เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I write what I want tothefirstofmine
[Rogue One: Cassian/Jyn] She's Not My Mission



  • -----------------------------------------------------

    WARNING!!!

    เป็นเรื่องราวช่วงระหว่าง Rogue One สปอยด์แน่นอน 

    สปอยด์นะจ๊ะ

    กลัวสปอยด์ก็อย่าเพิ่งอ่านนะ ปิดไปก่อน ดูจบแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ ไม่ว่ากัน

    หรือถ้าไม่กลัวสปอยด์ก็เลื่อนลงไปได้เลย


    เราเตือนคุณแล้วนะ



    -----------------------------------------------------







    [Jyn]


    ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ชีวิตฉันมีแต่ความวุ่นวาย สงครามที่แสนจะยืดเยื้อ ครอบครัวที่อยู่ไม่ครบ ราวกับว่าฉันอยู่เพียงคนเดียว แม่ก็ถูกยิงตายต่อหน้าต่อตาฉันที่กำลังซ่อนตัวแอบดูอยู่ ส่วนพ่อก็ถูกพวกจักรวรรดิพาตัวไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันก็ได้แต่คิดว่าพ่อของฉันนั้นตายไปแล้ว จะได้ทำใจง่ายหน่อย แล้วก็ได้ ซอว์ เกอเรร่า คอยดูแลฉันจนถึงวันนึงที่เขาทิ้งฉันเอาไว้กลางทะเลทรายพร้อมกับปืนและมีดในบังเกอร์ และบอกฉันว่าตอนเช้าจะมารับ ผ่านมากี่เช้าแล้วก็ไม่รู้ เขาก็ยังไม่มา 
     

    หลังจากนั้นฉันก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า ลีฮาน่า ฮัลลิก ไป ๆ มา ๆ ก็ถูกพวกทรูปเปอร์จับ ด้วยข้อหาอะไรก็ไม่รู้ เยอะแยะและฉันไม่อยากที่จะจำมัน ถูกจับมาอยู่ห้องขังรวมกับอีกหนึ่ง มีพวกสตรอมทรูปเปอร์เดินวนเวียนตลอด โดนพาไปทำเหมืองในดาวที่ฉันถูกจับขัง "โวบานี่" ค่ายคนงานอิมพีเรียล ที่เอาไว้สกัดพลังงานจากไคเบอร์ ที่พวกเขาไปเอามาจากไหนฉันก็ไม่รู้ จนกระทั่งถูกฝ่ายกบฏมาพาตัวฉันออกจากตรงนั้น เพื่อใช้ฉันเป็นทางผ่านเข้าไปหาซอว์ เกอเรร่า เพื่อตามหาพ่อของฉัน



  • [Cassian]



    ผมใช้ชีวิตอยู่กับการรบมาตั้งแต่อายุ 6 ปี อยู่กับฝ่ายกบฏจนมาถึงปัจจุบัน ไปรบหลายครั้ง ภารกิจที่ได้รับก็เยอะ ได้รับการเลื่อนขั้นมาแล้วหลายรอบ จนตอนนี้ก็เป็นกัปตัน เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของฝ่ายกบฏ หลาย ๆ คนบอกว่าผมเก่งเรื่องซุ่มยิงระยะไกล ซึ่งผมก็คิดแบบนั้น ตอนนี้ก็มีดรอยด์ปฏิบัติการของฝ่ายจักรวรรดิอยู่ตัวนึง ถูกรีโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว มันคอยช่วยวิเคราะห์กลยุทธ มันพูดทุกอย่างที่เข้ามาในวงจรของมัน จนบางครั้งผมต้องบอกให้มันหุบปากเอาไว้


    ผมไม่อยากที่จะพูดเรื่องการสูญเสีย ทุก ๆ สงครามย่อมมีการสูญเสียเกิดขึ้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะสูญเสียมากหรือน้อยกว่ากัน เมื่อโตขึ้นผมเลยเลือกที่จะทำภารกิจของผมให้ลุล่วง และพาตัวเองกลับฐานอย่างปลอดภัย


