.
.
.
.
'ปึงๆๆๆๆ'
เสียงทุบประตูรัวๆ สองสามครั้งทำลายบรรยากาศเช้าวันเสาร์อันเงียบสงบและแสนสบายของมู่จื่อหยางไปจนหมดสิ้น คนที่อยู่ข้างนอกนั่นคงจะไม่หยุดทุบง่ายๆ ถ้าเขาไม่ลุกไปเปิดมันตอนนี้ ถ้าไอ้คนนั้นไม่โดนด่าก็อย่าเรียกเขาว่ามู่จื่อหยางอีกเลย!
ประตูถูกกระชากออกอย่างแรงตามความหงุดหงิดคำด่าทอต่างๆ ที่เรียงเรียบไว้เมื่อครู่ถูกกลืนลงคอไปในทันทีเมื่อคนที่อยู่หน้าห้องเป็นรุ่นพี่ของเขาที่มาพร้อมกับแฟนหนุ่มรุ่นน้อง แมวหนึ่งตัว และกระเป๋าเดินทางอีกสองใบ...
"ขอโทษนะหยางหยางที่มาปลุกตอนเช้า พอดีพี่มีประชุมด่วนต่างจังหวัดไม่รู้จะเอาเจ้าอ้วนนี่ไปฝากไว้ที่ใคร นึกขึ้นได้ว่านายอยู่คนเดียวว่างๆ"
"พี่หมิง--"
"นี่อาหาร ชาม กะบะทรายแล้วก็ตะกร้าของเจ้าเหมียนคู่นะ ฝานจื่อเอาให้หยางหยางสิ"
"แต่พี่--"
"นายกับเหมียนคู่เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้วน่าจะชินกันแล้วล่ะ อะรับไปสิ"
หมิงฮุยพูดโดยไม่เว้นช่องให้เขาได้ตอบกลับเลยแม้แต่น้อย ถ้าตอนนี้รายการแร็ปเปอร์ยังเปิดรับออดิชั่นอยู่เขาคงใส่ชื่อรุ่นพี่ของเขาคนนี้ไปแล้ว
"อยู่กับหยางหยางดีๆ นะเหมียนคู่ ขอบใจนายมากนะ พี่ไปล่ะ"
"ดะ เดี๋ยวสิพี่! เฮ้ ปู่ฝาน!"
คนที่มาทำลายเช้าวันเสาร์อันแสนสุขของเขาจากไปแล้ว....
อย่างรวดเร็วราวกับยูเซน โบลต์...
ทิ้งให้เขาอยู่กับเจ้าแมวอ้วนสีเทาขาวตามลำพังและสบตากันอยู่ครู่นึงด้วยความมึนงง นอกจากนั้นมันก็แกว่งพวงหางอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มีดีดดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาและลงสู่พื้นโดยสวัสดิภาพ
"ฉันก็ไม่ได้อยากอุ้มแกเหมือนกันแหละ"
จื่อหยางปัดขนของเจ้าเหมียนคู่ที่ติดอยู่ตามเสื้อออกพลางมองอุปกรณ์เลี้ยงแมวต่างๆ ที่รุ่นพี่ตัวดีทิ้งไว้ให้ เขายกทั้งหมดไปวางกองไว้อีกมุมห้องนึงอย่างลวกๆ ก็ห้องของชายโสดจะไปเอาเรียบร้อยอะไรมากมาย
"เหมียนคู่ ลงมา!"
จื่อหยางตะโกนลั่น นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังสมาชิกใหม่ชั่วคราวที่นอนกลิ้งตัวอยู่บนผ้านวมผืนนุ่มผืนโปรดของเขาอย่างสบายอารมณ์ มันผงกหัวขึ้นมาใช้สายตาที่ดูไม่แยแสกับอะไรั้งนั้นมองเขาที่ยืนหัวอุ่นอยู่ปลายเตียงนอกจากจะไม่ฟังคำสั่งของเขาแล้วมันยังนอนอยู่แบบนั้นราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเองอีก เอากับมันสิ
"เหมียนคู่..."
