VIDEO
Mission: One moment, One OS
Note: บ้าาาาาา มันไม่ดราม่าขนาดนั้นหรอก เธออะคิดมาก // คนกากก็คือคนกากค่ะ ดั้ยป่ดอย่าคาดหวังอะไรกับนุ้เรย
.
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเข้ามากระทบกับเปลือกตาของเจ้าของห้องที่นอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่พอที่จะสามารถนอนกันสองคนได้สบายๆ แต่บนนั้นมันก็มีเพียงตัวเขา ผ่าห่ม และหมอนข้างก็เท่านั้น ปู่ฝานกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสแล้วใช้เพดานห้องเป็นที่ยึดสายตาสักพักก่อนจะละสายตาไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ เตียง มันสั่นไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว
"ว่า"
[พี่ พรุ่งนี้พี่ว่างไหม]
"พรุ่งนี้เหรอ...."
[....]
"ก็ว่าง มีอะไร"
[เยี่ยม ผมจะจ้างพี่มาทำขนมในงานเลี้ยงของผมหน่อย]
"ห๊ะ?"
[ไม่ต้องห๊ะ รายละเอียดผมส่งไปให้ในเมลแล้ว ขาดเหลืออะไรพี่โทรบอกผมได้เลย ขอบคุณครับ]
เขาหายงัวเงียทันทีหลังจากวางสายจากรุ่นน้องตัวดี ส่ายหัวเบาๆ พร้อมกับโยนเจ้าจอสี่เหลี่ยมในมือไปข้างๆ ตัว ก่อนจะยืนเต็มความสูงแล้วพาตัวเองไปที่ห้องน้ำ
ปู่ฝานเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ คนนึง ที่มีงานอดิเรกเป็นการทำขนม พี่ๆ ที่ทำงานชอบบอกกับเขาว่าฝีมือของเขานั้นเทียบเท่ากับของพวกโรงแรมห้าดาวในเมือง ไม่แปลกที่เขามักจะถูกคนนู้นคนนี้ไหว้วานอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็งานเลี้ยง งานวันเกิดไม่ก็งานแต่งงานนี่แหละ
.
.
.
ขายาวก้าวสลับกันในความเร็วที่คงที่ เขาพาตัวเองมายังร้านกาแฟเล็กๆ ร้านนึงที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเขามากนัก เอื้อมมือเปิดประตูก่อนจะก้มหัวและส่งยิ้มทักทายพี่เจ้าของร้านอย่างสุภาพ
เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตรเดินผ่านโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงนั่งริมหน้าต่างที่ซึ่งเคยเป็นมุมประจำของเขาไปยังโต๊ะตัวในสุดของร้านที่ค่อนข้างเป็นมุมอับเล็กน้อย
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟที่พี่เจ้าของร้านยกมาวางไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่ปู่ฝานไม่ได้รู้สึกแบบนี้ หลายปีที่ผ่านมานี้เขาต้้งใจทำงานหนักมาตลอด
หนักเสียจนทำให้เขาละเลยบางอย่างที่สำคัญ
และเขาก็สูญเสียมันไปในที่สุด. . .
.
.
.
ขายาวคู่เดิมพาเขากลับมาที่ห้องพักหลังจากที่ไปนั่งแช่อยู่ที่ร้านกาแฟอยู่นานร่วมสามชั่วโมง วันนี้เขาตั้งใจว่าจะลองทำเมนูใหม่ที่บังเอิญเจอในอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ ถูกหยิบมาจัดวางตรงเคาเตอร์ครัวภายในเวลาไม่กี่นาที เขาอ่านวิธีทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเริ่มลงมือทำ
ตลกดีเหมือนกันที่ผู้ชายแบบเขามีงานอดิเรกเป็นเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ แต่ที่ตลกยิ่งกว่าคือเขามีความฝันที่อยากจะเปิดร้านขนมเป็นของตัวเอง
มันเคยเป็นฝันร่วมกับใครอีกคนหนึ่ง
ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงแต่เขาแค่คนเดียวกับความฝันที่ยังไม่สำเร็จ
หรือความจริง ... มันอาจจะหายไปพร้อมกับคนนั้นแล้วก็ได้
ผ่านมาตั้งหลายปี ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
เขาสบัดหัวไล่ความคิดก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาผสมแป้งเค้กต่อ
.
