ความสนใจในเรื่องการเมืองนี้อาจเกิดขึ้นเพราะว่าเธอเองก็อยู่ในช่วงที่มีการปฎิวัติเม็กซิกัน ( Revolución Mexicana, Mexican Revolution หรือ Guerra Civil Mexicana กินช่วงเวลาประมาณ 1910 ถึง1920 ) และธุรกิจภาพถ่ายของพ่อเธอก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย
วันที่ 17 กันยายน 1925 เธออายุ 18 ปี รถโดยสารที่เธอกับอเลคันโดร โกเมซ (Alejandro Gómez) แฟนหนุ่ม ณ ขณะนั้นนั่งอยู่ประสบอุบัติเหตุชนกับรถราง ทำให้เธอเกือบเสียชีวิต แฟนเป็นคนช่วยพาเธอไปส่งโรงพยาบาล เธอไหล่เคลื่อน กระดูกสันหลัง กระดูกไหปลาร้า ซี่โครง กระดูกเชิงกรานและเท้าแตก ต้องใส่เฝือกทั้งตัว ตลอดช่วงชีวิตของเธอ เธอผ่าตัดไปทั้งสิ้นกว่า 30 ครั้ง
อันที่จริงกาห์โลก็สนใจศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่ได้มองว่าจะยึดการวาดภาพเป็นอาชีพจริง ๆ จัง ๆ แต่อย่างใด และหันความสนใจไปหาแพทย์แล้วก็ตาม ในขณะที่พักฟื้นตัวนี่เองที่เธอกลับมาให้ความสนใจศิลปะมาก ๆ อีกครั้ง โดยเริ่มมีความคิดว่าอยากเป็นนักวาดภาพประกอบเกี่ยวกับการแพทย์ (Medical illustrator) เธอจึงเริ่มวาดภาพอีกครั้งทั้งที่นอนอยู่บนเตียง
ปี 1927 เธอฟื้นตัวดีขึ้นในระดับที่ไม่ต้องนอนบนติดเตียง กลับไปเข้าสังคมกับเพื่อนจากโรงเรียนเก่า และเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์เม็กซิกัน (PCM) รู้จักกับนักเคลื่อนไหวและศิลปินหลายคน
ปี 1928 รู้จักกับ ดิเอโก ริเบรา (Diego Rivera) ผู้เป็นศิลปินดัง เธอจึงเอาผลงานรูปวาดไปถามเขาว่าเขาคิดอย่างไร คิดว่าเธอจะยึดการวาดภาพเป็นอาชีพได้ไหม ซึ่งเขาชอบผลงานของเธอมาก ๆ
ต่อมาทั้งคู่ได้คบหาดูใจกัน แม้ว่าริเบราจะอายุมากกว่าเธอ 20 ปีก็ตาม เมื่อทั้งคู่จะแต่งงานกันนั้น แม่ของกาห์โลไม่เห็นด้วย แต่พ่อเห็นว่าริเบรามีฐานะและสามารถเลี้ยงดูกาห์โลซึ่งยังจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาลอยู่ ทั้งคู่หย่ากันในภายหลัง แล้วก็กลับมาแต่งงานกันใหม่อีกคร้ัั้ง
ภาพวาดของเธอจัดแสดงทั้งในปารีสและเม็กซิโก
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวความรักของเธอกับคน(ที่ลือว่าเธอ)รักจำนวนหลายคน อยากจะพูดเรื่องความรักที่น่าจะยิ่งใหญ่ที่สุดของกาโล นั่นคือความรักที่เธอมีให้ศิลปะก่อนค่ะ
ลักษณะที่โดดเด่นคือสีสันสดใส มีการยกย่องศิลปะเม็กซิกันพื้นเมือง เล่าเรื่องหลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องความเจ็บปวดในชีวิต เรื่องผู้หญิง มาตรฐานความงามของผู้หญิง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเอง ต่อไปนี้จะยกตัวอย่างภาพบางภาพแล้วลองเล่าไปเรื่อย ๆ ดูว่าคนมองว่าภาพพวกนี้มีอิทธิพลอะไรบ้าง ทำไมถึงมีคนมองว่าศิลปะของเธอสนับสนุนเฟมินิสต์
ถ้าพูดถึงประเภทภาพที่ดังที่สุดของกาห์โล ก็คงจะเป็นภาพเหมือน ภาพเหมือนตัวเองชิ้นแรกของเธอคือคือ Autorretrato con vestido de veludo (Self Portrait in a Velvet Dress) ปี 192 ซึ่งวาดขึ้นมาเพื่อจะใช้โน้มน้าวให้แฟนหนุ่มอเลคันโดร (ผู้ร่วมชะตากรรมในอุบัติเหตุรถบัส) กลับมาคืนดีกับเธอหลังจากที่ทำท่าจะเลิกรากันไป ซึ่งก็ทำให้เขากลับมาหาเธอจริง ๆ แต่หลังจากนั้นก็มีเหตุให้ต้องเลิกรากันไปอีกครั้ง
ภาพนี้ชื่อ Autorretrato con Collar de Espinas (Self-Portrait with Thorn Necklace and Hummingbirdis) ปี 1940 วาดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอีกแล้ว โดยเห็นจากสร้อยคอลักษณะเหมือนรากไม้ที่รัดคอเธออยู่ คาดว่าเกี่ยวกับการหย่าสามี
