ว่ากันตรงๆ... โอ้ยยย หนังสืออะไรศัพท์แสงแรงกล้ามาก แทบจะยอมแพ้กลางทาง แค้นจริงๆที่เวลา 7 ปีผ่านไป เราก็ยังงงกับมันอยู่ดี!! คือเราเข้าใจเนื้อหาโดยรวมและตีความได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีรายละเอียดที่เรามึนตึ้บอยู่ (นี่ขนาดเราอ่านใน kindle ยังกดความหมายศัพท์มือระวิง ถ้าอ่านหนังสือเป็นเล่มนี่มีปวดสมองแน่นอน)
นอกจากศัพท์แล้วสิ่งที่สร้างความลำบากลำบนในการอ่านของเราคือ การพูดถึงศาสนาที่แฝงอยู่อย่างหนักหน่วงมากกกกมากกกกกกกก คือมันก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่เราไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่ เลยพาลทำให้เบื่อ ผลคือเราอ่านข้ามๆบางตรงที่ลงลึกเรื่องพระเจ้า ศาสนา แสงแห่งธรรม สวรรค์ หรือบาป ไปเลย.. ไม่ใช่ว่าลบหลู่นะ ที่จริงแล้วเรานับถือในความเลื่อมใสของ Jane Eyre ด้วยซ้ำ แต่คือเราไม่อินจริงๆค่ะ
บางช่วงของเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนก่อนจะมีปริศนาจาก Mr.Rochester ค่อนข้างเวิ่นเว้อ ช้าเนิบและน่าเบื่อ ถ้าไม่ได้คาแร็คเตอร์ที่แข็งแรงของ Jane ช่วยฉุดเอาไว้ เราคงเลิกอ่าน
และพูดถึงคาแร็คแล้ว Charlotte Brontë ผู้เขียน สร้างตัวตน Jane Eyre ออกมาได้ดีมาก ความรับผิดชอบชั่วดี ศีลธรรม ความถูกต้อง การใช้เหตุและผล รวมไปถึงความรู้สึก ทั้งหมดนี้ถูกชั่งอยู่ในตัวเจนและปล่อยออกมาได้ดี สิ่งที่เราปลื้มเกี่ยวกับตัวเจนมากๆเลยคือ นางมีความคิดและอุดมคติเป็นของตัวเอง อาจจะมีสับสนหลงทางไปบ้าง แต่ถ้าได้ตัดสินใจแล้วนางก็มั่นคงมาก จนถึงขั้นหัวแข็ง
คำพูดแรกเลยที่ทำเราต้องอึ้งในตัวตนของนาง คือตอนที่
**Spoiler... possibly ALAERT?!? จริงๆก็ไม่สปอยเท่าไหร่หรอก**
Jane ในวัยเด็กถูกถามว่า มีญาติคนอื่นนอกจากคุณป้าใจร้ายไหม? ถ้ามีโอกาส อยากไปอยู่กับญาติคนนั้น(ที่ยากจน) หรือเปล่า?
นางตอบว่าไม่ นางไม่อยากอยู่กับคนจน
สำหรับนางซึ่งเป็นเด็กในตอนนั้น ความยากจนดูแย่มาก เสื้อผ้าขาดๆ อาหารไม่มีกิน มรรยาทไม่ดี ไม่มีบ้านอุ่นๆให้อยู่ คือต่อให้ครอบครัวจนๆใจดีกับนาง นางก็จะไม่ไปและขออยู่ในบ้านป้าใจร้ายที่มีอันจะกินต่อ เพราะ "I was not heroic enough to purchase liberty at the price of caste" .. นางไม่กล้าพอ ที่จะยอมแลกอิสระกับชนชั้นทางสังคม
ซึ่งเราแบบว่า อุ้ววว นี่คือความคิดของนางเหรอ เป็น realist มากๆ ปกติแล้วนางเอกที่ถูกเลี้ยงแบบรันทดจะดูจิตใจดีจนน่าสงสาร แบบว่า ชั้นจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อไปจากครอบครัวใจร้ายนี้ให้ได้!! แต่เจนไม่เลย ขอสบายไว้ก่อน นางรู้ตัวว่าต้องอยู่ต้องกิน