.
.
ปู่ฝานถึงที่หมายก่อนเวลานัดหลายชั่วโมงเพื่อมาเตรียมการต่างๆ โชคดีที่พี่เจ้าของร้านกาแฟให้ยืมสถานที่อุปกรณ์รวมถึงลูกมือที่ให้มาช่วยเขาในวันนี้ ขนมจำนวนหนึ่งที่เขาทำมาล่วงหน้าจึงถูกนำไปจัดวางอย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลางงาน
หน้าที่ของปู่ฝานในวันนี้ก็แค่ยืนทำขนมหล่อๆ ให้แขกเหรื่อในงานได้ลิ้มลองก็เท่านั้น ซึ่งมันง่ายกว่าการอบขนมไม่ให้ไหม้เสียอีก ตัวเขาคิดว่าอย่างนั้นน่ะนะ
เมื่อถึงเวลาตามกำหนดการผู้คนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในงาน ปู่ฝานง่วนอยู่กับการตกแต่งหน้าเค้กและพูดคุยกับแขกที่มาถามถึงงานอดิเรกของเขา ความคิดก่อนหน้านี้ของปู่ฝานลอยหายไปกับอากาศ...
.
.
.
เจ้าหลินข่ายรุ่นน้องตัวดีของเขาบอกว่าไฮไลท์ของงานวันนี้จะมีการเดินแฟชั่นโชว์เล็กๆ ซึ่งคนที่จะมาก็น่าจะเป็นคนที่เขาเคยเห็นมาแล้วในทีวี หรืออาจจะไม่เคยเลยเพราะปู่ฝานไม่ได้ให้ความสนใจในสายอาชีพนี้เท่าไหร่นัก
คนตัวสูงยังคนยืนทำหน้าที่ของตัวเองไม่ได้ไปไหน คนที่เดินมาหยิบของกินเริ่มน้อยลงทำให้ปู่ฝานได้มีเวลาพักหายใจและกวาดตามองสำรวจสิ่งต่างๆ ภายในงาน
"ขอโทษนะครับ ขอทีรามิสุอันนึงได้ไหมครับ"
"ครับ...."
"..."
ราวกับทุกสิ่งรอบกายหยุดเคลื่อนไหว ต่างฝ่ายต่างยืนนิ่งและปล่อยให้นัยน์ตาสะท้อนภาพของกันและกัน
"เจิ้น--"
ยังไม่ทันที่ปู่ฝานจะเอ่ยปากพูดอะไร ชายที่มาใหม่ก็แทรกตัวหายไปกับกลุ่มคนที่อยู่ๆ ก็กรูกันเข้ามาจากไหนไม่รู้
หายไปอีกแล้ว
เหมือนกับสามปีก่อน. . .
.
.
.
พอคิดว่าจะปล่อยให้เป็นแบบสามปีก่อนไม่ได้ขาทั้งสองข้างของเขาก็ออกแรงเดินตามหาคนๆ นั้นจนทั่วงาน
และในที่สุดก็เจอ
"เจิ้นหยาง..."
ปู่ฝานเปล่งเสียงเรียกคนที่ยืนหันหลังอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบเพราะความประหม่า
เจ้าของชื่อค่อยๆ หันมาตามเสียงเรียกพร้อมกับยิ้มรับเบาๆ
"สบายดีไหม"
"ก็ดี นายล่ะปู่ฝาน"
"เหมือนเดิม.."
เหมือนเดิมทุกอย่าง
ปู่ฝานเคยคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดถึงคนตรงหน้าอีกแล้วกระทั่งได้เจอกันอีกครั้ง ภาพความทรงจำเก่าๆ เริ่มย้อนกลับมา ภาพเก่าๆ ที่เคยถ่ายเล่นด้วยกัน สถานที่เก่าๆ ที่เคยไปด้วยกัน ทุกอย่างวนซ้ำอยู่ในความทรงจำ จะเหลือก็แต่ความรักของคนทั้งสองที่ไม่ได้ย้อนกลับมา
ทั้งที่คิดว่าตัวเองเดินนำหน้าอีกคนมาไกลแล้ว ทว่าเขากลับเดินวนซ้ำอยู่ที่เดิม
ความเงียบทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีในเวลานี้ มีคำพูดมากมายที่ปู่ฝานอยากจะพูดกับเจิ้นหยางทั้งเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วและเรื่องในตอนนี้ แต่ก็เหมือนมีใครมาปิดปากไว้เสียอย่างนั้น
อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สมควรได้รับโอกาสนั้นแล้ว
แต่เขาก็อยากจะลองดูสักครั้ง. . .
