ลมหนาวโชยมาแล้ว...
กลิ่นดอกไฮเดรนเยียโชยคละคลุ้งมาจากหน้าบ้านช่างหอมล้ำชวนฝันกลิ่นของมันชวนให้นึกถึงคืนวันเก่าๆของคุณในยามที่เฝ้าดูแลเอาใจใส่มัน กลีบดอกที่แสนเปราะบางของมันทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลาในยามที่มีคุณคอยอยู่เคียงข้างกาย
ฝ่ามือบางๆ ที่คอยประคองโอบอุ้มดูแลต้นไฮเดรนเยียต้นนั้น...คือมือคู่เดียวกันกับที่คอยดูแลผมเช่นกัน...ยังคงจำสัมผัสแสนนุ่มนวลจากมือคู่นั้นได้อย่างไม่ลืมเลือน ปลายนิ้วของคุณมักจะเย็นเล็กน้อยเพราะสุขภาพของคุณนั้นอ่อนแอลงมากหลังจากถูกจับในค่ายกักกันนั้นจนทำให้ผมเป็นห่วงคุณอยู่บ่อยๆ
แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังชอบกุมมือของคุณเอาไว้แม้ในยามหลับ...มันทั้งนิ่มทั้งอบอุ่นในคราวเดียวกันและยังย้ำเตือนบอกกับผมว่าคุณยังอยู่ตรงนี้...อยู่กับผมไม่ไปไหน
หากแม้นผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจแน่ๆว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามผมก็จะไม่มีวันลืมสัมผัสของคุณอย่างเด็ดขาด
...ทุกสัมผัส...ทุกการกระทำมันตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมเสมอ...
ผมละสายตาจากพุ่มดอกไฮเดรนเยียสีม่วงแซมน้ำเงินนั่นก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจกับเนคไทสีดำเจ้าปัญหาที่ไม่ว่าผมจะผูกมันตามหนังสือหรือตามคำแนะนำของเพ็กกี้สักแค่ไหนมันก็ออกมาไม่สวยงามอยู่ดี...ไม่เหมือนกับที่คุณทำให้ผมเลยสักนิด
ยอมรับว่าหัวเสียหน่อยๆ...เนคไททุกเส้นที่ผมมีมันช่างดื้อด้าน...เหมือนกับคุณในวันที่เราง้องอนกัน
‘พรึ่บ...’
มือคู่ขาวๆของคุณสอดลอดใต้วงแขนของผมขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนสะท้อนแววความใสบริสุทธิ์ของคุณก็เอาแต่จ้องมองที่กระจกบานเท่าตัวคนตรงหน้าผม
ริมฝีปากบางซีดๆเม้มเข้าหากันเหมือนเวลาที่คุณกำลังมีสมาธิกับอะไรสักอย่าง...ชักจะไม่ชอบใจแล้วสิคุณสนใจอย่างอื่นมากกว่าผมเสียอีก
“ขอโทษที่รบกวนนายอยู่เรื่อยนะแต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ถูกโรคกับเนคไทอยู่ดี” ในตอนที่คุณละมือออกไปผมก็กลับตัวหันหลังไปกล่าวขอโทษคุณแต่คุณก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมนอกจากจะไม่ต่อว่าผมแล้วคุณยังมอบรอยยิ้มให้ผมเสียอีก...ยิ้มที่เป็นยิ้มในเชิงขำขันเสียด้วย
ตาคู่สวยของคุณเรียวลงจากการยิ้ม อันที่จริงตอนแรกผมก็หงุดหงิดนะแต่เพราะคุณยิ้มได้...ผมเลยโอเค
“ฉันว่าจะแวะซื้อดอกไม้สักหน่อยนายอยากได้ไหม” ผมถามคุณในขณะที่คว้าเอานาฬิกาเรือนโปรดมาใส่...เป็นเรือนเดียวกับที่คุณซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ผมตั้งแต่ปีแรกที่เราคบกัน
ผมจำได้ดีในวันที่คุณมอบมันให้กับผมคุณบอกว่าให้มันเป็นของต่างหน้าตอนคุณไปสงคราม...