"......"
"เอออยากนอนก็นอนแต่อย่าซนล่ะ เข้าใจไหมไอ้แมวโง่"
กำชับเสียงแข็งแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องอาบน้ำ ดุก็แล้วพูดดีด้วยก็แล้วเจ้าก้อนขนก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับเลยสักนิด พอจะเข้าไปอุ้มมันก็ทำท่าจะตบเขาเสียอย่างนั้น มู่จื่อหยางจึงต้องยกที่นอนให้มันอย่างจำใจ
เหมียนคู่บิดตัวคลายความเมื่อล้า กระโดดปุลงจากเตียงอย่างเงียบเชียบสี่ขาก้าวเยื้องย่างสำรวจสถานที่แปลกใหม่
ประตูห้องน้ำที่ปิดไว้แบบไม่ค่อยสนิทนักถูกหัวกลมๆ ของเจ้าเหมียนคู่ดันจนเปิดออก มันก้าวเข้าไปอย่างระวังเนื้อระวังตัวแต่ก็ไม่วายโดนน้ำที่กระเซ็นมาอย่างไม่ตั้งใจเข้าที่ตัวเต็มๆ มันสะดุ้งตัวลอยไปชนถังขยะจนล้มระเนระนาด จื่อหยางรีบปิดฝักบัวแล้วมองหาต้นต่อของเสียงก่อนจะพบเจ้าตัวดียืนมองเขาอยู่ข้างๆ ถังขยะที่ล้ม
"จะมาดูฉันอาบน้ำรึไง แมวทะลึ่ง"
เหมียนคู่สะบัดหน้าหันตูดให้กับเจ้าของห้องตัวจริงหลังจากโดนดีดน้ำไล่ให้ออกมา สี่ขาค่อยๆ ก้าวสำรวจภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากไปเรื่อยๆ ทั้งกองหนังสือการ์ตูนที่วางระเกะระกะ กีต้าร์โปร่งที่เหลือสายเพียงสี่สาย ใต้เตียงที่เหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน กระบี่อันใหญ่ที่วางอยู่หัวเตียง มันใช้อุ้งมือตะปบพู่สีแดงฉูดฉาดเล่นอยู่ทีสองทีก่อนจะกระโดดหายเข้าไปในตู้เสื้อผ้าที่มีประตูเปิดแง้มไว้อยู่นิดนึง
จื่อหยางเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดร่างกายท่อนล่างเอาไว้ ยืนมองซ้ายแลขวาแล้วก็เห็นถึงสิ่งที่ผิดปกติไป
ไม่มี. . .
ไม่ว่าจะตรงไหนก็ไม่มี. . .
เจ้าเหมียนคู่แมวสุดรักของพี่หมิงฮุยหายไป!!
จื่อหยางหันซ้ายหันขวารีบก้มหาใต้เตียงแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกจากฝุ่นและหยากไย่ ภาวนาว่าตัวเองไม่ได้ลืมปิดหน้าต่างจนทำให้มันกระโดดออกไปซนข้างนอก ถ้ามันโดนพี่เบิ้มประจำซอยไล่กัดพี่หมิงฮุยและไอ้เด็กยักษ์แฟนพี่หมิงฆ่าเขาหมกห้องแน่ๆ
ไวเท่าความคิดหางตาของจื่อหยางเหลือบไปเห็นชายผ้าม่านที่กำลังปลิวไสวตามแรงลม
ใจแทบตกลงไปที่ตาตุ่ม
จื่ออหยางไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้สองขารีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าทันทีที่สติกลับมา มือยาวเกือบจะเอื้อมถึงที่จับอยู่แล้วแต่ว่า. . .