ปู่ฝานก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ประชิดตัวอีกคน นับว่ายังโชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ถอยหนีไปไหน
"เจิ้นหยาง..ฉันขอโทษ"
"..."
"ถ้ามันเป็นไปได้ ฉันอยากขอโอกาส--"
"อย่าเลยปู่ฝาน"
ภาพห้องนอนที่ว่างเปล่าย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของปู่ฝานอีกครั้ง
วันนั้นเขากลับมากจากที่ทำงานและเห็นว่าเจิ้นหยางเก็บของทุกอย่างออกไปจากห้องเขาจนหมด เมื่อติดต่อกับเพื่อนสนิทของเจิ้นหยางก็ถึงได้รู้ว่าอีกคนไปเรียนต่อด้านแฟชั่นที่มิลาน และเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากนั้นเพราะแค่คำว่าทิฐิและอีโก้ที่แขวนคออยู่
ปู่ฝานวางแผนในอนาคตไว้มากมายหลายอย่าง แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขาละเลยที่จะให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ข้างๆ เขาในช่วงเวลานั้นไป
ในหลายๆ ครั้งเวลาที่เจิ้นหยางต้องการปู่ฝานมากที่สุด เขากลับไม่เคยอยู่ตรงนั้น
และหลายต่อหลายครั้งเราทะเลาะกันมากกว่าบอกรักกันเสียอีก
คำขอโทษและคำพูดอื่นๆ จึงถูกเก็บเอาไว้มาตลอดสามปี แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้พูด. . .
มันกลับสายไปเสียแล้ว
"ตั้งแต่เมื่อไหร่"
ปู่ฝานเอ่ยถามพลางมองสิ่งที่ถูกสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของอีกคน
"สองเดือนที่แล้ว"
ก้อนความรู้สึกตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอของปู่ฝาน หยาดน้ำใสๆ คลอหน่วงอยู่ที่ขอบตาและใกล้จะร่วงหล่นเต็มที
เป็นครั้งที่สองที่เขาต้องเผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้อีกครั้ง
ครั้งแรกก็ตอนที่ตืนขึ้นมาและพบว่าเขามันไม่ใช่ความฝัน คนที่เคยนอนอยู่ข้างกายได้หายไปแล้วจริงๆ
"อย่าร้องไห้สิ ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปลอบนายได้เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ
เจิ้นหยางเอื้อมมือไปเกลี่ยความอ่อนแอที่ไหลรินบนใบหน้าของอีกคนเบาๆ
"ทำไมไม่รอกันก่อน..."
"ปู่ฝาน...ถ้านายอยู่ในจุดเดียวกับฉัน นายจะไม่ถามฉันแบบนี้"
เจิ้นหยางตอบกลับอีกคนด้วยน้ำเสียงเรียบ ซ้ำยังกรีดลึกลงไปในหัวใจของคนฟัง
"ฉันต้องปะ--"
ร่างของเจิ้นหยางถูกดึงให้เข้าสู่อ้อมแขนของปู่ฝาน ปู่ฝานกระชับอ้อมแขนแน่นราวกับจะรั้งให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดไม่จากเขาไปไหนอีก
แต่มันทำได้เสียที่ไหนกันล่ะ
"ปู่ฝานปล่อยเถอะ ฉันต้องไปแล้ว"
"ขอเวลาฉันอีกหน่อยได้ไหมเจิ้นหยาง..."
"ฉัน..."
"ขอให้ฉันได้ทำในสิ่งที่สามปีที่แล้วฉันไม่มีโอกาสได้ทำ...ได้ไหม"
"..."