    ภารกิจของผม ทั้งช่วยคนอื่นก็มาก ฆ่าคนอื่นก็เยอะ จากที่เคยรู้สึกผิด กลับกลายเป็นชินชา แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่อาจลบความรู้สึกผิดในใจผมได้ 


    ผมมีโอกาสมากมายที่จะเหนี่ยวไกปืน เหตุผลมากมายที่ผมควรจะจัดการชายคนนั้น แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่สามารถเหนี่ยวไกปืนนั้นไปได้ สายตาของเธอ จิน เออโซ สายตาที่เธอมองผม ราวกับบอกว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์ และผมควรเชื่อเธอ ไม่ใช่ทำตามคำสั่งที่ผมได้รับ


    ผมเห็นเธออยู่ที่ลานบินของจักรวรรดิ บริเวณเดียวกับที่พวกเดธทรูปเปอร์และสตรอมทรูปเปอร์ยืนคุมกำลังก่อนจะสังหารเหล่านักวิทยาศาสตร์ วิศวกรที่ทำให้เดธสตาร์กลายเป็นอาวุธสังหาร เมื่อฝูงบินฝ่ายกบฏเข้ามาโจมตีที่นี่ "อีดู" ผมอดที่จะห่วงเธอไม่ได้ เธอยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางทหารเดนตายพวกนั้น ผู้หญิงคนเดียวจะสู้พวกทหารนั่นไหวได้ยังไงกัน ถึงแม้ว่าผมจะเคยเห็นฝีมือของเธอแล้วที่เจดาห์ก็ตาม แต่นี่คือฐานของพวกมัน เธอคนเดียวไม่น่าจะรับมือไหว ผมวิ่งไปที่ลานบิน โดยไม่ห่วงชีวิตของตัวเอง ภาวนาแต่เพียงว่าเธอจะปลอดภัย


    เธอนั่งกอดร่างของพ่อของเธอเอาไว้ ผมไม่แน่ใจว่านั่นคือน้ำตาหรือน้ำฝนที่ไหลลงบนใบหน้าของเธอ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น กว่าผมจะพาตัวเธอออกจากจุดนั้นได้ ก็ใช้เวลาอยู่พอควร นับว่านานอยู่พอควร ในกรณีที่อยู่ท่ามกลางดงศัตรูแบบนี้ เบซยิงสกัดให้เราจากด้านบน เธอยังคงอาลัยอาวรณ์พ่อของเธออยู่ ผมเข้าใจได้ ถ้าไม่ใช่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผมคงไม่ลากตัวเธอออกมา 


    ถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงรู้สึกผิด แม้ผมจะไม่ได้เหนี่ยวไกปืนนั้น แต่ชายผู้เป็นเป้าหมาย กลับถูกระเบิดลูกหลงจากฝ่ายกบฏ พวกเดียวกันกับผม 






  • [Jyn]


    ฉันคิดว่าชีวิตฉันสูญเสียมาเยอะแล้ว ทั้งแม่ที่ถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา พ่อที่ถูกจักรวรรดิจับไป จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ได้แต่คิดว่าพ่อของฉันตายไปแล้ว แต่เมื่อต้องมาเห็นบ้านที่เจดาห์ ที่พวกจักรวรรดิยิงเดธสตาร์มาระเบิดทั้งดาวหายวับไปต่อหน้าต่อตา ก็ทำให้อดเสียใจไม่ได้ ที่ซอว์ เกอเรร่า ชายที่เคยเลี้ยงดูฉันมันหายไปพร้อมกับมัน อีกทั้งพ่อของฉัน เกเลน เออโซ ที่ถูกระเบิดลูกหลงจากฝ่ายกบฏที่บินมาถล่มฐานจักรวรรดิที่อีดู มาถึงตอนนี้ฉันก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว


    ฉันอดที่จะโทษชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ กัปตันแคสเซี่ยน เอนดอร์ ผู้นำภารกิจนี้ ถ้าเขาเลือกที่จะเชื่อฉัน และติดต่อกลับไปที่ดาวยาวิน 4 เร็วกว่านี้ พวกกบฏก็คงไม่ถล่มระเบิดลงมา ทำให้พ่อของฉันต้องตาย ถ้าเขา... ถ้าภารกิจของเขาไม่ใช่ซุ่มยิงพ่อของฉันมันก็คงจะดี


    เขาไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ฉันถาม แต่เขากลับใช้คำพูดกำกวม ฉันมาสะดุดใจในคำพูดของเขา ชายหนุ่มที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน (ฉันคิดว่าเขาน่าจะห่างกับฉันไม่กี่ปี) แต่สิ่งที่เขาพูดมา มันเป็นความจริง บางครั้ง บางกรณี เราไม่สามารถที่จะเลือกได้ 




  • [Cassian]


    ผมไม่อยากเล่าความสูญเสียของผมให้ใครฟัง แต่เธอก็ควรจะรู้เอาไว้ว่าเธอไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสียคนที่เธอรักไป ผมยอมรับ เธอดูเป็นคนเข้มแข็ง ผมว่าเธอเองก็ยังคงมีความหวังที่จะได้กลับไปอยู่กับพ่อของเธอ แต่มันทำไม่ได้แล้ว ตอนนี้เธออาจจะกำลังช็อค ผมไม่เถียงว่าสิ่งที่เธอพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง


    ระหว่างที่เดินทางกลับไปดาวยาวิน 4 ผมแอบเห็นเธอนั่งปาดน้ำตาเงียบ ๆ อยู่ที่มุมนึงของยาน มุมที่ไม่มีใครสนใจ คนอื่น ๆ ต่างก็หลับเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ผมอยากที่จะเข้าไปปลอบเธอข้าง ๆ วันนี้ของเธอมันหนักมาก สำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอ ผมเดาว่าชีวิตของเธอก็ผ่านอะไรมามากมาย เธอเป็นคนเข้มแข็ง กล้าหาญ ถึงแม้จะหัวรั้นบ้างก็ตาม


    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมผมถึงยอมอ่อนให้กับเธอ ตั้งแต่เธอแอบเอาปืนมาจากกระเป๋าของผม ตั้งแต่ที่เคทัก และคำนวณความเสี่ยงให้กับผม


    ผมพยายามที่จะไม่คิดถึงความรู้สึกนั้น ผมแค่มาปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ แล้วก็กลับไปเอนตัวพักที่ห้องของผม เธอก็แค่ทางผ่านที่จะหาตัว เกเลน เออโซ ก็แค่นั้น ไม่ได้มีความสำคัญอื่นใดกับใครในฝ่ายกบฏ หรือแม้แต่กับผม





  • [Jyn]


    ความอ่อนแอ ทำไมถึงถาโถมเข้ามาได้ถูกเวลาขนาดนี้ ฉันเคยชินกับความสูญเสียมามากขนาดนี้แล้ว ทำไมยังคงรู้สึกแบบนั้นอยู่ วันนี้ทั้งพ่อ ทั้งซอว์ ก็จากฉันไปทั้งคู่ มันไม่ใช่เวลาที่ฉันจะต้องมาเสียใจหรือแสดงความอ่อนแอออกมาแบบนี้ 


    จู่ ๆ เขาก็ยื่นผ้าผืนเล็ก ๆ มาให้ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามฉัน เขาไม่พูดอะไร แต่เขากลับทำให้ฉันอดรู้สึกอุ่นใจน้อย ๆ เรื่องที่ฉันเคืองเขา มันก็ยังคงมีอยู่ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันเข้าใจว่ามันคือหน้าที่ที่เขาต้องทำ อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าพ่อของฉันเคยมีชีวิตอยู่ และเราก็ได้เจอกันในวาระสุดท้ายของพ่อ


    ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยกลัวความมืด ฉันคิดว่ามันจะหายไปแล้ว ความกลัวนี้ แต่เปล่าเลย ความกลัวนี้ยังกลับมาหลอกหลอนฉันอยู่ มันเพิ่งจะกลับมา ในวันที่ฉันอ่อนแอ ความเจ็บปวดทุกอย่างมันหลอกหลอน ทำให้ฉันหลับตาไม่ลง


    ดูเหมือนว่าเขาจะคอยสังเกตฉันอยู่เป็นระยะ ไม่รู้ว่าจะกลัวที่ฉันจะทำอะไรบุ่มบ่าม ใช้ปืนยิงทุกคนแล้วไฮแจ็คยานไป หรือเพราะอย่างอื่น ฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้ฉันต้องทำภารกิจสุดท้ายที่พ่อฝากเอาไว้ให้สำเร็จ ฉันไม่มีเวลาคิดถึงการขโมยยานไปทำอย่างอื่นหรอก มันไม่คุ้มกัน




  • [Cassian]


    ผมเคยอ่านประวัติของเธอ ผมรับรู้ได้ว่าเด็กสาวตรงข้ามผม เธอมีความพิเศษอยู่ในตัว สิ่งที่ผมเห็นที่เจดาห์ ยังทำให้ผมอึ้งอยู่ไม่หาย เธอใจกล้าดี ผมไม่อยากมองว่าเธอเป็นเด็ก ถึงแม้ว่าความสูงของเธอจะสูงพอ ๆ กับเด็ก ๆ ก็ตาม หรืออาจจะเป็นเพราะเธอเพิ่งผ่านความเป็นเด็กมาได้ไม่กี่ปีล่ะมั้ง


    ยอมรับว่าแรก ๆ ผมอาจจะสังเกตเธออยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้ผมกลับละสายตาจากเธอไม่ได้เลย ความรู้สึกของผมตอนนี้ มันคืออะไรกัน


    ผมเห็นถึงความเจ็บปวดของเธอ ผมเห็นถึงความสูญเสียของเธอ แม้ผมจะเคยผ่านการสูญเสียมามาก แต่สิ่งที่เธอต้องสูญเสียในวันนี้ กลับทำให้ผมนึกถึงเรื่องของผม ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ความสูญเสียที่เจ็บปวดมหาศาล มากเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะรับไหว


    ผมใช้ความเจ็บปวดนั้นมาเป็นเครื่องมือในการผลักดันตัวผมให้ทำในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในขณะนี้ 


    "เชื่อฉันเถอะ ฉันผ่านจุดที่สูญเสียแบบเธอมาแล้ว" ผมได้แต่รำพึงกับตัวเอง หวังว่าจะให้เธอเข้าใจ




  • [Jyn]


    ฉันสะดุ้งตัวตื่นมาตอนที่ได้ยินเสียง K2-SO บอกว่าเรากำลังจะลงจอดที่ดาวยาวิน 4 ผ้าผืนเล็ก ๆ นั้นยังอยู่ในมือ ฉันปืนขึ้นไปห้องนักบิน มองสิ่งที่เห็นรอบ ๆ ดาวดวงขนาดกำลังพอเหมาะ ท้องฟ้าสีอบอุ่น ไม่สว่างจ้ามากเกินไป สายตาของนักบินข้าง ๆ หุ่นดรอยด์หันมามองฉัน ราวกับว่าเรามาถึงบ้านกันแล้ว


    เขาบอกให้ฉันเก็บผ้านั้นเอาไว้ ก่อนจะเดินนำฉันและโบดี้ นักบินยานขนส่งของฝ่ายจักรวรรดิที่แปรพรรคมาเป็นผู้นำสารของพ่อฉันเพื่อมาส่งให้ซอว์ เกอเรร่า เข้าไปในห้องประชุมของฝ่ายกบฏ ที่ตอนนี้ผู้นำฝ่ายกบฏทุกคนมารวมตัวกัน