**Spoiler ENDS**
เราโอเคมากกับการที่คาแร็คเตอร์นางดูน่าสงสาร แต่ไม่ได้รันทดจนน้ำเน่า เราชอบที่นางทนได้กับการโดนกดขี่ ..ถ้าไม่ไหวจริงๆก็สู้กลับ แต่ไม่ไฟ่ว์พร่ำเพื่อจนกร้าวร้าว เวลาโดนใครว่าก็หาโอกาส redeem ตัวเองกลับมาจนได้ นี่ทำให้เราสนใจในตัวของเจนและพอจะเข้าใจเลยว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ขึ้นหิ้งในฐานะหนังสือที่ดี คือมันแหกกฏการวางตัวของผู้หญิงในสมัยนั้นไปประมาณนึงเลย มันแสดงออกถึงความจริงใจต่อตัวเอง และการมี self-respect
นับว่า Jane Eyre เป็นผู้หญิงที่สตรองมาก ไม่ว่าจะผ่านอะไร นางก็ยังมีสติที่จะคิดและเลือกใช้ชีวิตตามแนวทางของนาง
ในขณะที่ความรักในเรื่อง ระหว่าง Jane และ Mr.Rochester เป็นอะไรที่เราคงไม่เข้าใจถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนอายุ 16 มันเป็นความสัมพันธ์ที่หน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญ (เพราะทั้งสองคนถูกย้ำบ่อยมากๆว่า not handsome) แต่มันเป็นการรักคนที่สามารถ fulfill เรา emotionally ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการยอมรับและเข้าใจตัวตนของกันและกัน ทั้งสองคนทันเกมกัน ต่อปากต่อคำกันฉาดๆๆ รับส่งกันดีมากกกกก เราสนุกกับการอ่านเวลาสองคนนี้เค้าคุยกันนะ ถึงแม้ว่าในตอนแรก Mr.Rochester จะพูดบ้าไรออกมาไม่รู้ เราโคตรจะไม่เข้าใจ ขนาดเจนยังบ่นออกมาเลยว่าไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นเราในฐานะคนอ่านนี่ไม่เก็ทก็ไม่แปลกเลย
(อดคิดไม่ได้ว่าถ้า Jane Eyre ถูกเซ็ตอยู่ในยุคปัจจุบัน ช่วงสนทนานี่น่าจะมันส์หยดน่าดู เหมือนมองดูลูกเทนนิสถูกตบข้ามไปข้ามมา)
เราแอบคิดว่ามันผิดพลาดนิดหน่อยที่หนังสือ Jane Eyre ถูกเน้นย้ำ (โดยเฉพาะในชื่อเรื่องภาษาไทย) ว่ามันเป็นเรื่องราวรักๆของเจน ทั้งที่จริงๆแล้วเราเห็นว่าความรักมันเป็นแค่ส่วนนึงในชีวิตนางมากกว่า เนื้อเรื่องทั้งหมดถูกสร้างอยู่บนทัศนคติ ความคิด และการยึดมั่นในความเชื่อของนาง มากกว่าความเพ้อฝันหรือหลงไหลในความรัก น้ำหนักถูกทิ้งไปที่ตัวตนของเจน และศาสนาที่นางยึดมั่น สิ่งที่เด่นชัดคือการตัดสินใจของนางต่อเรื่องราวต่างๆในชีวิต ซึ่งมันลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ว่า เอ๊ะ ฉันรักเขาไหม ฉันอยู่กับเขาได้ไหม ฉันคู่ควรกับเขารึเปล่า อะไรแบบนั้นเลย
น่าเศร้านิดหน่อยที่หลายครั้ง Jane Eyre ถูกมองว่าเป็นนิยายรักเพียงอย่างเดียว ทั้งที่มันคือหนังสือชีวิตที่สุดสตรองของนางสาวเจน :')
เรารู้จักเรื่องนี้มานานแล้ว เพิ่งมาเริ่มอ่านจริง ๆ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว แต่อ่านได้ไม่กี่บทก็ถอดใจและวางทิ้งไว้ค่ะ เริ่มกลับมาอ่านจริงจังอีกทีปีนี้ พออ่านได้ประมาณ 150 หน้าจาก 400 กว่าหน้า ก็เริ่มถอดใจอีกแล้วค่ะ แต่พออ่านรีวิวนี้แล้วรู้สึกฮึกเหิมอยากอ่านต่อให้จบเลยค่ะ!
ป.ล. เราอ่านฉบับ original แบบเป็นเล่มเลยค่ะ เห็นด้วยว่าศัพท์แสงที่ไม่คุ้นตามีเยอะจริง แถมเล่มที่เราอ่าน ตัวหนังสือก็เล็กเหลือเกิน อ่านย้ากยากกก
ยังไงก็สู้ๆนะคะ ขอให้อ่านให้จบบบบบ :D