เจิ้นหยางไม่ได้ตอบอะไร เพียงปล่อยให้ปู่ฝานทำในสิ่งที่ร้องขอโดยไม่ผลักไส
ปู่ฝานเกยคางลงบนไหล่กว้างของเจิ้นหยาง น้ำตาหยดที่เท่าไหร่ไม่รู้ร่วงหลนลงบนบ่าของอีกคนราวกับไร้ซึ่งแรงต้านทานใดๆ ตอนที่อดีตคนรักตวัดแขนโอบกอดร่างที่สั่นเทาของเขาเอาไว้หลวมๆ อย่างปลอบประโลม
ทัั้งที่รู้ว่าไม่ควรแต่ก็ทำไปแล้ว
ทั้งคู่ผละออกจากกันช้าๆ ปู่ฝานจ้องมองไปยังใบหน้าที่เขาคิดว่ามันงดงามราวกับงานศิลปะ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักครั้ง
ปู่ฝานค่อยๆ โน้มใบหน้าเขาไปหาอีกคนช้าๆ หวังจะทำอย่างที่ใจคิดแล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะหันหน้าหลบแต่ปู่ฝานก็ยังคงดื้อดึง เขาเชยคางอีกคนเพื่อให้กลับมาสบตากันอีกครั้งก่อนจะพบว่า
หลี่เจิ้นหยางกำลังร้องไห้. . .
น้ำตาที่รื้นขึ้นมาที่ขอบตาของเจิ้นหยางไหลอาบแก้มเขาลงมาโดยไร้เสียงใดๆ
อันที่จริงเขาเป็นคนเก็บอาการไม่เก่ง การยืนคุยกับอดีตคนรักที่เขายังคงคิดถึง เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขาในตอนนี้ เชื่อเถอะว่าเขาพยามแล้วทว่าก็ไม่อาจจะฝืนความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในได้
หากในความทรงจำของปู่ฝานยังคงมีเจิ้นหยางอยู่ฉันท์ใด
ปู่ฝานเองก็ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของเจิ้นหยางฉันท์นั้น
เพียงแต่มันไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิม. . .
สุดท้ายความรู้สึกเหล่านั้นก็ถูกกลั่นออกมาในรูปแบบของน้ำตาในที่สุด
"พอเถอะปู่ฝาน ฉันต้องไปแล้วจริงๆ"
มันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าเราไม่ทำในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างคิดอยู่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น...ก็รังแต่จะทำให้เจ็บหนักทั้งสองฝ่าย
"ปู่ฝาน..."
"ไม่ได้แล้วจริงๆ เหรอเจิ้นหยาง ฉันไม่ได้รับโอกาสนั้นแล้วจริงๆ ใช่ไหม.."
"อย่าถามในสิ่งที่นายเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว"
"ฉัน..."
我只需要你在身边 陪我吵 陪我闹
ฉันแค่ต้องการเธออยู่ข้างกาย ทะเลาะกับฉัน โวยวายกับฉัน
"ฉันเดินมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้วนะปู่ฝาน นายเองก็ควรจะทำแบบนั้นบ้าง"
别用离开教我失去的人最重要
อย่าใช้การจากไปสอนฉันถึงการสูญเสียคนที่สำคัญที่สุด
เจิ้นหยางก้าวถอยหลังออกห่างจากปู่ฝานช้าๆ ทีละก้าว
别说你曾经爱过我
อย่าพูดว่าอดีตเธอเคยรักฉัน
ปู่ฝานเอื้อมมือไปจนสุดความยาวแขนเพื่อคว้าโอกาสสุดท้ายของเขา
让我们回到那一秒
ให้พวกเราย้อนกลับไปยังวินาทีนั้น
รั้งให้อีกคนกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
แค่อีกเพียงครั้งเดียวก็พอ. . .
"ฉันขอโทษ"
"..."
"ขอโทษกับสิ่งที่ฉันทำลงไป"
"..."
"ขอโทษที่ใช้เวลานานเกินไปกว่าจะได้พูดมันออกมา"
"..."
"ถ้าหากครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้าย...ฉันอยากจะขอให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ตัวฉันเมื่อสามปีที่แล้วไม่ได้ทำจะได้หรือเปล่า"
ปู่ฝานผละออกจากคนในอ้อมแขนแล้วเปลี่ยนมาเป็นกุมมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้หลวมๆ พลางจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวคู่นั้น
เจิ้นหยางเม้มริมฝีปากเข้าหากันเบาๆ มองใบหน้าของปู่ฝานที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนครั้งก่อนหน้า
เพียงแต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่หลบ
. . .เป็นอีกครั้งที่เจิ้นหยางพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกของตัวเอง
เจิ้นหยางหลับตาลงช้าๆ ปู่ฝานพินิตทุกส่วนที่อยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนที่ความอบอุ่นจะถูกประทับลงบนหน้าผากกว้างของคนตัวบางอย่างแผ่วเบา
"โชคดีนะเจิ้นหยาง..."
บอกพลางถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง ราวกลับจะยื้อเวลา
"สิ่งที่ตัวฉันเมื่อสามปีที่แล้วอยากจะทำ...คือขอให้นายโชคดี"
"..."
"มีความสุขให้มากกว่าตอนที่อยู่กับฉันนะ"
พูดพลางคลี่ยิ้มให้กับคนตรงหน้า แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นเขากำลังแตกสลาย
เจิ้นหยางพยักหน้ารับเบาๆ
可惜回不去那一秒
น่าเสียดายที่ย้อนกลับไปวินาทีนั้นไม่ได้
ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องปล่อยให้คนตรงหน้าไปจริงๆ แล้ว แต่ถึงจะอยากให้อยู่มากแค่ไหนก็คงรั้งเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
เขาฝืนยืนมองแผ่นหลังของเจิ้นหยางที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ก่อนที่อดีตคนรักของเขาเดินกุมมือหายไปกับผู้ชายอีกคนที่มีแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเช่นเดียวกัน
มิลานคือจุดหมายที่เจิ้นหยางกำลังจะไปและดูเหมือนว่าอีกนานกว่าจะกลับมา...หรืออาจจะไม่กลับมาอีกเลย
.
.
.
.
พระอาทิตย์ก็ยังคงทำงานอย่างตรงเวลาเช่นเดิม เวลาหกโมงเช้าวันอาทิตย์เพดานขาวคือสิ่งที่ปู่ฝานมองมันมาได้สักพักแล้ว ปกติเขาไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าขนาดนั้นในวันหยุดแบบนี้ ใช่..เขายังไม่ได้นอน เพราะทุกครั้งที่หลับตา ภาพรอยยิ้มรวมถึงภาพที่เจิ้นหยางร้องไห้ก็จะแวบเข้ามาในหัว เสียงของเจิ้นหยางที่บอกให้เขาโชคดียังดังก้องอยู่ในโสตประสาท กลิ่นประจำตัวของเจิ้นหยาง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับบเจิ้นหยาง เขาลืมมันไม่ลงสักอย่าง
บางที...ระยะห่างจากกรุงเทพกับมิลานคงไม่ไกลกันมากนักหรอก
ที่ไกลกันคือวงโคจรของเขาทั้งสองคนต่างหากมันยากที่จะกลับมาเจอกันอีกครั้ง
.
.
.
เขาหวังว่าวันหนึ่งตัวเขาจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างที่อีกคนบอก
เรื่องราวของอดีตคนรักอย่างหลี่เจิ้นหยางถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชักชั้นในสุดของความทรงจำและความรู้สึกของปู่ฝานอีกครั้ง และมันจะคงอยู่ในนั้นตลอดไป
.
.
.
.
.
.
E N D
.
.
.
.
.
.
ปาดเหงื่อกันอีกรอบ
ในที่สุด OS แก้บนที่เป็น OS จริงๆ ก็ออกมาสักที กัปตันก็คือจะทุ่มสมอเรือใส่นุ้อยู่แร้วจ้า
ใจนึงก็คิดว่ามันแปร่งๆ แต่อีกใจก็คิดว่าเอ่อออออ มันก็น่าจะได้อยู่หนา
ความจริงฟิคเรื่องนี้ก็ไม่ได้ตั้งใจให้ค้างนานขนาดนี้ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างก็เลยดองจนเกือบหมดฟิลและส่วนที่แต่งนานที่สุดก็ยังคงเป็นตอนจบเช่นเดิม เพิ่มเติมคือเรื่องนี้ดันคิดตอนจบไว้สองแบบแต่ไปๆ มาๆ ก็ได้ตอบจบแบบนี้มาแทน ซึ่งคิิดว่ามันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับทั้งคู่ ((หรืออาจจะไม่วะ....))
เอนี่เว ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านฟิคกากๆ ของคนกากๆ นะคะ ติชมกันได้ ด่าได้แต่อย่าแรงเพราะนุ้บอบบาง เริ้บ.
♥ @genonerzou_
ps. ยังไม่ได้แก้คำผิด ง่วง จานอนนนนนนนน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in