เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
At the cornerมนุษย์ที่สังเคราะห์แสงได้
เด็กชายขายดอกไม้
  •                                                                                                                           *เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกับบุคคลหรือองค์กรใด

              ตลาดรุ่งใจเป็นตลาดทำเลดี ตั้งอยู่ในตัวเมืองใกล้กับเขตโรงเรียนประจำเมือง ที่นี่มีที่นั่งไว้นั่งจับกลุ่มคุยกัน แถมมีอาหารและเครื่องดื่มระรานตา เด็ก ๆ มัธยมมักมารอพ่อแม่ที่ตลาดแห่งนี้ เพราะไม่ต้องนั่งรอพ่อแม่หิวแบบท้องกิ่ว และถือเป็นโชคดีของผู้ปกครองที่ไม่ต้องเสียเวลาทำข้าวเย็น

              ร้านที่ดูเรียกแขกมากที่สุดคงเป็นร้านชูจิตรโภชนา เพราะมีของสดวางบนน้ำแข็งอยู่ตรงหัวมุมทางเข้าตลาด ใครเดินเข้ามาก็ต้องเห็นเหล่าเนื้อหมู เนื้อไก่สด ๆ แดง ๆ คอยต้อนรับ รวมถึงกบและปลาสด ๆ ที่น่าจะเตรียมไว้ทำเมนูผัดเผ็ด

              อีกร้านที่คนต่อแถวไม่เคยลดก็ต้องเป็นร้านน้ำปั่นลุงยิ้ม ลุงยิ้มนี่ไม่ใช่ชื่อร้านหรอก แต่เด็กแถวนั้นเรียกกันตามหน้าตาลุงคนขายน้ำ ลุงแกยิ้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา ทำให้ใบหน้าแกดูใจดี ลูกค้าที่มาซื้อมั่นใจได้เลยว่าจะไม่โดนแกอาละวาดถ้าสั่งน้ำผิด ไม่รู้จริง ๆ ว่าแกฝึกยิ้มแบบนี้มานานเท่าไหร่ คนเราจะยิ้มขายของได้ตลอดเวลาจริง ๆ เหรอ

    “จะกินไรอ่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาพร้อมหยิบกระเป๋าสตางค์เตรียมจะหยิบเงิน

              “ไม่รู้อ่ะ เบื่อ คิดไม่ออก” หญิงสาวตอบพลางหมุนกระเป๋าสตางค์ไปมา

              “ขนมปังปิ้งไหม ถ้าไม่อยากกินข้าว” ชายหนุ่มเสนอ

              “ขอคิดก่อนละกัน” หญิงสาวทำหน้าเบ้

              สุกี้แห้งหมูร้อน ๆ พร้อมควันขโมงวางอยู่บนโต๊ะ มีผักบุ้ง ผักกาดขาวแซมกับวุ้นเส้นในสัดส่วนที่พอเหมาะ มีหมูชิ้นพอดีคำ ไข่ที่เอาลงไปผัดด้วยมีรอยไหม้นิดหน่อยพอหอมเคล้ากลิ่นกระทะเหล็กแบบออริจินัล ข้าง ๆ เป็นถ้วยน้ำจิ้มสุกี้ใส่งาขาว

              “โห น่ากินจัง” ชายหนุ่มพูดหลังจากแฟนสาวของเขากำลังวางช้อนที่จานสุกี้

              “อืม นี่ร้านโปรดสมัยก่อน ตอนนั้นกินเกือบทุกวัน” เธอคลุกสุกี้แห้งจนควันขโมงกว่าเดิม

