พาร์ทต่อจากนี้จะเป็นส่วนที่เรารีวิว (+แสดงความเห็น+บ่น) ทุกเรื่องสั้นในเล่ม แต่!! จะมีการเปิดเผยเนื้อหาแบบกระจุยกระจายเอามากๆ ถ้าไม่อยากรู้ ให้ข้ามไปอ่านหลังจากคำเตือน spoil จบเลยนะ เลื่อนลงไปยาวๆเลยเพราะส่วนนี้เขียนไว้เยอะมากๆ
**SPOILER ALERT รัวๆ**
**SPOILER ALERT รัวๆ**
**SPOILER ALERT รัวๆ**
คาซาริกับโยโกะ
เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจเลย รู้สึกเสียววาบยังไงไม่รู้ ยัยคาซาริน่าหมั่นไส้มากกกกกกกก ถ้านี่เป็นโยโกะจะไม่ทนแน่ๆ ส่วนคุณแม่ก็ใจร้ายจนเกินคน ทำให้เกิดความสงสัยว่ามันจะมีจริงๆหรอ แม่ที่เกลียดลูกอีกคนขนาดนั้นทั้งๆที่เกิดมาหน้าเหมือนกัน เลี้ยงยังไงเหรอ ลูกสองคนถึงกลายเป็นแบบนี้
โยโกะหงออย่างไม่น่าเชื่อ ยอมถูกกระทำมาตลอด แต่ตอนท้ายกลับมีความกล้าทำในสิ่งที่น่าตกใจที่สุด เอาจริงๆเราแอบเข้าใจความรู้สึกของนางที่ถูก push ไปให้ตัดสินใจแบบนั้น ช็อคในการกระทำของแม่มากกว่า การเขียนของเรื่องทำให้เราถูกดึงให้มาเข้าข้างโยโกะ ทำให้รู้สึกเข้าใจและไม่โทษในการกระทำของนาง
ไปตามหาเลือดมา!
ตลกร้าย ชอบตรงที่แนะนำตัวละครแล้วมีวงเล็บอายุต่อท้าย เหมือนเวลาดูโคนันเลย อ่านไปก็ลุ้นแทนว่าสรุปลุงจะรอดไหมเนี่ย เลือดมันจะหายไปไหน(ว๊ะ?!) คือเหมือนจะหาเลือดเจอแล้วๆๆ แต่ก็ไม่ใช่สักที ส่วนคุณหมอนี่ก็น่าโมโหจริงๆ อยากจะไล่ออกแทน
อีกอย่างที่ปลื้มเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ มันเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แล้วทำให้เรื่องการตายมันกลายเป็นความตึ่งโป๊ะ คาแร็คเตอร์คุณลุงที่ดำเนินเรื่องดีงาม ความขี้โมโห + arrogant เพิ่มสีสันให้เนื้อเรื่องมันไม่หนัก เรื่องนี้คือความหมายของคำว่าตลกร้ายเลยจริงๆ
บทกวีแห่งมุมอุ่นแดด
แค่อ่านชื่อเรื่องเราก็รู้สึกว่ามันจะเศร้าแล้ว ตอนผู้สร้างคนนั้นตายคือน้ำตาจะไหล T_T การพัฒนาของหุ่นยนต์สาวคือดีและเข้าใจได้จริงๆ (ทำให้นึกถึงหนังเรื่องนึงเลยที่หุ่นยนต์อยากเป็นคน...?) เราซาบซึ้งตามมากๆ
ที่ยิ่งทำให้เรื่องมันกระแทกจิตใจเข้าไปอีก คือตอนท้ายที่ค่อยๆเปิดเผยว่าผู้สร้างก็ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์เหมือนกัน มันทำให้เราค่อยๆย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คำพูด และการ interact ของทั้งสอง แล้วมันยิ่งมีความหมาย + สะเทือนใจ
SO-far โซฟา
เป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดในเล่ม อย่างแรกที่ชอบเลยคือการตั้งชื่อเรื่อง มันฉลาดมากกก มันมีหลายความหมายดีมาก ทั้ง So far ในเชิงของความสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่ค่อยๆห่างกันแต่มีลูกคอยเชื่อมไว้ ทั้ง Sofa ที่ออกเสียงเหมือนกัน แต่คือโซฟาที่เป็นจุดเชื่อมหลักของเรื่องทั้งหมด ทั้งการทำ SO ให้เป็นอักษรตัวใหญ่ เพื่อจะสื่อว่ามันเป็นตัวย่อของคำว่า 'significant other' ที่อธิบายไว้ต้นเรื่อง แล้วมันก็เป็นแกนกลางของเรื่องทั้งหมด ดีงามจริงๆ ล้ำมาก เราปริ่มใจ