'กึกๆ'
เสียงแปลกๆ จากในตู้เสื้อผ้าทำเอาคนขี้กลัวอย่างเขาถอยกรูดจนไปติดกับหัวเตียง มือนึงจับขอบผ้าขนหนูไว้กันมันหลุดส่วนอีกมือก็คว้ากระบี่ไล่ผีมากอดไว้แนบอก
'กึกๆๆ'
เขาทำใจดีสู้เสือเดินกลับไปยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอีกครั้งปลอบตัวเองว่ามันอาจจะเป็นหนูหรือเป็นไอ้แมวอ้วนที่เขากำลังหาอยู่ ประตูไม้บานสวยถูกดึงออกตามความแรง ข้างในไม่มีแม้แต่หนูหรือสิ่งที่เขากำลังตามหา
แต่มีคน
เด็กผู้ชายตัวผอมกับผมสีเทาอ่อนรับกับผิวขาวของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
. . .ที่รู้ว่าขาวก็เพราะเด็กคนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง สมองของเขาไม่ประมวลผลแล้วว่าร่างที่นั่งคุดคู้อยู่ในตู้เสื้อผ้านี้เป็นคนหรือว่าผีกันแน่
เด็กหนุ่มพยายามยันตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล จื่อหยางที่สติสตางค์กระเจิงหายไปอีกรอบก็ได้แต่ยืนมองท่าทีของอีกคน
ในที่สุดก็ออกมาจากตู้เสื้อผ้าได้สำเร็จ
"นายเป็นใคร”
"......"
"เข้ามาอยู่ในตู้เสื้อผ้าห้องฉันได้ยังไง"
"......”
"แล้วเสื้อผ้านายหายไปไหน เฮ้ เป็นใบ้เหรอ"
ทุกคำถามของเขาถูกตอบกลับมาด้วยความเงียบ เด็กหนุ่มแปลกหน้ายังคงยืนประจันหน้ากับเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าและเขาเองก็มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่ห่อหุ้มแต่ท่อนล่างอยู่นี่แหละ
"จะทำอะไรน่ะ!"
จื่อหยางถอยหนีทันทีหนึ่งก้าวเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางคนหัวเทาเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ถุงอาหารแมวและ. . .
"ไม่ได้นะโว้ยยยย นั่นมันอาหารแมวนายกินมันไม่ได้ จะบ้าเหรอ!"
เขารีบเดินเข้าไปห้ามอีกคนที่กำลังกรอกอาหารแมวเข้าปากอย่างหิวโหย
"ใส่เสื้อผ้าซะเดี๋ยวฉันไปทำมาม่ามาให้กิน ใส่เสร็จแล้วก็อยู่เฉยๆ อย่าซน"
เขาจัดการใส่เสื้อผ้าให้ตัวเองและหยิบชุดใหม่ออกมาส่งให้กับอีกคน กะจากสายตาแล้วก็ตัวพอๆ กัน ก็น่าจะใส่ด้วยกันได้
ผ่านไปสิบนาทีจื่อหยางเดินกลับมาพร้อมกับมาม่าสองถ้วยทั้งคิดว่าหลังจากที่กินเสร็จก็จะพาเด็กคนนี้ไปส่งที่สถานตำรวจใกล้ๆ นี่ แต่ภาพที่กำลังเห็นอยู่ตอนนี้กลับทำให้เขาอยากจะร้องไห้เสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มหัวสีเทายังนั่งอยู่ที่เดิม ตัวเปลือยเปล่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกำลังใช้มือเขี่ยเสื้อผ้าที่เขาให้เมื่อกี้ราวกับเป็นสิ่งแปลกใหม่
ไอ้เป้..มึงเป็นใครไม่รู้ แต่กูเครียดดด
สุดท้ายก็เป็นเขานั่นแหละที่เป็นคนใส่เสื้อผ้าให้ไอ้เด็กเอ๋อนี่ แต่กว่าจะใส่ได้มาม่าในถ้วยก็อืดได้ที่พอดี
"รีบๆ กิน ฉันจะได้พานายไปส่งสถานีตำรวจให้เขาช่วยตามหาพ่อแม่นายไง เคไหม"
คำตอบที่ได้ก็ยังเป็นความเงียบเหมือนเดิม คนหัวเทาก้มหน้าลงไปทำจมูกฟุดฟิดๆ ก่อนจะดันถ้วยมาม่าให้ออกห่างจากตัว
"อะไร อย่าเรื่องมากได้ปะมันมีอยู่แค่นี้"
เขาดันถ้วยกลับไปให้แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่จ้องมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สายตาที่เหมือนกับไม่ได้สนใจอะไรเลย
"อื้อ"
เสียงเล็กในลำคอเรียกให้จื่อหยางเหงยหน้าขึ้นมาจากถ้วยมาม่าก่อนจะมองตามไปยังสิ่งที่ปลายนิ้วของอีกคนกำลังชี้อยู่
. . .ปลากระป๋อง
"เรื่องมากจริง ... เอ้า เอาไป"
"......"
