เป็นธรรมเนียมของเดือนธันวาคม (และเป็นช่วงวันคริสต์มาส) ที่จะมีเพลงภาษาอังกฤษจากนักร้องนักแต่งเพลงสาวขวัญใจของผมเอง (และหลาย ๆ คนเลย) และผมก็ไม่เสียแรงที่ติดตามเธอมาตั้งแต่เรียนปี 1 แล้วครับ ผมกำลังกล่าวถึง “เอิ๊ต ภัทรวี” คนนี้นี่เอง
นับตั้งแต่เธอมาอยู่ชายคา Muzik Move เมื่อปี 2559 และเป็นช่วงเดียวกันที่เรียนแต่งเพลงเพิ่มเติมที่ออสเตรเลีย จนได้กีตาร์ Cole Clark มาหนึ่งตัว และผลงานดี ๆ ให้ชาวเราชื่นอกชื่นใจ วันนี้เลยรวมมาเป็น “6 เพลงอิ้งจากคูมเอิ๊ตครับ”
อนึ่ง 6 เพลงที่เลือกเป็นเพลงที่ตัดเป็นซิงเกิลนะ
-
1. Starry Night - 2559
เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เธออัดกีตาร์และเสียงร้องในห้องนอนมาจากเมลเบิร์น แล้วส่งให้พี่โอ๊บ (โปรดิวเซอร์ของเธอ) มาอัดเซลโล่ในกรุงเทพ โดยแต่งมาจากบรรยากาศในเมืองนั้น
“All I can say is (ooh ooh ooh)
Ooh oh on this starry night
All I can say is (ooh ooh ooh)
Oh I’m longing for your eyes
Oh how can I love, this beautiful night
Oh how can I be, just happy for a while”
บรรยากาศค่ำคืนที่ดูสวยงาม บางคนอาจจะแสลงใจ เพราะใคร ๆ ต่างมีคนรัก แล้วจะต้องจูนหัวใจยังไงให้มีความสุขเหมือนคู่รักหลาย ๆ คน โดยไม่ต้องเล่นเกมทายใจชิงเงินล้าน
2. Timehop (English Version) - 2560
เพลง ๆ นี้เป็นเพลงไทยชื่ออังกฤษ ที่พาย้อนให้นึกถึงวันวานที่เคยมีกัน แม้จะแยกทางกันไปแล้ว แต่พอนึกถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุข (จริง ๆ ผมฟังฉบับไทยมาก่อนหน้านั้นแล้ว ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังเลย)
เธอได้บอกในปกอัลบั้มชุด About Time ว่า “พอแต่งเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษแล้ว สามารถเล่าเรื่องได้ตรงกับความรู้สึกมากกว่านิดหนึ่ง” โดยคำแรกที่เธอคิดนั่นคือ “It’s 2 AM”
“And after all the stupid years, I feel like nothing's really gone, never
These pictures still remind me of our days together
And I was fine before I stumbled on those funny messages with you
Haunt me right back to the start
Where am I now? hmm
It’s back here somehow? hmm
These little things that take me hopping right back through time
Right back in your arms”
ความคิดถึงกันระหว่างกันและกัน บางทีก็ทำให้เราฟุ้งไปกับมัน เหมือนว่ามีใครคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
3. After Sunset - 2561
ถ้าไม่มีหนังเรื่อง “ตะวันไม่สิ้นแสง แรงรักไม่จาง (Before Sunset)” ก็จะไม่มีบทเพลง ๆ นี้ กล่าวคือ คูมเอิ๊ตแต่งให้พระเอกและนางเอกหนังเรื่องนี้ ที่มีเวลาอยู่ด้วยกันก่อนพระอาทิตย์ตก ก็เลยแต่งให้ช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกที่เป็นช่วงที่เอิ๊ตคิดว่าเหงาที่สุด
“It’s been a while since we last talk
I know we have said our goodbyes
I’m asking you to rewind the clock
Oh please, for this lonesome night
I can’t handle this moonlight alone
Oh please, read those words in my eyes
Saying it has always been you
all this time”