อย่างที่สองที่ชอบคือ สิ่งที่มันสะท้อนออกมาจากเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วลูกก็คือผลลัพท์การกระทำของพ่อและแม่ ตอนจบพอเปิดเผยแล้วทำให้สะเทือนใจแทนทุกคนในครอบครัว จากตอนแรกที่เราคิดมาตลอดทั้งเรื่อง ว่าลูกชายยังโชคดีที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในโลกของพ่อและแม่ได้ กลายเป็นว่าลูกชายนั่นแหละที่เป็น victim เป็นผู้ถูกกระทำผู้โชคร้ายในเรื่องนี้ บาดแผลของลูกชายเกิดจากการกระทำและคำพูดของพ่อแม่แท้ๆเลย แล้วมันก็ย้อนทำให้คนเป็นพ่อแม่เจ็บตามไปด้วย
อย่างที่สามที่ปลื้มมากเลย คือการเปรียบเทียบเรื่องมองไม่เห็น, วิญญาณ, การไม่ได้อยู่ในโลกของคนๆนึง มันมีความตรงตัว แต่ด้วยวิธีการเล่า มันทำให้มองเห็นเป็นอีกภาพนึง ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมเมื่อทุกอย่างถูกเฉลยออกมาจนหมด ตอนที่ลูกชายตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในโลกของแม่ เราทั้งกลัว ทั้งเหงา ทั้งโกรธแทนจริงๆ
มันเป็นเรื่องที่เหมือนจะเจือความแฟนตาซีด้วยวิธีการบอกเล่า โทนเรื่องเหมือนจะมานิ่มๆ ไม่หนักมาก
แต่สุดท้ายแล้วมันคือความจริงที่โหดร้ายและน่าสะเทือนใจสุดๆ กลายเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักทางจิตใจมากเลยเมื่ออ่านจบ
บ้านขาวในป่าเย็น
อีกเรื่องนึงที่ตัวเอกถูกกดดัน ขมเหง แล้วยอมทนถึงระดับนึง จนมีความกล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อหาทางออก (เหมือนโยโกะในเรื่องแรก) ต่างกันตรงที่ว่าตัวเอกเรื่องนี้มีทางออกที่สุดขั้วและน่าขนลุกสุดๆ ปมที่ตัวเอกมีมันเป็นปัญหาทางจิตใจ ที่ไม่ใช่ความแค้น แต่เป็นความกลัวที่น่าจะเกิดจากปมในการถูกกระทำ ซึ่งเราแอบแปลกใจ เพราะถ้าเกิดเป็นเราในสถานการณ์นั้น หากจะเริ่มฆ่าใครจริงๆ คนแรกที่จะมุ่งไปหาคือคุณป้าที่ทำกับเราขนาดนั้น ไม่ใช่คนแปลกหน้า
การฆ่าอย่างเลือดเย็นในเรื่องนี้ ทำให้เห็นภาพชัดเจน ไม่ได้เลือดสาด แต่มีความขนลุกมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะช่วงที่สร้างบ้านเสร็จแล้ว ตอนที่บอกว่า ศพทุกศพเบิกตาและมองมาทางผม.. ศพผู้หญิงที่เป็นหนังปล่อยผมยาวห้อยลงมา ซ่อนใบหน้าของคนอื่นที่ซ้อนทับกันอยู่ด้านล่าง บรึ๋ยยยย
เราลุ้นแทนเด็กหญิงคนนั้นที่เสียสละแทนศพน้องชายมากว่าจะรอดไหม เราแอบหวังให้การเข้ามาของเด็กหญิง+ความ innocent ของนาง ช่วยเยียวยาจิตใจของตัวเอก แล้วมันก็ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ถึงแม้เราจะใจสลายที่มันต้องแลกกับความตายของนางอีกคนก็เถอะ T_T พี้คมากคือตอนจบ เราใจสลายแทนจริงๆ
Closet
การดำเนินเรื่องฉลาด มีความหักมุมไปมา ซ้ำแล้วซ้ำอีก ชอบมากๆตอนฟุยุมิรู้ทันและพยายามจับโกหกมิกิ ส่วนมิกิก็ฉลาดจริงๆ แก้ตัว โกหกจนฟังขึ้นไปหมดเลย เราในฐานะคนอ่านนี่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะอ้างและสวนทางฟุยุมิได้หมด แต่พอตอนท้ายๆเราเริ่มเดาได้ว่าอิจิโร่ต้องมีส่วนเกี่ยวด้วยแน่นอน