เราจะเห็นเรื่องพื้นถิ่นเม็กซิโกในภาพนี้ด้วย คือนกฮัมมิงเบิร์ดที่ตายแล้วซึ่งห้อยเป็นจี้อยู่ตรงคอของเธอเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีในเรื่องความรักในตำนานพื้นบ้านของเม็กซิโก ในขณะที่เสือดำเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย และลิงเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย
แต่สิ่งที่อยากให้ดูนอกเหนือจากนั้นคือภาพหน้าของเธอ หลายคนวิเคราะห์ว่าเธอปฎิเสธความงามในลักษณะที่สังคมบอกว่างาม โดยเห็นจากคิ้วที่หนาเกือบจะชนกัน และรอยหนวดตรงบนปาก ภาพวาดตัวเองของเธอหลาย ๆ ภาพจะเป็นลักษณะนี้ คือคิ้มเข้มชนกันและมีรอยหนวด
-
อีกรูปที่ดังมากคือ Henry Ford Hospital ปี 1932 ที่วาดขึ้นหลังจากเธอแท้งลูก มีสายโยงใยไยงสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทารก หอยทาก ซึ่งสื่อถึงระยะเวลาที่ใช้ในการพักฟื้นจากการแท้ง ดอกไม้ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สามีให้เธอมา เป็นต้น
มีหลายคนมองว่าภาพที่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด และอารมณ์อย่างตรงไปตรงมาของกาห์โลมีอิทธิพลตรงที่ว่า ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วถ้าหากศิลปินผู้หญิงพยายามแสดงความรู้สึกและอารมณ์ที่ลึกซึ้งและรุนแรง มักจะโดนตราหน้าว่าบ้า ในขณะที่ถ้าเป็นศิลปินผู้ชาย จะได้รับการยกย่องว่าสื่อสารถึงความเศร้าโศกได้ทรงพลัง การที่เธอวาดภาพตามที่ใจอยากจะสื่อ และแสดงความเจ็บปวดออกมาในหลาย ๆ ภาพอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถสื่อถึงความเจ็บปวดและเศร้าโศกได้เหมือนกันโดยไม่จำเป็นต้องถูกตราหน้าแต่อย่างใด
Cocos llorando (Weeping Coconuts) อีกงานที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่เธอมีให้เม็กซิโก ทั้งจากมะพร้าวที่เป็นพืชสำคัญของประเทศ และธงชาติที่ปักอยู่พร้อมข้อความว่าเธอวาดขึ้นมาด้วยความรัก ภาพนี้วาดในช่วงบั้นปลายชีวิต
เรื่องความรักของกาห์โลกับสามีเป็นที่รู้จักดี มีจดหมายรักที่คนกล่าวถึงกันบ่อย ๆ และเป็นที่รู้กันว่าหลายภาพที่กาห์โลวาด ก็วาดเพื่อสื่อถึงสามีของเธอโดยเฉพาะหลังหย่ากันครั้งแรก
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังดังเรื่องมีชู้ด้วย (ทั้งสามีทั้งภรรยานี่แหละ) เสียงลือเสียงเล่าอ้างก็คือ กาห์โลเป็นไบเซ็กชวล ส่วนเสีองลือมีมูลแค่ไหน เดี๋ยวเรามาไล่ดูคนที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ กันไปทีละคนเลยดีกว่าค่ะ
1. เลออน ทรอทสกี้ (Leon Trotsky)
หลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าที่พยายามหาคือคำบอกเล่าของ Ella Goldberg Wolfe นักกิจกรรมทางการเมืองที่รู้จักกับกาห์โล
นอกจากนั้นก็มีภาพที่กาห์โลวาดให้เป็นของขวัญกับทรอทสกี้ในวันเกิด ชื่อว่า Autorretrato dedicado a Leon Trotsky (Self-Portrait Dedicated to Leon Trotsky) หรือบางครั้งก็เรียกว่าภาพ Entre las cortinas (Between The Curtain) เป็นภาพเธอถือจดหมายซึ่งเนื้อความในจดหมายนั้นก็เขียนให้ทรอทสกี้นั่นเอง ใจความว่า่
"To Leon Trotsky, with all my love, I dedicate this painting on 7th November 1937. Frida Kahlo in Saint Angel, Mexico".