"เปิดไม่เป็นอีกสิ เฮ้อ นายนี่นะโตเป็นควายแล้วแต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง"
เด็กหนุ่มรับไปอย่างรวดเร็วและเทใส่ปากรวดเดียวจนเกือบหมดกระป๋อง จื่อหยางอ้าปากค้างตกใจกับภาพที่เห็น เด็กนี่ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกัน
"อื้อ"
เขาเหงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองตามปลายนิ้วมือไปยังตำแหน่งเดิม
"จะเอาอีก? กินอย่างกับอยู่บ้านตัวเองเลยนะ เฮอะ"
ถึงปากจะบ่นแต่เขาก็ลุกไปหยิบปลากระป๋องกระป๋องใหม่มาให้อีกคนอยู่ดี
เพราะว่าสงสารหรอก
วางปลากระป๋องที่เปิดให้เรียบร้อยแล้วให้กับคนตรงหน้า ระหว่างที่นั่งสูดเส้นมาม่าอยู่เขาก็แอบเหลือบมองคนหัวสีเทาที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ดูท่าทางจะชอบปลากระป๋องเอามากๆ เลยนะน่ะ
สักพักเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังลืมทำอะไรบางอย่างไป คล้ายๆ จะเป็น. . .
"เหมียนคู่!"
จู่ๆ จื่อหยางก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งจนน้ำซอสจากปลากระป๋องหกเลอะโต๊ะ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาต้องออกไปตามหาแมวของรุ่นพี่ที่ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
"ไว้ไปกินข้าวต่อที่สถานีตำรวจแล้วกันนะนายน่ะ"
พูดจบเขาก็รีบคว้าข้อมือของอีกคนและออกแรงดึงเพื่อเป็นการบอกว่าให้เดินตามเขามา เด็กหนุ่มหัวสีเทาก็ทำตามอย่างว่าง่าย
.
.
.
"เหมียนคู่ เมี๊ยวๆๆๆ"
จื่อหยางป้องปากตะโกนเรียกเจ้าแมวอ้วนอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จะมีก็แต่ไอ้เด็กแปลกๆ นี่แหละที่เดี๋ยวก็โดดมาโผล่ข้างซ้ายทีข้างขวาที ทำอย่างกับตัวเองชื่อเหมียนคู่อย่างนั้นแหละ
"เมี๊ยวๆ ไอ้แมวอ้วนกลับบ้านกันได้แล้ว"
กระแอมไอนิดหน่อยหลังจากที่ตะโกนเรียกหาแมวของรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้ง พลางคิดว่าบางทีเจ้าแมวอ้วนอาจจะไม่ได้ไปไหนไกล อาจจะวิ่งเล่นอยู่แถวๆ นั้น เพียงแต่เขาไม่ทันได้สังเกต
คิดได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนจุดหมายต่อไปเป็นการไปส่งไอ้เด็กหัวสีเทาที่เดินอ้อยอิ่งอยู่ข้างหลังเขาให้กับสถานีตำรวจ
เขาหันไปเพื่อที่จะเร่งให้อีกคนเดินตามมาเร็วๆ วันนี้เขาเสียเวลาไปมากแล้วกับการตามหาแมวของรุ่นพี่และวุ่ยวายกับเด็กแปลหน้า
แต่พอหันไป
เขากลับพบเพียงความว่างเปล่า. . .