    เสียงถกเถียงกันดังขึ้นทั่วห้องประชุม บ่งบอกถึงความไม่พอใจ ผู้นำหลาย ๆ คนยอมที่จะยกธงขาว เลือกที่จะเดินหนี หรือหลบซ่อนตัว มากกว่าที่จะสู้จนถึงคราวสุดท้ายของตัวเอง ความหวังที่ทุก ๆ คนพร่ำบอกกับตัวเองว่า ฝ่ายกบฏเกิดขึ้นมาเพราะความหวัง มันไม่มีแล้วจริง ๆ หรือ ทำไมถึงยอมแพ้กันทั้ง ๆ ที่ยังคงมีความหวังเหลืออยู่ 


    ฉันเดินออกจากห้องประชุมด้วยความหัวเสีย ทั้งเบซ เชรุต และโบดี้ เข้ามาคุยกับฉัน เพื่อปรึกษากัน จู่ ๆ นักบินหนุ่มก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับดรอยด์ตัวเดิม และนักบินหรือทหารคนอื่น ๆ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เขาเดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่า 'เขาเชื่อคำพูดของฉัน' คนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปเตรียมตัวก่อนที่จะนำยานออก เขาก็เดินเข้ามาหาฉัน มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ


    "ฉันรู้สึกไม่ชินเวลามีคนคอยสู้อยู่ข้าง ๆ ฉัน"


    "ต้อนรับสู่บ้านนะ" เขาพูดกับฉันพร้อมกับรอยยิ้มกว้างกว่าปกติที่ฉันเพิ่งจะเคยเห็น




  • [Cassian]


    ผมคิดไว้แล้วว่าคงไม่มีใครเชื่อในคำพูดของเธอแน่นอน ผมไม่มีวันที่จะทิ้งหลักการของตัวเองไปเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็ยังไม่อยากที่จะยอมแพ้ทั้งที่มันยังมีโอกาสอยู่


    ผมเชื่อใจเธอ เหมือนกับคำพูดที่เธอบอกผมว่าเราควรจะเชื่อใจกัน ก่อนที่จะออกเดินทางครั้งแรก ถึงแม้ก่อนหน้านั้นผมจะไม่เชื่อเธอ แต่ตอนนี้ผมเชื่อใจเธอ เชื่อสุดใจ


    ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ถ้าเป็นเรื่องอื่น การขัดคำสั่งมันทำให้ผมรู้สึกผิด แต่คราวนี้กลับไม่เลยซักนิด การที่ได้ต่อสู้เพื่อฝ่ายกบฏ การออกไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองทั้งที่ไม่ได้รับคำสั่งมา กลับทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมไม่เสียเปล่า ดีกว่าละทิ้งหลักการที่ผมยึดมั่นมาตลอดให้เสียไป


    ความมุ่งมั่นของเธอตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าการที่ออกรบไปพร้อมกับเธอ ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ชีวิตของผมต้องพังทลาย แต่กลับทำให้ผมรู้สึกไม่น้อยที่ว่าผมจะมีความรู้สึกให้กับเธอ ผมว่าตัวเองเข้าใจเธอ เข้าใจสิ่งที่เธอเผชิญ เข้าใจกับความเจ็บปวดนั้น เพราะผมเคยผ่านมันมาก่อน


    ระหว่างที่เดินทางไปสคาริฟ ฐานที่ตั้งของแหล่งเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของฝ่ายจักรวรรดิ ผมเห็นเธอเอาสร้อยออกมาจากคอ เฝ้าดูมันราวกับมันจะให้พลังกับเธอ หลังจากที่พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ผมจึงเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ เธอ


    "เสียใจด้วยนะ ทั้งเรื่องที่เจดาห์ และเรื่องพ่อของเธอ" ผมพูดมันออกมาจากใจของผม


    "ไม่เป็นไร ฉันโอเค" เธอตอบอย่างไม่ได้คาดหวังว่าคำ ๆ นั้นจะหลุดออดมาจากปากของใคร เธอคงไม่อยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น ผมเข้าใจ เพราะผมก็เคยเป็น