ส่วนตัวคุณนั้นทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับแบบเร็วๆ ราวกับเด็กๆ จนผมนุ่มๆ สีดำปลิวไหวไปตามแรงลม...อ่าผมว่าผมปิดหน้าต่างดีแล้วนะถ้าคืนนี้คุณเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไรดีล่ะ...ผมนี่แย่ที่ดูแลคุณได้ไม่ดีเลยทำได้ไม่เท่าครึ่งนึงที่คุณดูแลผมด้วยซ้ำ
แต่แล้วสัมผัสเย็นๆ ที่ข้างๆ แก้มกลับทำให้ผมยิ้มได้...คุณน่ะชอบเอามือมาลูบแก้มผมนี่นะถ้ารู้ว่าผมคิดมาก...น่ารักที่หนึ่งเลย
“ฉันว่าน่าจะโอเคแล้วนะ” ผมว่าหลังจากที่ลองเขย่าประตูหลังจากล็อกแล้วแต่คุณกลับเล่นซนกระโดดลงบันได มีบางจังหวะที่ทำท่าคล้ายกลับจะลื่นหิมะที่จับตัวกันเป็นน้ำแข็งที่ขอบบันไดทำเอาผมใจหายใจคว่ำไปหมด...จนสุดท้ายแล้วผมก็ต้องคว้ามือของคุณมากุมไว้คอยดูแลไม่ให้คุณเล่นซนอีก
คุณเบะปากเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ
“ไม่เอาอย่าดื้อสิเดี๋ยวฉันพาไปซื้อดอกไม้นะ” เท่านั้นแหละคุณก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส...สดใสเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในยามเช้าเสียอีกนะ
ผมเดินจูงมือคุณมาร้านขายดอกไม้ร้านประจำของคุณ คุณป้าคนขายจำผมได้แถมยิ้มทักทายให้ผมด้วยก่อนที่จะเชื้อเชิญให้ผมดูดอกไม้ที่เข้ามาใหม่
ผมกวาดสายอย่างคร่าวๆ ไปทั่วร้านก่อนจะสะดุดตาเข้ากับเจ้าดอกไม้สีน้ำเงินแซมม่วงคล้ายกับที่บ้านของเรา
“นายชอบไฮเดรนเยียนี่ปีนี้อยากได้ไฮเดรนเยียหรือเปล่าล่ะ”
ผมถามคุณแต่ไม่ได้หันไปมองคุณหรอกนะเพราะผมกำลังสาละวนอยู่กับการหาดูดอกไม้สวยๆ ที่จะให้คุณ แต่แรงกระตุกที่เสื้อโค้ททำให้ผมหันกลับไปมองคุณ...อ่า คุณยิ้มอีกแล้วยิ้มแบบที่ผมชอบ แถมทำมันไปพร้อมๆ กับพยักหน้าหงึกๆ ไปด้วย...ใจผมเต้นแรงจนจะพังอยู่แล้ว
ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปสั่งดอกไม้ที่คุณชอบนั้นผมกลับถูกดึงดูดความสนใจจากเจ้าดอกลิลลี่สีขาวสวยใกล้เคาน์เตอร์คิดเงิน...ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่ผมพบคุณครั้งแรกขึ้นมา
เอาละผมตัดสินใจได้แล้ว
ปีนี้...ผมจะไม่ตามใจคุณหรอกเพราะผมน่ะมีดอกไม้ที่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะยังไงก็อยากซื้อให้คุณอยู่
“ไม่ล่ะ...ปีนี้ฉันจะเลือกดอกไม้ให้นายเอง” คุณทำหน้ามุ่ยอย่างคนถูกขัดใจใส่ผมก่อนจะก้าวเดินฉับๆ แบบไม่รอใครออกจากร้านไปทำให้ผมต้องรีบจ่ายเงินรีบรับช่อดอกไม้ที่สั่งเอาไว้มาแล้วรีบก้าวเดินให้ทันคุณ
แต่สุดท้ายแล้วคุณก็เดินทอดน่องรอผมอยู่ดี...ถึงจะแสนงอนอย่างไรก็น่ารักที่หนึ่งเลย
เราสองคนกลับมาจับมือกันอีกครั้งในตอนที่ผมก้าวขึ้นบันไดตรงตีนเขา...บันไดสูงเรื่อยไปจนสุดสายตานั่นเป็นสิ่งที่ผมเกลียดมาก...แต่คุณกลับชอบเพราะว่าคุณน่ะชอบที่จะก้าวมันขึ้นไปพร้อมๆ กับนับตัวเลขไปด้วย
...โอเค ถ้าคุณชอบ...ผมก็ชอบมันเหมือนกัน...