จื่อหยางยืนทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ตอนแรกก็แมวหายตอนนี้ก็คนหาย เขายืนเคว้งอยู่ข้างถนนโดยไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อ ไม่ใช่ว่าไอ้เด็กเอ๋อนั่นเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในบ้านใครอีกนะ แต่คิดในแง่ดีเด็กนั่นอาจจะจำทางกลับบ้านตัวเองได้แล้วก็ได้
เอาหน่าจื่อหยางถือซะว่าให้คนอื่นรับช่วงต่อละกัน สำคัญสุดตอนนี้คือต้องหาเหมียนคู่ให้เจอก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่กลับบ้านเก่าต้องเป็นเขาแน่ๆ
.
.
.
ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ไม่ใจร้ายกับเขาจนเกินไป จื่อหยางแทบหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจทันทีเปิดประตูห้องแล้วเจอกับเจ้าก้อนขนสีเทาปนขาวที่นั่งจุมปุกเลียซอสปลากระป๋องที่หกอยู่บนโต๊ะ
"เฮ้ยเดี๋ยว อุบ..ฮ่าๆๆๆ"
จื่อหยางอดที่จะขำไม่ได้กับภาพเหมียนคู่ที่พยายามจะมุดหน้าอ้วนๆ ของมันเข้าไปกินชิ้นปลาที่เหลืออยู่ในกระป๋อง เขาจึงต้องเอามาเทใส่ชามข้าวให้มันกินดีๆ
"ชอบปลากระป๋องเหมือนกันเหรอแกน่ะ หื้ม"
เจ้าแมวพันธุ์บริติชช็อตแฮร์ยังคงเพิกเฉยต่อการมีตัวตนของเขาเหมือนเดิม เพราะความสนใจทั้งหมดตกเป็นของปลากระป๋องที่อยู่ในชามเคลือบอย่างดีของมันมากกว่า
ครึ่งวันที่เหลือของจื่อหยางหมดไปกับการนั่งเคลียร์งานอยู่บนเตียงโดยมีตูดกลมๆ ของแมวอ้วนที่นอนอยู่ในตะกร้าตรงมุมห้องนู่นเป็นกำลังใจให้ห่างๆ
สบายเหลือเกินนะ
เขานวดหัวตาตัวเองเบาๆ หลังจากที่นั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง แค่นหัวเราะใส่ถ้วยมาม่าถ้วยที่สองของวันแต่ถ้วยนี้ดีกว่าถ้วยเมื่อเช้าหน่อยตรงที่ไม่อืดบานแบะ จะว่าไปแล้วก็ห่วงไอ้เด็กนั่นเหมือนกันไม่รู้ว่าได้กินอย่างอื่นนอกจากปลาประป๋องของเขาไหม
จื่อหยางถอนหายใจพรืดพร้อมกับสะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆ ออกไป เหลือบมองนาฬิกาตรงมุมล่างของหน้าจอ
18 : 44
นอกจากจะเป็นฟรีแลนซ์อินดี้เท่แต่ไม่มีจะแดกแล้ว อีกหนึ่งอาชีพที่ประทังชีวิตชายโสดแบบเขาก็คือการเป็นนักร้องกลางคืนในร้านอาหารใกล้ๆ กับที่พักของเขา
"อาหาร น้ำ หน้าต่าง..."
เช็คความเรียบร้อยต่างๆ ภายในห้องโดยเฉพาะที่หน้าต่างเสร็จแล้วก็ไปเปิดพัดลมทิ้งไว้ให้ ก่อนออกไปก็ไม่ลืมที่จะกำชับกับรุ่นน้องที่อยู่ข้างห้องว่าให้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลความเรียบร้อยให้ที พอเห็นท่าทีตบปากรับคำอย่างกระตือรือร้นของหลิงเชาแล้วเขาก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
ใจนึงก็ห่วงไอ้บริติชช็อตแฮร์ที่นอนฝันหวานอยู่ในห้องกลัวว่ามันจะไปเล่นซนอะไรอีก แต่ชีวิตมันยังต้องกินต้องใช้น่ะนะ เอาไว้ขอพี่เจ้าของร้านออกมาก่อนเวลาก็แล้วกัน
.