บางทีก็ไม่คาดคิดว่า เรารักกันตอนเช้า ตอนเย็น ๆ เรากลับแยกทางกัน ถ้าได้ทำอะไรสักอย่างที่คุ้มค่าเวลานั้นได้ก็คงจะดีไม่น้อย
4. Last Year - 2562
เป็นเพลงเหงา ๆ ที่มีกลิ่นอายดนตรีอิเล็กทรอนิกนิด ๆ โดยเล่าถึงการที่เราอยากย้อนเวลาไปแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลั้งไป กล่าวคือ ช่วงใกล้ปีใหม่คือช่วงเวลาของการทบทวนตัวเอง (จริง ๆ ต้องเป็นทุกวันแหละน่า)
“Cause if those starlights are from the past
That’s where I wanna go
and with this magic drink in hand
I’m going back to you
If i could get higher higher higher
High up right there with the stars
Travel through the length of time
And fix up all that we messed up
So you’ll be here”
อดีตมันย้อนกลับไปไม่ได้หรอกนะ มีแต่ต้องทำปัจจุบันให้ดี โดยไม่จำเป็นต้องดีที่สุดหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ “อาจจะ” ไม่มีอะไรทำ ก็ เ ป็ น ไ ด้
5. Snooze - 2563
คำว่า Snooze แปลว่า งีบหลับ และเป็นศัพท์ในนาฬิกาปลุก แปลว่า “ปลุกให้ตื่นเป็นระยะๆ” หรือถ้าจะกล่าวสั้น ๆ ก็คือ “เลื่อนปลุก” นี่แหละ คำนี้ก็กลายเป็นเพลงจากฝีมือคูมเอิ๊ต กับแนวคิดง่าย ๆ “ต่อเวลาหน่อยได้ไหม” ฉันยังสุขใจไม่สุดเลย โดยเอามาจากพฤติกรรมของเธอที่ตั้งเวลาปลุกเยอะมาก snooze เยอะมากๆ นี่แหละ
“Can we stay here in the clouds
Throw away your phone’s alarm
Can we hit snooze
Baby please don’t say goodbye
Keep getting lost within your eyes
Reality can wait outside
I just wanna snooze baby
Snooze snooze baby
Forget about the time oh
Keep on keep on keep on snoozing
Keep on keep on keep on snoozing
La la la la la la”
ต่อเวลาหน่อยได้ไหม ฉันยังสุขใจกับเธอไม่สุดเลย
และเพลงล่าสุดที่เพิ่งออกมาจากเตาในวันนี้ก็คือ…
6. Vanilla Ice Cream - 2564
ถ้าได้ฟังเพลงภาษาอังกฤษของเธอมาตั้งแต่ 4 เพลงแรก เพลงมีโทนเหงา ๆ เศร้า ทว่าตั้งแต่เพลง Snooze และเพลงใหม่ล่าสุดนี้จะมีโทน “คลั่งรักไม่นิด” ยิ่งเสียงร้องที่เล็กแหลมของเธอทำให้หลาย ๆ คนน่าจะชอบกันจริงจัง เนื้อหาว่าด้วย “คนรักในอุดมคติ” ดนตรีออกแนวสมูทแจ๊สนิด ๆ แต่หวานกำลังดีเลย
“All I want is a bite of your love
When everything falls apart
when nothing else seems to make sense
you scoop me back right up again my love
oh your sweet love
like my safety net
cool me down whenever I freak
baby can you stay with me forever please
You’re my vanilla ice cream
The only thing that I need
After a long day of headaches
Can I get one bite of you?
(Kiss me) sweet and softly
Every pain melts away cause you, boy
Baby you are all that I need
Oh
Some say they need a lover
Tough like mountains
Strong like some superhuman
Oh not for me
Some say they need a love
so gentleman
Oh no not for me
Baby I need something different (Only you!)”
ไม่ว่าไอติมจะเป็นรสอะไร ราคาเท่าไหร่ ไอติมวานิลลาในมือของฉันคือที่สุดแล้ว “เธอก็เช่นกัน”
-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in