เดิมสูญไป จากเดิมศาสนา ราชสำนักที่อิงอำนาจจักรภพเป็นอำนาจสูงสุด คอยชี้การผันผ่านของกาลเวลาผ่านฤดูกาล วัน เดือน ปี กลายเป็นตกอยู่ภายใต้เวลาแบบใหม่ที่ชี้วัดด้วยตัวเลข ผลิตผล ผู้ชี้ขาดศูนย์กลางกาลเวลาเปลี่ยนไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง

    นาฬิกาที่ในฐานะเครื่องบูชา มุมหนึ่งอาจเป็นแค่ของประดับ หลงใหลเทคโนโลยีอย่างใหม่ อีกมุมหนึ่งคือการโหยหาอดีต ยึดโยงของใหม่เข้ากับโลกทัศน์ ยึดเหนี่ยวกับวัฒนธรรมของตน เชื่อสองสิ่งที่ไม่เกี่ยว ต่างมิติเวลากันให้อยู่ร่วมกัน

     

    ในญี่ปุ่น จากเดิมที่เวลามีหลายมาตรฐานผูกกับท้องถิ่น ความเชื่อ ศาสนาที่หลากหลาย พอเข้าสู่สมัยใหม่ก็ต้องปรับเวลาแบบใหม่ตามเข็มนาฬิกา แต่เพื่อความเป็นเอกภาพให้ทุกสังคมในหมู่เกาะขับเคลื่อนไปด้วยกัน จึงใช้รัชศก nengō สอดประสานเวลา และประสบการณ์ข้างหน้าให้เข้ากับอดีตที่เสมือนไม่เคยขาดตอน คือ รัชสมัยของพระจักรพรรดิ


    พูดมาถึงตรงนี้ นึกได้ว่า สถาบันกษัตริย์สมัยใหม่ก็เหมือนนาฬิกาคุณปู่ เก่าแก่ ตั้งอยู่ที่เดิม แต่บอกการผันผ่านของห้วงเวลา ให้มนุษย์อุ่นใจว่ามีบางสิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แม้ฟ้าจะถล่มดินทลาย ถึงกระนั้น กษัตริย์คือมนุษย์ปุถุชน มีเกิดตาย ทำนองเดียวกับนาฬิกาที่ตายได้ ความต่อเนื่องของบัลลังก์ ไม่ตายตามมนุษย์ผู้ทรงมงกุฎจึงเหมือนการไขลานนาฬิกาให้เข้าที่เดิม เสมือนนาฬิกาคุณปู่ยังทำงานอยู่ไม่ขาดตอน ะสิ้นชีวิตลงเพราะชราภาพอย่างไร มนุษย์ก็รู้สึกโหวงเหวง ปุบปับ เพราะความจริง กับ ความจริงเหนือจริงในสำนึกขัดแย้งกัน

     

    จึงไม่แปลกที่มนุษย์จะหลงใหลปลาบปลื้ม เพราะรอยแยก ความเปลี่ยนแปลง ความโหดร้าย คือ สิ่งที่มนุษย์ขยาดรับมือไม่ไหว มนุษย์จึงต้องการยาสมานเวลา สมานรอยแยกที่ไม่มีได้จริง เพื่อเสพละครประโลมใจ เฝ้ามองมนุษย์ทำหน้าที่เหนือมนุษย์ เพื่อลืมกาลข้างหน้าที่ต้องพบพานไปชั่วขณะ...ธง Royal Standard จึงไม่มีวันลดลงครึ่งเสาเพราะจินตนาการของมนุษย์ว่าพระราชบัลลังก์ไม่มีวันว่างเว้น (The monarch is always there.) (สำหรับประวัติ Royal Standard โปรดดู

    )

    ชวนให้นึกถึงเพลง On HerSilver Jubilee ท่อนหนึ่งขึ้นมา...

    Oh, the magic of the monarchy, the mystery sublime

    Growing gracefully and effortlessly richer all the time

    She’s the rock of hope and glory in the quicksand of despair

    For although the pound may tumble, although panic fills the air

    Although government may crumble, and the cupboards nearly bare

    Though the stairs begin to rattle, and the rats begin to stare

    She enfolds in mystic unity her subjects everywhere

    And we know we’re safe from harm, while nanny’s there

     

    นิทานปรัมปรา ปกรณัม ตำนาน มหากาพย์ จึงเป็นลมหายใจของประเพณีที่เป็นอมตะคอยกล่อม สะกดปลอบประโลมมนุษย์ท่ามกลางซากปรักหักพัง ความขัดแย้ง โหดร้าย เลือดเย็นความเฉยเมยของมนุษย์อยู่เสมอ

    ซีรีย์เดอะคราวน์ซีซัน 3 มีฉากสมมติตอนหนึ่งที่มากาเรตพูดกับควีน เราคิดว่ารวบความมนตร์สะกดเหล่านี้ได้ดีว่า “You cannot flinch. Because if you show a singlecrack, we’ll see it isn’t a crack, but a chasm. And we’ll all fall in. So you must hold it all together.”







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in