นิทานพวกนี้นอกจากจะเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโลกของเด็กประหลาดแล้ว ยังช่วยเสริม เติมแต่ง ให้คนอ่านอย่างเราๆเห็นมุมมองที่กว้างขึ้นอีกด้วย เราแนะนำอย่างแรงว่าให้อ่าน Tales of Peculiar หลังจากอ่านหนังสือหลักทั้งสามเล่มของซีรี่ย์ Peculiar Children จบก่อนดีกว่า จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แล้วก็สนุกไปกับ detail เล็กๆน้อยๆของหนังสืออย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราได้รู้ background หรือชื่อและเหตุการณ์ต่างๆที่เชื่อมโยงกับเส้นเรื่องหลัก เหมือนเราได้ทำความเข้าใจอะไรๆมากขึ้น
แต่ถ้าถามว่า จะอ่านหนังสือเล่มนี้รู้เรื่องไหม ถ้าไม่เคยอ่านหนังสือสามเล่มหลักมาก่อนเลย? ขอตอบว่า รู้เรื่องแน่นอน เพียงแค่ว่าความรู้สึกดีหรือตื่นเต้นเวลารับรู้เหตุการณ์ในนิทานพวกนี้ จะน้อยกว่า
ส่วนตัวแล้ว Millard Nullings หรือเด็กชายล่องหน ผู้เป็นคนเรียบเรียงและเขียนหนังสือเล่มนี้ เป็นหนึ่งในตัวละครที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่ม Peculiar Children เขาฉลาด มีอารมณ์ขัน และเป็นกุญแจสำคัญในการไขปัญหาต่างๆด้วย scholarly character ของเขา เรานี่แทบจะเป็นติ่ง Millard เลยก็ว่าได้ และพอได้เห็นว่าการเขียนของเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นให้เหมือนเป็นผลงานของ Millard เราฟินมากกกกก
หนังสือเล่มนี้สวมรอยเป็นสมบัติของโลก Peculiar ได้อย่างดีงามมาก ตั้งแต่หน้าแรกก่อน Foreword ที่เปิดมาด้วยข้อความสั้นๆจากสำนักพิมพ์ ที่เราแปลย่อๆออกมาประมาณว่า หนังสือเล่มนี้ถูกสร้างมาให้ 'peculiar eyes' อ่านเท่านั้น ถ้าหากคุณไม่ใช่บุคคลประเภทที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ หรือจุดไฟด้วยมือเปล่าได้ล่ะก็ กรุณาวางหนังสือลงแล้วลืมว่าเคยถือมันซะเถอะ มันไม่ใช่ธุระของคุณ
แล้วไหนจะ Foreword ที่เขียนโดย Millard Nullings อธิบายว่าทำไมถึงเลือกทำหนังสือรวบรวมนิทานพวกนี้ออกมา แล้วทำไมถึงคัดมาแค่ 10 เรื่อง ซึ่งเข้าใจได้แล้วก็ตอบโจทย์ได้ดีสุดๆ
ยังไม่พอ... ส่วนของ Editor's note กับ Foot note ต่างๆของ Millard ที่แทรกอยู่ตลอดทั้งเล่ม เป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มีชีวิตชีวา แบบว่า เหมือนเพื่อนที่ตื่นเต้น อยากเล่าให้เราฟังว่า นิทานเรื่องนี้มันมีความเป็นมายังไง สำคัญตรงไหน แล้วเขาคิดเห็นกับมันว่ายังไง (แถมตรงไหนเศร้าเกินไป ก็ยั๊ง มาแก้ให้มันหายเศร้าอีก) น่ารักจริงๆ เป็นอีกส่วนที่ทำให้เราสนุกกับการอ่านหนังสือเล่มนี้มาก
จะพาดพิงถึงเนื้อเรื่องหลักจากหนังสือ Peculiar Children ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ขอให้ข้ามไปตรงที่คำเตือนจบเลยนะ
**MILD SPOILER ALERT**
**MILD SPOILER ALERT**
การได้เห็นหนังสือเล่มนี้ เหมือนดูความฝันของ Millard เป็นจริงเลยนะ เพราะเขาพูดมาตลอดว่า สักวันจะเขียนหนังสือเป็นของตัวเอง และในท้ายเล่มตรงประวัติผู้เขียน ที่อธิบายว่า Millard เป็นผู้เขียนหนังสือที่เป็น world's most comprehensive history of a single day on a small island ด้วย เรากรี๊ดมากกกกก แบบว่า ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้วนะ T_T ความพยายามไม่สูญเปล่าแล้ว แถมยังได้เก็บความทรงจำจากเรื่องบนเกาะไว้อีก ดีใจแทน Millard เลย (ถึงแม้จะสงสัยนิดนึงว่าหนังสือที่เขียนบันทึกไว้มันตกหายไปในทะเลไม่ใช่เหรอ แต่ก็ไม่เป็นไร...)