บอกตรงๆว่าเราไม่เข้าใจตอนจบของเรื่องนี้เลย แล้วศพริวจิไปไหน? อิจิโร่ไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้ยังไง? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงยอมรับว่าฆ่าริวจิเองล่ะ? ส่งจดหมายมาเพื่อ? คือเนื้อเรื่องมันมีช่องโหว่จริงๆแบบตั้งใจให้เราช็อคตามตัวละคร หรือว่ามันมีคำเฉลยแต่ว่าเราโง่กันแน่ก็ไม่รู้
ถ้าใครเข้าใจหรือมีความเห็นกับเรื่องนี้ยังไง ช่วยบอกเราทีนะคะ Y_Y สงสัยมาก
วาจาศักดิ์สิทธิ์
มีศพเยอะๆเหมือนกับเรื่องบ้านขาวในป่าเย็น แต่เรื่องนี้ให้ความรู้สึกสะอิดสะเอียนมากกว่าหลายเท่า การตัดสินใจของตัวเอกในเรื่องนี้บ้าบอและทำให้เรากลัวในจิตใจของเขา เราคิดว่าช่วงหักมุมของเรื่องเป็นส่วนที่มีพลังมากๆ มันค่อยๆถูกบิ้วให้สงสัยเรื่อยๆเพื่อให้ตกตะลึงในตอนเฉลยเรื่องโต๊ะและเทป
และตะลึงกว่าในบรรทัดสุดท้ายที่ตัวเอกโล่งใจ.. เพราะได้อยู่ลำพังจริงๆ คือจิตใจจะดาร์กไปถึงไหนนนน
ZOO
เรื่องนี้เล่นอยู่ในหัวเราเหมือนภาพหนังเลย เราเหมือนได้ยินเสียงดนตรีประกอบที่ intense ขึ้นเรื่อยๆ เป็นเสียงกลองที่ค่อยๆดังขึ้น รัวขึ้น บีบหัวใจยิ่งขึ้น และพี้คในตอนที่ตัวเอกขับรถออกมาจากกระท่อมที่ซ่อนศพเอาไว้ ป้ายสวนสัตว์ที่หายไป เหมือนเป็น closure ของเขา
ตัวเอกทำให้เราอยากยื่นมือไปลูบหัวแล้วปลอบในส่วนที่เขากำลังสับสน แต่ในขณะเดียวกันก็อยากตบหน้าแล้วบอกให้ตื่นเถอะ เห็นความจริงสักทีได้ไหม ไปพร้อมๆกัน
Seven Rooms
ลุ้นให้พี่สาวรอดตลอดทั้งเรื่องเลย ส่วนตัวพอรู้อยู่แล้วว่ายังไงน้องชายก็รอด เนื้อเรื่องเหมือนค่อยๆหาส่วนของจิ๊กซอว์ สุดท้ายแอบเสียดายที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนร้ายทำแบบนี้ไปทำไม จับเด็กมาทำไม หั่นศพแล้วได้อะไร ที่สำคัญที่สุดที่เราตั้งคำถามคือ เศษศพจำนวนมากที่ลอยออกไปทางท่อเนี่ย จะไม่มีใครเจอแล้วเดินย้อนกลับมาตามท่อจนหาสถานที่ขังเจอเลยหรอ? มันไม่ใช่น้อยๆนะ เห็นก็ชัดด้วย เราคิดว่านี่เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มากๆ ทำให้เรื่องไม่ค่อยมีเหตุมีผลเท่าที่ควร
ในเครื่องบินที่กำลังจะตก
เห็นด้วยกับคนจี้เครื่องบินมาก ว่าทำไมทั้งสองคนถึงนั่งคุยกันได้อย่างไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น ตอนแรกเราติดใจเรื่องกระป๋องที่กลิ้งไปกลิ้งมา แต่ก็สรุปได้ว่า เรื่องของคุณโอตสึ อิจิ ก็งี้แหละ บางครั้งมันก็ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำตอบ และมันคือเสน่ห์ของการเขียนของเขา
เราชอบการหยั่งเชิงกันของหญิงสาวและเซลส์แมน เค้าตอบและถามคำถามที่คนอ่านมีอยู่ในใจ
อีกอย่างคือ เราชอบและดีใจที่เรื่องนี้ถูกวางไว้ท้ายสุด มันตอกย้ำกับเราอีกที ว่าการตัดสินใจของคนเรานี่มันทั้งน่ากลัวและน่ามหัศจรรย์ ยากจะหยั่งถึง ดีที่ตัวเอกของเรื่องเลือกที่จะเอนเอียงกระตัดสินใจไปในทางที่ดี ทำให้เราไม่รู้สึกแย่ขนาดนั้นตอนปิดหนังสือเล่มนี้ลง
**SPOILER ENDS**
**SPOILER ENDS**
**SPOILER ENDS**
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in