              “ระวังลวกปากนะ” ชายหนุ่มเตือน

              “ข้าวมันไก่ร้านไหนอ่ะ” หญิงสาวถามขึ้น

              “ร้านริมสุด ให้เยอะเนอะ” แฟนเธอตอบ

              “อืม เยอะมาก” เธอพูดพลางตักน้ำจิ้มสุกี้ราดลงไปในจานสุกี้เป็นวงกลม

              “เดี๋ยวจะไปซื้อโกโก้กล้วยร้านลุงยิ้มด้วย คิดถึงมาก” หญิงสาวคว้ากระเป๋าตังขึ้นมา

              “พี่ครับ ดอกไม้ไหมครับ” เธอยังไม่ทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงเด็กชายตัวเล็กดังขึ้นข้าง ๆ โต๊ะ

              เด็กชายอายุประมาณ 8-9 ขวบสองคนมายืนอยู่ข้างโต๊ะเธอ คนหนึ่งถือตะกร้าไม้สาน ข้างในมีพวงมาลัยดอกไม้ไหว้พระอยู่สิบกว่าพวงได้ ส่วนเด็กอีกคนยืนอยู่เฉย ๆ ข้าง ๆ กัน

              “วันนี้วันพระนะครับ ช่วยซื้อหน่อยนะครับ พวงละ 10 บาทเองครับ” เด็กน้อยพูดขึ้นมาอีกรอบ

              หญิงสาวและแฟนหนุ่มปฏิเสธโดยอัตโนมัติเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่เคยเจอพ่อค้าแม่ขายจำพวกขนมถุงเล็ก ๆ ของเล่นมีไฟวิบวับ ตั๊กแตนสาน หรืออะไรก็ตามที่ชอบมาขายข้างโต๊ะอาหาร

              “ไม่เอาครับตัวเล็ก” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมยิ้มให้ ส่วนหญิงสาวยิ้มให้พร้อมส่ายหัว

              เด็กน้อยไม่เร้าหรือ คนที่ถือตะกร้าหน้าหงอยและเดินจากไป

    “ขอบคุณครับ”เด็กคนข้าง ๆ ที่มาด้วยทำหน้าเศร้า พูดขอบคุณพร้อมยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคน และเดินจากไป

    ชายหนุ่มและหญิงสาวมองหน้ากันทันที

    “น้องยกมือไหว้ด้วยอ่ะ มีมารยาทจัง เอาซะเรารู้สึกผิดเลย” ชายหนุ่มเริ่ม

    “ไปเรียกน้องกลับมา ช่วยน้องซื้อสักพวงสองพวง” หญิงสาวรีบบอกแฟนหนุ่ม

    “น้องหายไปแล้ว” ชายหนุ่มชะเง้อหน้าดูตามทางที่น้องเพิ่งเดินจากไป

    “ลุกขึ้นไปดูรอบ ๆ สิ น่าจะยังไม่ไปไหนไกลนะ” หญิงสาวพูดพลางมองตาม

    ชายหนุ่มลุกขึ้นไปตามหาเด็กชายสองคนนั้นสักพัก ส่วนหญิงสาวเดินไปซื้อโกโก้กล้วย เธอเดินกลับมาที่โต๊ะและเห็นชายหนุ่มกลับมานั่งกินข้าวมันไก่โดยไม่มีพวงมาลัยบนโต๊ะ

    “ไม่เจอเหรอ”

    “อืม หาทั่วแล้ว ทำไมเดินเร็วจัง”

    “แปลก ตลาดก็มีอยู่แค่นี้เอง”

    “นั่นดิ ความจริงน้องไม่ต้องยกมือไหว้ก็ได้นะ เราไม่ซื้อยังยกมือไหว้ขอบคุณอีก” ชายหนุ่มหน้ามุ่ย และตักแฟงในซุปข้าวมันไก่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หลายชิ้น

    หญิงสาวถอนหายใจ ดูดโกโก้กล้วยลุงยิ้มเงียบ ๆ แล้วใช้ส้อมเขี่ยวุ้นเส้นกับผักบุ้งให้แยกกัน

    ข้าวมันไก่ สุกี้แห้ง และโกโก้กล้วยไม่อร่อยแล้ว

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in