มีโอกาสได้ไปพม่าครับ เป็นทริปสั้นๆแต่พอดีได้ไกด์เก่ง(เป็นหลานนายพลที่นี่) + พยายามดูๆสังเกตตลอดการเดินทาง(ปกติแต่ก่อนจะหลับอย่างเดียวรอตื่นที่ปลายทาง) เลยพอที่จะได้พบเห็นได้รู้บ้าง ทั้งจากฟังไกด์เล่า(แม่นประวัติศาสตร์มาก เล่าทั้งทริปตั้งแต่ถึงพม่ายันกลับไทยเลย) แล้วก็ที่ได้เห็นเอง
เริ่มด้วยเวลาที่นี่ครับ พม่าจะช้ากว่าเรา ครึ่งชั่วโมง เอ้อ จริงๆไกด์ว่า เราควรจะเรียกประเทศเมียนมา ครับ เพราะ พม่าเป็นแค่ 1 ใน 8 เผ่าที่รวมเป็น ประเทศนี้ ไกด์ก็ไล่ให้ฟังพร้อมเอกลักษณ์ลักษณะของแต่ละเผ่าก็มีทั้ง พม่า กะเหรี่ยง ยักไข่ มอญ ไทยใหญ่ . . .(เซิดต่อเอง) อ้อแต่ที่แน่ๆใน 8 ไม่มี โรฮินยา เขาไม่นับ
คำศัพท์ที่ดูจะเป็นไฮไลท์ คือ กาดอ แปลว่า คุณหญิง แบบกาดอของนายพล กาดอ... กะอีกคำตอแหล ที่นี่แปลว่าเยี่ยมครับ ก็ไม่ได้ใช้กับคนพม่าหรอกครับ แต่ไว้ใช้กันเองในกรุปทัวร์เพื่อเรียกสีสันกันมากกว่า แซวเล่นกันกาดอคนนู้นที คนนี้ที ใครพูดอะไรดีๆก็ชื่นชม ตอแหล ๆ (ซึ่งน้ำเสียงดูจะออกมาทางไทยมากกว่า)
ที่นี่แม้ค่าแรงจะถูก แต่ค่าครองชีพถือว่าสูงนะครับ เงินที่นี่ใช้หน่วยจ้าด 1000 จ้าด = 1us ประมาณ 35 บาท ไทย ซึ่งที่ว่าแพงเพราะอย่าง coke 1 ป๋อง บ้านเราก็ 15 ที่นี่ 1000 จ๊าด อารมณ์ 1000 จ๊าด ก็ประมาณ แบงค์ 20 บ้านเรา เนี่ยนคนพม่าถึงไปทำงานไทยกัน ส่วนเหรียญจ๊าดเข้าใจว่าไม่มีคือไม่เห็นเลย อีกอย่าง ต่ำกว่า 500 จ๊าด ก็แทบหาใช้ไม่ได้แล้ว ถ้ามีก็ใช้เข้าห้องน้ำ 100 200
น้ำสาธารณะที่นี่ ตอนแรกเห็นก็งง ใช่เหรอวะ เห็นตั้งแต่ออกจากสนามบินมาซักพัก จนพบเยอะๆ มันใช่แหละ ที่อื่นอาจเห็นเป็นก๊อกที่พุ่งขึ้น แต่ที่นี่เป็นไหพร้อมแก้วคับ วางข้างๆต้นไม้ ในร่ม ตรงป้ายรถเมย์ หรือตามจุดพักต่างๆ ก็น่าจะดีนะ จากก๊อกเราไม่เห็นว่ามีไรอยู่น้ำเป็นยังไงมีไรตายรึป่าว ล้างท่อบ้างมั้ย แต่นี่แมนๆ กล้าทำกล้ารับ เปิดปึบเห็นปับ แต่ที่สงสัยและยังไม่รู้คือเค้าเติมน้ำยังไงแล้วใครเป็นคนไปเติมน้ออ
รถเมย์ น่ารักดีครับ ที่ชอบ คือลายเพ้นท์เค้าไม่ทำถึงกระจกอย่างเมย์เรา ลายก็มีตั้งแต่โฆษณา ยันการ์ตูนดูญี่ปุ่นๆก็มี แต่อันนี้เข้าใจว่ามาจากญี่ปุ่นเลย เพราะไกด์เล่าว่า รถมือจำนวนสูงๆ หรือผ่านน้ำท่วมของญี่ปุ่นทางรัฐได้ส่งมาให้รัฐบาลพม่า บางส่วนก็ใช้สาธารณะประโยชน์ บางส่วนรัฐก็เอามาประมูลขายให้ประชาชน แล้วแต่ใครมีเงินก็ได้ไป