2. จอเจีย โอคีฟ (Georgia O'Keffe)
"O'Keeffe was in the hospital for three months, she went to Bermuda for a rest. She didn’t made [sic] love to me that time, I think on account of her weakness. Too bad. Well that’s all I can tell you until now."
ที่สังเกตได้คือมีคำว่า Make Love ที่แปลว่า ร่วมรัก ก็ได้ อยู่ด้วยนั่นเอง
3. ชาเบลา บารกาส (Chavela Vargas)
Vivo para Diego y para ti. Nada más
ฉันอยู่เพื่อดิเอโก้ และเพื่อเธอ เพียงเท่านั้น
กาห์โลบอกกับบารกาสในจดหมายฉบับหนึ่ง
ชาเบลา บารกาสเป็นนักร้องชาวเม็กซิกันที่เกิดที่คอสตา ริก้า ร้องเพลงรันเชรา (Ranchera) ซึ่งเป็นแนวเพลงพื้นบ้านเม็กซิกัน เธอเป็นคนดังนะคะ มีสารคดีเป็นเรื่อง ๆ เลย เธอมีความเปรี้ยวอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใส่กางเกงอย่างเปิดเผยออกไปไหนมาไหน ในยุคสมัยที่ผู้หญิงใส่กางเกงถือว่าประหลาดมาก เป็นนักร้องหญิงคนแรกในเม็กซิโกที่ออกมาร้องเพลงให้ผู้หญิงตรง ๆ ซึ่งสมัยนั้นก็ไม่มีใครกล้าทำกัน
(อันที่จริงตั้งแต่เป็นสาวก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าผู้ชายอยู่แล้ว สูบบุหรี่ แล้วก็พกปืนด้วย)
ในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอที่ตีพิมพ์ขึ้นเมื่อเธออายุ 81 ปี เธอได้กล่าวถึงอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีคำบอกใบ้อยู่ในเพลงต่าง ๆ อยู่แล้ว
ว่ากันว่าในบรรดาคนรักลือๆของเธอมีบรรดาคนดังอย่าง Dolores Olmedo, Lola Beltrán, María Félix ร่วมอยู่ด้วย แต่ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่เหมือนความสัมพันธ์ที่เธอมีกับกาห์โล
บารกาส กาห์โล และริเบราอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านที่เมืองโกโยอากัน (Coyoacán) หลายคนก็ยังถกเถียงกันอยู่เลยว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมากหรือเป็นคู่รักกันแน่
หลังจากที่ได้รู้จักกับบารกาส กาห์โลเขียนจดหมายไปหา การโลส เปยิเซร์ ( Carlos Pellicer ) โดยมีใจความว่า
ในเพลงท่อนหนึ่งร้องว่า
Tapáme con tu rebozo, llorona,Porque me muero de frío. เอาผ้าพันคอมาห่มฉันที โรโยนา ฉันกำลังจะตายเพราะความเหน็บหนาว ก็เศร้า ๆ ดี
อันนี้เป็นตัวอย่างสารคดีเรื่องชาเบลา
แล้วก็รูปหน้าปกรูปนี้เป็นรูปของทั้งคู่ ถ่ายโดยนิโคลัส เมอเรย์ (Nickolas Muray) ปี 1945 เก็บรักษาโดยพิพิธภัณฑ์ฟรีดา กาห์โล ©Frida Kahlo Museum
นิโคลัสก็เป็นอีกคนที่ดังเรื่องความสัมพันธ์กับกาห์โล และเนื่องจากว่าดังก็เลยไม่ได้เล่าค่ะ 5555
4. โดโลเรส เดล ริโอ (Dolores del Rio)
ในช่วงชีวิตของกาห์โลหลังจากอุบัติเหตุ เธอต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลด้วยว่าบาดแผลจากอุบัติเหตุได้รับการกระทบกระเทือน เธอใช้ชีวิตผูกพันกับศิลปะ สังคม และการเคลื่อนไหวทางการเมือง จนกระทั่งเสียชีวิตจากโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (pulmonary embolism) ในวัย 47ปี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in