อีกอย่างคือการปรับแต่งเรื่องราวต่างๆ เราชอบมากคือตอนจบของ Tales of Cuthbert ที่ในหนังสือหลัก มันจบได้เศร้ามากคือ Cuthbert ร้องไห้จนตายไป โดยที่ไม่มีสัตว์ตัวไหนลงมาคุยด้วย ซึ่งมันเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Peculiar Children ทุกคนรู้ว่าลูปอยู่ตรงไหน แต่ในเล่มนี้การปรับแต่งของ Millard ก็ไม่ทำให้เนื้อหาสำคัญของเรื่องเปลี่ยนไปเลย แถมฟังแล้วใจชื้นขึ้นเยอะ
**SPOILER ENDS**
**SPOILER ENDS**
ส่วนเนื้อเรื่องของนิทานทั้งหมดก็มีความแปลกประหลาด (สมชื่อจริงๆ) อย่างคาดไม่ถึง ที่บอกว่าคาดไม่ถึงคือ เราไม่คิดว่าหนังสือจะกล้าไปในทิศทางนั้นจนสุดทาง (โดยเฉพาะในเรื่องแรก The Splendid Cannibals) มันไม่เชิงนิทานสำหรับเด็ก มันมีความ twisted, disturbing, แล้วก็หม่นเบาๆ เหมือนเป็นหมอกสีเทาจางๆที่ลอยฟุ้งอยู่รอบๆ แต่ก็ไม่ถึงกับน่ากลัวขนลุกอะไรใดๆ เรื่องที่เราชอบมากที่สุด เห็นจะเป็น 'The Women Who Befriended Ghost' เราว่าน่ารักดี แล้วก็เล่าถึงผีสางได้คริ้วมากๆ
การเขียนของ Ransom Riggs ในเล่มนี้ก็ยังคงเข้าใจง่าย อ่านเพลินเหมือนเดิม ทำให้คนอ่านเห็นภาพชัดเจน ถึงแม้จะเป็นการอธิบายถึงความแปลกประหลาด (หรือความ Peculiar) ต่างๆในเรื่อง ก็สามารถทำให้เราคิดภาพตามได้ อาจจะด้วยความช่วยเหลือของภาพประกอบ (ที่สวยงามอลังการดาวล้านดวงมาก) โดย Andrew Davidson ซึ่งละเอียดละออมากจริงๆ ภาพประกอบทั้งหมดใช่แค่ 'ภาพ' ธรรมดา แต่ Andrew ใช้เทคนิคการแกะสลักลงบนแผ่นไม้ ทำให้ภาพดูมีเสน่ห์ ลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ แล้วก็มีความน่าค้นหาเหมือนเนื้อเรื่องของนิทานในเล่มเลย เข้ากันได้ดีจริงๆ
และจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลย คือรูปเล่ม สวยงามตามท้องเรื่อง เป็นหนังสือปกแข็งสีเขียวที่นอกจากลวดลายจะน่ามองแล้ว ยังปั้มทองให้ดูคลังไปอีก เชื่อเราเถอะว่าเล่มจริง จับแล้วฟิน มองแล้วดีงามกว่าภาพนิ่งที่เห็นในเน็ตแน่นอน กระดาษข้างในก็มีความหนากว่านิยายทั่วไป เนื้อกระดาษเนียนนุ่มมือสุดๆ ข้อเสียคือมันทำให้หนังสือหนักนิดหน่อย หยิบอ่านด้วยมือเดียวจะค่อนข้างลำบาก ด้วยความหนาของกระดาษ เลยทำให้เราต้องใช้มือจับแต่ละหน้าเพื่อกันไม่ให้ม้นปิดเข้าหากัน แต่ถามว่ายอมไหม? ก็ยอม ยอมจะนั่งอ่านอยู่บนโต๊ะเฉยๆ ยอมค่อยๆจับเปิดทีละหน้า ยอมมือไม่ว่างอีกมือนึง ยอมมมมมม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in