ตามข้างทาง แทบจะไม่เห็นพวกมินิมาร์ทติดแอร์ อย่าง 7-11 เลยคับ มีบ้างก็ร้านชำ หรืออย่างใกล้เคียงมินิมาร์ทตลอดทริปก็เจอแค่ 2 ที่ แต่ที่เห็นเยอะๆเลย คือร้านมือถือครับ เยอะมาก ป้าย telenor (dtac) ,huawei พบเห็นได้เต็มไปหมด ตั้งแต่ต่างจังหวัดยันเข้าเมือง และที่ดูจากข้างทางที่เห็นๆกีฬายอดนิยมน่าจะเป็น ตะกร้อ บ้านเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้ดูคล้ายไทยสมัยก่อนเท่าไหร่ ดูไปจะคล้ายๆแบบอินเดียมากกว่า พวกประเทศที่ถูกอังกฤษยึดครอง ซึ่งปกติอังกฤษเขาก็จะวางผังเมืองไว้ให้ โดยรวมอย่างยางกุ้งก็ดีเลย แต่รถก็ยังติดอย่างแรงเหมือนบ้านเราอยู่ดี
ไม่ค่อยเห็นคนที่นี่ใส่แว่นกันเท่าไหร่ จริงๆเหมือนไม่เห็นเลย จะว่าคอนแท็คเลนส์ก็ไม่น่าใช่ สงสัยพันธุกรรมสายตายังมาไม่ถึง หรือไม่พวก IT คอมเน็ตที่นี่อาจยังไม่สามารถหาได้ง่าย จริงๆ wifi ก็มีให้ตามร้านตามโรงแรมนะแต่ค่อนข้างช้า slow life
ที่นี่นิยมใส่โสล่งอยู่คับ เรื่องปัสสาวะ ผู้ชายก็ยองๆเอา slow life แต่จริงๆโสล่งมีประโยชน์กว่านั้นครับ สามารถใช้หุ่ม ใช้ปัด จะถลกเป็นขาสั้นขายาวก็ได้ ซักง่ายถ้าซัก แห้งไว ยิ่งตรงห่มนี่การันตีเลยกันลมดีเชียว ขากลับก็ได้โสล่งแทนผ้าห่มช่วยเอาไว้
อีกเครื่องแต่งกายสำคัญ รองเท้าแตะครับ ตอนแรกก็คิดว่าเพราะเราอยู่ตามต่างจังหวัดของเขา แต่เข้าเมืองหลวงไป ก็ยัง แตะ ครับ ยันผับก็แตะครับ ร้านขายรองเท้าก็มีแต่ แตะ ครับ หลายร้านด้วย มีแฟชั่นแตะเต็มไปหมด ซึ่งพอมาอยู่ 2 วันก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมต้องแตะ คือ ศูนย์กลาง สถานที่สำคัญที่นี่เป็นวัดครับ ซึ่งก็มีหลายที่มาก และ การเข้าต้องถอดรองเท้า ถุงเท้าก็ไม่ได้ เราต้องเท้าเปล่าเท่านั้น ดังนั้นจะต้องถอดเข้าออกบ่อย จะมาเป็นหุ้มส้นก็ดูจะไม่สะดวก แถมแค่รองเท้าแตะก็มีแบบให้เลือกมากมายแล้ว (ที่ไม่เจอเลยคือส้นสูง)
ประวัติศาสตร์ ก็เอาเป็นว่าประเทศใครประเทศมันละกันครับ แล้วแต่ว่าใครจะเขียนจะเล่า อิงตัวละครเดียวกันแต่คนละเรื่องก็มี ไม่มีใครหรือหลักฐานใดยืนยันได้ 100% หนังท่านมุ้ยเลยยังใช้คำว่าตำนาน ไม่ได้ใช้คำว่าประวัติศาสตร์ (แต่ถ้าใช้มันก็คงดูแปร่งๆมะ) ตอนเราเรียนวิชาสังคมถามว่าเกลียดพม่ามั้ยเราก็ออกจะโกรธแต่ถามว่าคนไทยเราไม่ชอบพม่าจริงมั้ยก็ไม่น่าใช่ เพราะ คงไม่มีเรื่องบุเรงนอง หรือเพลงยกยอขนาดนั้น เค้าบอกอยากให้เรามองว่าไม่ใช่ไทยกับเมียนมา ตอนนั้น มันก็มีทั้ง ล้านนา อยุธยา พิษณุโลก หงสา ขอม แปร บลาๆ ตีกันไปมาแย่งกันขยายอาณาจักรซึ่งตอนนั้นใหญ่สุดก็ อยุธยา กับ หงสา ซึ่งถ้าทางนั้นไม่ตีมาเราก็คงตีไป ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะไปตีกันแต่เอาเป็นว่าตอนนี้ AEC บ้านพี่เมืองน้องต้องช่วยเหลือกัน ถึงตอนนี้เราจะเป็นพี่เจริญกว่า(ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ)แต่ถ้าการศึกษา การเมืองเรายังไม่ไปไหนดีไม่ดี เราจะกลายเป็นน้องเขาเอาได้นะ