.
.
สี่ทุ่มสิบห้านาทีคือเวลาที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็เป็นเวลาที่เขายืนอยู่หน้าห้องตัวเอง ไม่มีสายจากหลิงเชาก็แสดงว่าเหมียนคู่ไม่ได่ก่อเรื่องอะไร จื่อหยางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
มือยาวคลำหาสวิตซ์ในความมืดใช้เวลาไม่นานก็หาเจอ
"เห้ย!"
ยังไม่ทันที่ก้าวขาไปไหนร่างของผู้ชายที่สูงเกือบร้อยเก่าสิบก็กระโดดลอยเหมือนกับแมวตอนตกใจไม่มีผิด
"มานั่งทำไรตรงนี้เนี่ย เกือบเหยียบแล้วไหมล่ะ"
เอ็ดเจ้าก้อนขนที่มานั่งเสนอหน้าตรงประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"มาต้อนรับรึไง"
"เมี๊ยว"
"เออขอบใจ ไปนอนต่อเถอะ"
ราวกับคุยกันรู้เรื่องสิ้นเสียงของเขาเจ้าเหมียนคู่ก็สะบัดตูดเดินพุงติดพื้นกลับไปนอนที่ตะกร้าตามเดิม
.
หลังจากชำระร่างกายเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วร่างสูงก็เดินโงนเงนไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแน่นอนว่าก็ไม่พ้นเรื่องของคนแปลกหน้าที่เจอกันวันนี้ เขายังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ค่อยได้ว่าอยู่ๆ เด็กคนนั้นโผล่มาอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเขาได้ยังไงแล้วตอนนี้จะได้กลับบ้านหรือยัง และยังคิดไม่ตกกับสายตาและท่าทางแบบนั้น
. . .คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
ร่างกายที่ถูกใช้อย่างเต็มที่วันนี้ไม่อาจฝืนความง่วงได้อีกต่อไปเขาพรูดลมหายใจออกมายาวๆ หนึ่งทีก่อนจะเข้าสู่ภวังค์ในที่สุด
.
.
.
เสียงฟ้าร้องและอุณหภูมิที่ลดต่ำลงปลุกสิ่งมีชีวิตอีกตัวที่นอนอยู่ในห้องนี้ให้ตื่นขึ้นมา เปล่า เจ้าบริติชช็อตแฮร์ตัวนี้ไม่ได้กลัวเสียงฟ้า เพียงแต่ผ้าผ่มผืนบางที่เจ้าของ(ชั่วคราว)เอามาปูด้วยให้ด้วยความหวังดีมันไม่ได้อุ่นเอาเสียเลย
สายตาวาวสอดสายไปในความมืดก่อนจะพบกับเป้าหมาย มันออกมาจากตะกร้าของตัวเองแล้วเดินลิ่วๆ ไปใกล้ๆ กับเตียงที่ก่อนหน้านี้มันได้ขึ้นไปนอนแล้วเมื่อตอนเช้า ไม่มัวรีรอให้เสียเวลานอนอันมีค่ามันกระโดดพลุบขึ้นไปบนเตียงที่มีร่างของมนุษย์ที่นอนหลับสนิทกรนออกมาเบาๆ โชคดีที่เตียงนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะให้มันนอนได้อีกตัวอย่างสบายๆ มันมุดตัวลงไปใต้ผ้านวมผืนหนาและซุกจมูกกับแผ่นหลังกว้างเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ภาวนาว่าอย่าให้ไอ้มนุษย์ตัวสูงนี่ดิ้นมาทับมันละกันนะ. . .
.
.
.
.
.
.
To be continued
.
.
.
.
.
.
ทอลค์ไร รอทอลค์ตอนจบทีเดียวนู่น
เริ้บ
♥ @genonerzou_
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in