    "ทำไมคุณถึงเข้าไปเอาตัวฉันออกมาจากลานบินที่อีดู" จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นมา 


    นั่นสิ ทำไมผมถึงเข้าไปช่วยเธอ


    "เพราะเธอคือคนรับสารมา ถ้าเธอตายไป แล้วใครจะยืนยันคำพูดของเธอว่าที่เธอพูดมันคือเรื่องจริง" นั่นไม่ใช่คำพูดของผมในสิ่งที่ผมคิดหรอก


    "ผมเกรงว่า พวกเราทุกคนที่อยู่บนยานตอนนั้นจะรับรู้เรื่องการทำลายเดธสตาร์หมดทุกคนแล้ว" เจ้าบ้าเคย์จะพูดขึ้นมาทำไมกัน


    "ก็นั่นแหละน่า" ผมนั่งพิงหลังกับผนังยาน ก่อนที่ผมจะหลับตาลง ผมแอบเห็นรอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มตามได้


    ผมเองยังไม่อยากที่จะยอมรับว่าผมนั้นห่วงเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เธอต้องเผชิญติด ๆ กัน หรือเพราะเธอเป็นหนึ่งในภารกิจที่ผมต้องรับผิดชอบ




  • [Jyn]


    ฉันอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงกลับลงไปช่วยฉันจากลานบินนั่น ทั้งที่อยู่ท่ามกลางสตรอมทรูปเปอร์ ทั้งที่เขาก็เคยบอกเอาไว้ว่าไม่อยากที่จะเสี่ยงเพราะต้องรายล้อมด้วยสตรอมทรูปเปอร์


    เขาดูโหดร้าย และอ่อนโยนในคราวเดียวกัน ฉันเห็นสายตาที่กร้าวแข็งราวกับเผชิญสิ่งต่าง ๆ มามาก ราวกับว่าเขาเผชิญหน้ากับมันมาตลอดเวลา แอบเศร้าในบ้างครั้ง แต่เขาเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้ข้างในใจ มากกว่าที่จะบอกคนอื่นไป ฉันก็เช่นกัน ฉันไม่อยากที่จะบอกใครว่าฉันรู้สึกอย่างไร เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าเขาจะรับรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง สายตาของเขามองมาที่ฉันราวกับอยากให้ฉันรู้ว่าเขาเสียใจมากเพียงไร


    ทำไมเขาถึงเชื่อใจฉัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาทำเหมือนไม่ไว้ใจฉัน 




  • [Cassian]


    หลังจากที่เราเข้าไปเอาแผนผังเดธสตาร์และส่งไปให้ยานของฝ่ายกบฏได้เรียบร้อยแล้ว เธอประคองผมเข้าลิฟท์เพื่อลงมาด้านล่าง สภาพของผมแย่พอ ๆ กับของเธอ ทั้งล้มลุกคลุกคลาน ทั้งกระแทกกับคาน ตกลงมาดีที่มีตะแกรงรองรับ ส่วนเธอก็ไม่ต่างกัน ทั้งเกือบที่จะร่วงลงจากที่สูง ต้องเอาตัวเองขึ้นไปด้านบนเพื่อส่งข้อมูลไปให้ยานฝ่ายกบฏ 


    ใบหน้า สายตาของเธอที่มองมาที่ผม ทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบ ความรู้สึกนี้มันหายไปนานแล้ว ทำไมถึงต้องเป็นเธอ ที่ทำให้ความรู้สึกนี้กลับมา เธอทำให้ผมรู้สึกถึงบางสิ่ง เราเชื่อมต่อกัน


    "เธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวหรอกนะ จิน เออโซ"