ที่นี่จะมีให้ทำบุญบ่อยมาก จนยอมรับว่าบางทีเหมือนโดนขูดรีดให้ทำ แต่ต้องบอกครับว่าในบางที่ คนแถวนั้นเค้าก็ดูแล บำรุงสถานที่กันเอง อย่างพระธาตุอิงแขวน ไกด์ว่า ขนาดถนนทางขึ้นคนที่นี่ก็ทำกันเองโดยอาศัยทุนทรัพย์จากผู้ศรัทธาที่มาแสวงบุญ โดยไม่ได้มีงบสนับสนุนจากรัฐบาล เห็นว่าแต่ก่อนใครจะขึ้นก็จะให้ช่วยเอาอิฐเอาทรายติดที่ว่างในกระเป๋าหรือช่วยหิ้วขึ้นไปด้วย แสวงบุญจริงๆ
ศาสนาที่นี่ยังค่อนข้างแข็งแรง ขโมย ขโจรน้อย (แม้คนจนจะเยอะ) คนนิยมเข้าวัดซึ่งเป็นเหมือนที่รวมจิตใจ สวนสาธารณะ ที่ท่องเที่ยว ย่านเศรษฐกิจ . . . ค่ำก่อนไปที่ผับของเค้า EDM เพลงมันส์เลย ผู้หญิงถือว่าน้อย หน้าตานี่ถ้าเอามาเทียบกับตอนเช้าที่ชเวดากองแล้ว ผมว่าที่ชเวดากองสวยกว่าครับ สดใส ดูจิตใจงาม นี่คิดเป็นค่าเฉลี่ยเลย คนตอนเช้าหน้าตาดีกว่าตอนค่ำพอสมควรเลยนะ
ชเวดากอง เรียกได้ว่าเป็น no.1 ของเมียนมานี่เลยครับ ใครมาประเทศนี้ต้องมาที่นี่ให้ได้ เป็นพระมหาธาตุเจดีย์ เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น สร้างด้วยทองคำโดยการทะนุบำรุงซ่อมแซมที่นี่จะเป็นการสร้างหุ้มของเก่าไปเรื่อยๆ มีทั้งเพชรทั้งมรกตประดับ และที่สำคัญวัสดุหลักคือทองคำ ยางกุ้งเมืองเดียวประมาณกันว่ามีทองมากที่สุดในโลกมากกว่าธนาคารโลกซะอีก ก็สมกับชื่อฝรั่งเค้าเรียกที่นี่เป็น the golden land แล้วหล่ะครับ
ทริปนี้ที่เด็ดก็ตรง พระธาตุอินทร์แขวน กับ เชวดากอง ครับ ใครไปพม่า 2 ที่นี้ TOP ห้ามพลาด อีกอย่างชอบคนที่นี่ตรง ศาสนา นี่แหละคับ ดูเขาจะรักและเคารพในศาสนาจริงๆด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตามคู่มือหรือแค่ปากว่า (แต่ก็ไม่รู้ครับไปไม่กี่วัน บวกฟังๆที่เล่า) ตามวัดไม่มีขยะ สะอาด แถมไม่ต้องอาศัยใครมาดูแลเป็นพิเศษ เพราะคนท้องที่ หรือคนที่ไปช่วยกันดูตลอด นี่หล่ะครับเมืองพุทธ
สุดท้ายนี้ ก่อนกลับ ก็ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ลูกช้างมีกาดอเป็นตัวเป็นตน หากาดอได้เป็นของตัวเอง ด้วยเทอญญ
คลิปเล็กๆน้อยๆ
https://www.facebook.com/narut.sirithip/videos/vb.1060687299/10206151155152117/?type=3&theater
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in