“อากาศบนเขายังดีเหมือนเดิมเลยนะ” ผมพูดขึ้นหลังจากที่ถึงยอดเขาแล้วบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้า มองคุณที่พยักหน้ารับก่อนจะทำท่าสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่นั่นทำให้ผมส่ายหัวไปยิ้มไปด้วย
ไม่ว่าจะโตแค่ไหนคุณก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาของผมอยู่ดี...เด็กชายจากบรู๊คลินที่คอยปกป้องผมจากเด็กเกเรที่เข้ามาหาเรื่องผม
ผมเดินนำคุณออกมาก่อนปล่อยให้คนชอบอากาศบริสุทธิ์ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปก่อน ใช้สายตาควานหาสิ่งที่คุ้นเคยก่อนจะเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากเจอสิ่งที่ต้องการ
ผมวางช่อดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ลงบนพื้นหญ้าที่ดูก็รู้ว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ย่อตัวลงนั่งยองๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแท่งหินอ่อนสลักสีขาวสวยเบาๆ อย่างทะนุถนอม
‘James B. Barnes
Rest In Peace’
สัมผัสเปียกชื้นที่ข้างแก้มทำให้ผมรู้สึกตัว
น้ำตาของผมไหลอีกแล้ว...น่าตลกทั้งๆ ที่สัญญากับคุณไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะไม่ร้องอีกแต่ก็ไม่เคยรักษาสัญญาข้อนี้ได้เลย
...ห้าปีที่ไม่มีคุณน่ะมันช่างทรมาณเหลือเกินแม้แต่หายใจในครั้งต่อๆ ไปก็ยากเสียยิ่งกว่าการก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างเราเพื่อไปหาคุณเสียอีก
“สงครามสงบลงไปแล้วนะตอนนี้ประเทศเรากำลังพยายามอย่างหนักที่จะฟื้นฟูตัวเอง...แต่ไม่ใช่กับฉันหรอก”
ผมเกลียดสงครามไม่ใช่เพราะมันโหดร้ายรุนแรง...แต่เกลียดเพราะมันพรากคุณไปจากผม
สัมผัสเย็นๆ ที่ข้างแก้มเกิดขึ้นอีกครั้ง
ฝ่ามือคู่นั้น คู่ที่ผมโปรดปรานเหลือเกินกำลังไล้วนอยู่บนแก้มของผม...คุณเช็ดน้ำตาให้ผม...ในที่ตรงนี้ทุกๆ ปีคุณจะอยู่ที่เดิมคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ
แต่ตอนนี้คุณไม่ยิ้มอีกแล้ว...รอยยิ้มสวยๆ ของคุณมันไม่มีอีกแล้วริมฝีปากของคุณปิดสนิทเรียบนิ่ง...เหมือนที่เป็นมาตลอดห้าปี
แววตาของคุณเศร้าเหลือเกินคนดี ถ้าหากผมขอพรได้สักหนึ่งประการ...ผมน่ะอยากได้ยินเสียงคุณอีกสักครั้งเหลือเกิน
แต่แล้วผมกลับต้องหัวเราะให้กับความคิดของตนเองลืมไปได้อย่างไรกันนะ
...ว่าวิญญาณน่ะ...พูดไม่ได้หรอก...
ร่างบอบบางที่ผมเฝ้าถะนุถนอมของคุณค่อยๆเลือนลางลงก่อนจะหายไปกับอากาศในที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายผมพยายามไขว่คว้าคุณเอาไว้อยากจะจับมือของคุณเป็นครั้งสุดท้ายเหลือเกินที่รัก...แต่มันกลับสายเกินไป...นอกจากอากาศแล้วผมก็ไม่สามารถคว้าอะไรเอาไว้ในฝ่ามือคู่นี้ได้เลย
...ขนาดคุณที่เป็นทั้งชีวิตของผม...ผมยังเหนี่ยวรั้งให้คุณอยู่กับผมไม่ได้เลย...
อาจจะถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องตื่นจากฝัน...เหมือนกับที่เพื่อนของผมบอกว่าผมหลอกตัวเองว่าคุณยังอยู่กับผมแต่ผมน่ะรู้ดีที่สุดว่าคุณเองยังคงไม่ไปไหนยังคงอยู่รอบๆ ตัวผม...เพียงแต่ผมไม่เคยได้เห็นคุณก็เท่านั้นเอง
ผมใช้ฝ่ามือข้างซ้ายที่นิ้วนางมีแหวนสีเงินเกลี้ยงใส่เอาไว้ยกขึ้นลูบป้ายสลักหินอ่อนเป็นครั้งสุดท้าย...
“ไม่ต้องห่วงที่รัก...ความรักของฉันจะอยู่กับนายเสมอ...”
Until We Meet Again ...
จนกว่าเราจะได้เคียงข้างกันอีกครั้ง...
end.
————————————————————
ดอกลิลลี่สีขาว : แสดงออกถึงความรักที่บริสุทธิ์ความรักแบบอ่อนหวานจริงใจและเทิดทูนจึงมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า"ฉันรู้สึกดีที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้คุณ"
มาลองคิดดูน่ะค่ะว่าถ้าวันนั้น วันที่บัคกี้ตกรถไฟแล้วไฮดร้าไม่ได้มาเจอมันจะเป็นยังไง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ<3
hashtag: #myboyfic
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in