    ไร้เสียงตอบกลับ นอกเสียจากเสียงหายใจ ทั้งเหนื่อยหอบ และอ่อนแรง ของเราทั้งคู่


    เส้นผมที่ปรกหน้าของเธอถูกผมจับทัดใบหู ใบหน้าที่เปื้อนเปรอะด้วยคราบเหงื่อ ฝุ่นละออง คราบดินระเบิดที่ปลิว ริมฝีปากเชิด ดวงตาอ่อนล้า สัมผัสของเธอช่างอบอุ่น เพียงแค่มีเธออยู่ตรงหน้า อยู่ใกล้ ๆ ผม ก็ทำให้ผมคลายความเหนื่อยล้าไปได้มาก แค่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว


    มาถึงตอนนี้ ผมยอมรับแล้วว่า จิน เออโซ เธอไม่ใช่ภารกิจของผม ที่จะต้องปกป้องเธอ แต่เธอคือคนที่ผมต้องการจะปกป้อง ผมต้องการให้เธอปลอดภัย 


    ร่างกายที่เหนื่อยล้าของเราทั้งคู่บอกให้ผมหยุดที่ชายหาด ริมแอ่งน้ำ จุดที่เคยเห็นขอบฟ้าชัดกว่านี้


    "พ่อของเธอต้องภูมิใจในตัวเธอแน่ ๆ จิน เออโซ"





  • [Jyn]


    ฉันเป็นห่วงเขาแทบบ้า ตอนที่เขาตกลงไปที่ตะแกรงนั่น แต่ฉันก็ยังคงต้องทำภารกิจต่อให้สำเร็จ จนกระทั่งเขายิงผู้การเครนนิคให้ล้มลง บนดาดฟ้าที่ฉันอยู่ ในตอนนั้นฉันได้แต่ภาวนาให้เขารอด แล้วฉันจะได้กลับลงไปช่วยเขา ฉันไม่มีวันที่จะทิ้งเขาเอาไว้ในถิ่นของจักรวรรดิเด็ดขาด


    ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงจะทิ้งเขาเอาไว้ แล้วเอาตัวเองให้รอด แต่ไม่ใช่สำหรับเขา 


    เขาบอกกับฉันว่า 'ฉันไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียว' 


    ฉันที่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงใด ๆ เสียงหอบเหนื่อยเป็นตัวบ่งบอกได้ดี


    สายตาที่เขาจ้องมองฉัน มันช่างอ่อนโยน ราวกับไม่ใช่เขาคนเดิม ที่มองฉันตอนขึ้นเครื่องไปทำภารกิจที่เจดาห์ครั้งแรก สัมผัสของเขาอ่อนนุ่มเกินกว่าสิ่งใด


    เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ฉันพาเขาออกมายังผืนทรายริมน้ำ ขอบฟ้าที่เคยชัด กลับมองไม่เห็นแล้ว


    "พ่อของเธอต้องภูมิใจในตัวเธอแน่ ๆ จิน เออโซ" เขาพูดขึ้น


    "แล้วคุณล่ะ" ฉันถามไปโดยไม่ทันคิดอะไร


    เขาไม่ตอบ แต่ฉันรับรู้ได้ จากสายตาของเขา และรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากนั้น ฉันกุมมือของเขาเอาไว้ แล้วเขาก็ดึงฉันไปกอด


    เสียงกระซิบข้าง ๆ หู ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มไม่ได้





  • [Cassian]


    "ฉันดีใจที่มีเธออยู่ข้าง ๆ นะ จิน เออโซ"


    ผมกอดเธอแน่น ก่อนที่แสงสว่างที่ขอบฟ้านั้นจะกลืนทุกอย่างหายไป









    ------------------------------------------------
    TEZ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sweet cocoa* (@sweetcocoa)
ฮือ ลงเรือลำนี้แล้วทรมานจริงค่ะจบไม่สวย แต่เป็นคู่ที่ดีมากๆเลย อยากให้แต่ง AU ด้วยจังเลยค่ะ จะรออ่านนะคะะะ