หากมีกระดาษขาววางอยู่ต่อหน้าคุณหนึ่งแผ่น และดินสอสีกล่องใหญ่ที่มีสีให้เลือกมากกว่า 84 สี คุณจะทำอย่างไรกับมัน
บางคนละเลงสีไปมั่วๆ ลงบนกระดาษ
บางคนค่อยๆ บรรจงร่างเส้นและลงสี
บางคนตั้งท่าจรดปลายดินสอลงบนกระดาษ
บางคนไม่ทำอะไรกับมันเลย
ส่วนตัวผม สีทั้ง 84 สีมันมีเยอะเกินความจำเป็น ผมเลือกเฉพาะสีที่ผมชอบและผมจะใช้ออกมา แล้วนั่งจ้องกระดาษขาวนั่นอยู่ซักพัก ในหัวผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย บางทีผมก็ตามความคิดตัวเองไม่ค่อยทัน ถึงแม้ว่ามันจะมาชั่ววูบก็ตาม
ปลายดินสอสีที่ผมเริ่มจรดลงบนกระดาษขาวนั้นค่อยๆ ถูกสานเส้นทีละน้อย เส้นของดินสอสีนั้นพลิ้วไหวราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
เพียงแต่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งที่ผมกำลังวาดอยู่นั้นจะออกมาเป็นรูปอะไร ...
ผมไม่สามารถให้คำจำกัดความของมันได้ บอกไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ผมรู้เพียงแต่เวลาที่ผมจรดดินสอลงบนกระดาษนั้น ภาพหลายๆ ภาพในหัวจะรวมกันที่จุดเดียว และสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพอะไรคือปลายดินสอของผมเท่านั้น หากมีอะไรมาสะกิดทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ภาพในหัวนั้นก็จะหายไปไม่มีวันกลับมาอีกเลย
หลายๆ คนในห้องศิลปะรู้ถึงเรื่องนี้ของผม ผมไม่เรียกมันว่าความสามารถพิเศษหรอกนะ เพราะสิ่งนั้น ทำให้ผมต้องพลาดกับรูปที่ผมแอบชอบอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรูปที่เพิ่งจะเริ่มจรดดินสอ รูปที่วาดไปได้ครึ่งส่วน รูปที่วาดจนใกล้จะเสร็จ และอื่น ๆ อีกมากมาย ผมไม่สามารถวาดรูปพวกนั้นต่อไปได้ แม้ว่าผมจะเคยลองแล้วก็ตาม แต่การที่จะจรดดินสอทับเส้นเดิมเพื่อรับความรู้สึกเดิมนั้น มันยากที่จะต่ออารมณ์จากรูปวาดให้พลิ้วไหวเช่นเดิม
การที่ทำเช่นนั้นหลายๆ ครั้งเพื่อให้ได้ความรู้สึกเดิมกับรูปนั้น ลากเส้นทับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อซึมซับอารมณ์นั้นไม่ได้ช่วยให้ผมสามารถวาดรูปนั้นต่อได้ แต่กลับเป็นการทำให้ผมทำลายรูปวาดเหล่านั้นซ้ำไปเรื่อยๆ เพียงเพราะผมเค้นอารมณ์จากเส้นนั้นไม่ได้
นอกจากจะทำลายรูปที่ผมวาดแล้ว มันกลับย้อนมาทำร้ายตัวผมเองอีกด้วย
หลังจากนั้นมาเมื่อมีรูปที่ไม่สามารถวาดให้เสร็จได้ ผมจะวางมือจากรูปทันทีและออกไปเดินผ่อนคลายเพื่อให้หัวโล่ง ผมเลิกที่จะทำอะไรต่อจากสิ่งที่เคยทำอยู่เมื่อความรู้สึกเปลี่ยนไปมันก็ยากที่จะทำให้มันกลับคืน นอกจากจะเป็นการทำลายสิ่งนั้นแล้ว ก็ยังทำร้ายตัวผมเองให้รู้สึกผิดมาตลอด
ตอนนี้ภาพบนกระดาษของผมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว จากดินสอที่ร่างภาพ ก็เริ่มที่จะลงสีในบางส่วนของภาพแล้ว สายตาของผมไม่สามารถละจากกระดาษแผ่นนั้นได้ ข้อมือของผมไม่สามารถวางดินสอสีในมือได้
ผมรู้สึกได้ว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง แต่ผมเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจซักเท่าไหร่ ภาพตรงหน้านี่สิที่สำคัญกว่า
เมื่อผมวางดินสอสีสีสุดท้ายลง ภาพของผมจึงสมบูรณ์ สมบูรณ์ในความรู้สึกผม
ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยใส่เดรสขาวสลับฟ้าสวมหมวกปีกกว้างสีขาว ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ท้องฟ้าสดใส แสงแดดอ่อน ๆ ลมพัดไหว
เธอดูดีทุกครั้งที่ใส่ชุดนี้ และผมไม่มีโอกาสจะได้เห็นเธอใส่อีกแล้ว อาจจะเป็นภาพเพียงไม่กี่ภาพที่ผมวาดถึงน้องสาวของผม ภาพทุกภาพที่ผมวาดนั้นมันออกมาจากความรู้สึกของผม ที่ไม่สามารถมีอะไรมาแทนที่ได้
[crián (Irish) = Crayon = ดินสอสี]
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in