แมรี เรโนลต์ (Mary Renault) เป็นเจ้าของหนังสือ ¨The Charioteer" ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1953 หนังสือที่อยู่ในหน้าแรก ๆ ของผลการค้นหาหนังสือนิยาย LGBTQ+
ความพิเศษของเล่มนี้คือเป็นหนึ่งในนิยายในอังกฤษเล่มแรก ๆ สมัยนั้น ที่พูดเรื่องรักเพศเดียวกันออกมาแบบตรง ๆ
วันนี้เป็นเรื่องเล่าประวัติขนาดสั้นเบา ๆ ถ้าจะให้โปรยแบบจับใจความได้ในหนึ่งประโยค คือเป็นเรื่องของ เลสเบี้ยนนักเขียนนิยายเกย์ (เกย์ผู้ชาย) ที่มีแฟนคลับชื่นชอบผลงานมากมายเลย
แมรี เรโนลต์เป็นนักเขียนนิยายชาวอังกฤษผู้เป็นที่รู้จักจากการเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะสมัยกรีกโบราณค่ะ แต่ก็เขียนแนวอื่นด้วยเช่นกัน ในบรรดาหนังสือของเธอ มีหลายเล่มที่ตัวละครมีความหลากหลายทางเพศ เช่น The Charioteer, The King Must Die, The Last Of The Wine , The Persian Boy
*อาจจะต้องพูดไว้นิดหน่อยว่าตัวละครที่มีความหลากหลายทางเพศของเธอมีทั้งที่อยู่ในสมัยที่เป็นกรีกโบราณ และไม่ใช่กรีกโบราณ เนื้อหาหนักเบาต่างกันไป
ทั้งนี้ พอพูดเรื่องเกย์ในกรีก ในโรมันแล้ว เลยต้องบอกต่ออีกว่า เรื่องกรีกโบราณรวมไปถึงโรมัน กับคติความหลากหลายทางเพศในภาพรวม มันไม่ได้สวยงาม หรือเปิดกว้างแต่อย่างใด มีทั้งเรื่องของอำนาจ ลำดับชั้น การทำให้อับอาย (shame; bottom-shaming) ต่าง ๆ
Nursing and Gay Novel
แมรีเรียนในวิทยาลัยหญิงล้วน และฝึกงานเป็นพยาบาลที่ออกซ์ฟอร์ด ตอนที่อยู่ในโรงเรียนพยาบาลก็ได้พบกับจูลี มัลลาร์ด (Julie Mullard) เพื่อนพยาบาลด้วยกันที่กลายมาเป็นคู่รักของเธอในภายหลัง
เธอเริ่มเขียนหนังสือก็ตอนที่ได้ไปเป็นพยาบาลรักษาผู้อพยพจากดันเคิร์ก (Dunkrik) ในบริสโตลช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยทำงานอยู่แผนกศัลยกรรมสมอง
นิยายเรื่อง "The Charioteer" เล่าถึงความสัมพันธ์ของลอรี ทหารนายหนึ่งซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกในชนบท เขาพบกับแอนดริว ชายหนุ่มผู้ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร
ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกันและพัฒนาเป็นความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกในที่สุด โดยในระหว่างที่เรื่องดำเนินไปก็มีเรื่องราวบางอย่างเข้ามาทำให้ตัวเอกต้องพยายามเข้าใจอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองด้วย
เมื่อเขียนเรื่องนี้ออกมาท่ามกลางสังคมที่ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน ตัวแมรีย์เองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย หลังจากนิยายเล่มที่สี่ของเธอ "Return To Night" ได้รับรางวัล MGM เป็นเงินมูลค่า $150,000 เธอจึงใช้เงินจำนวนนี้ ย้ายหนีไปแอฟริกาใต้กับจูลี การไปแอฟริกาใต้ทำให้เธอได้พบกลุ่มสังคมที่เปิดกว้างกว่าในเรื่องทางเพศ จากนั้นจึงไม่กลับมาอังกฤษอีกเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in