ตั้งแต่ได้พบคุณ
หนังของผมก็เริ่มกลายเป็นจดหมายรัก
เรื่องแล้ว, เรื่องเล่า
.
.
PRE-PRODUCTION
I.
"เพราะตาของผมหรือเปล่า..."
เขาถาม น้ำเสียงสุภาพ อมยิ้ม
ดวงตาคู่ที่ว่าไม่ได้เหลือบขึ้นมองผู้ฟัง
กลับหลุบต่ำจดจ้อง...มองกาแฟในถ้วย
"ก็...ส่วนหนึ่งครับ"
คริสตอบ น้ำเสียงสุภาพยิ่งกว่า
ตาจับจ้องคนที่เอาแต่มองคาปูชิโนของตน
ไม่อาจ...ไม่กล้า...ไม่อยากละไปทางอื่น
"ผมประทับใจการแสดงทั้งหมดนั่น และสิ่งที่คุณสื่อออกมาผ่านแววตาก็เป็นส่วนสำคัญ และคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่อยากให้ตัวละครนี้สวมหน้ากาก..."
ผู้กำกับหนุ่มร่ายยาว เสียงนุ่มละมุนน่าฟังทำให้คิลเลียนรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่ประโยคจากปากคนตรงหน้าต้องจบลง
"อา...ถ้าต้องใส่ผมก็ไม่เรื่องมากหรอกนะ ท้าทายดี"
คริสรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องพูดแบบนี้
และก็รู้ดีด้วยว่าคนเรื่องมากคือเขาเอง
นัยน์ตากลมโตสีหวานปานท้องฟ้าในวันสดใสกลางฤดูร้อนที่อุตส่าห์ได้มานั่น... จะปล่อยให้สูญเปล่าไปเฉยๆ ได้ยังไง
"แปลว่าคุณตกลง?"
คิลเลียนหลุดหัวเราะ "ผมตกลงตั้งแต่คุณโทรมาแล้ว แค่ไม่พูด..."
คริสยิ้มบ้าง "ต่อให้คุณพูด ผมก็ยืนยันว่าเราต้องมาคุยกันแบบนี้อยู่ดี"
"ผมรู้ คุณเป็นพวกโอลด์สกูล"
ก็...ส่วนหนึ่งนะ
จริงๆ เขาอาจจะแค่ต้องการสำรวจดวงตาคู่นี้อีกสักหน่อย ในแต่ละมุม...แต่ละองศาอันแตกต่าง เพื่อให้รู้ว่าควรจะเก็บภาพสองลูกกลมสวยใสนี่อย่างไร
"ก็...ครับ"
หรือเขาอาจจะแค่อยากเจอ...
บางทีอาจจะแค่นั้น
__________
II.
"มันจำเป็นด้วยเหรอ คริส?"
คิลเลียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม, เช่นเดิม
อาจไม่ใช่คาเฟ่เดียวกันนั้น แต่ก็กับคนเดิม
คนที่ไม่มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง
แต่ชอบโทรมา
คนที่ตอนนี้กำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบ
"อย่าถามเรื่องจำเป็นสิ..."
ถ้าถามงั้น มันก็ไม่มีอะไรจำเป็นทั้งนั้นแหละ
"แต่ทุกอย่างในหนังของคุณมีเหตุผลเสมอนี่นา คุณคงไม่ได้อยากใส่ฉากนั้นลงไปเฉยๆ..."
ก็ใช่
"...อืม"
แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้นเสมอเช่นกัน
อาจจะโดยเฉพาะ...เรื่องคุณ
คิลเลียนพลิกบทภาพยนตร์ความยาวไม่กี่หน้ากระดาษของตนกลับไปกลับมา คิดเอาเองว่าผู้กำกับคนเก่งคงมีเหตุผลที่ยังบอกใครไม่ได้เพราะเป็นความลับเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง พอนึกได้อย่างนั้นก็ล้มเลิกความคิดที่จะถาม คริส โนแลนเป็นผู้กำกับที่เชื่อใจได้
เป็นผู้กำกับที่เขาไว้ใจ
อะไรที่เจ้าตัวคิดมาแล้วจะต้องดี
หนังที่เจ้าตัวทำออกมาจะต้องเยี่ยมยอด
"งั้นตกลงว่าเล่นนะครับ?"
"ผมตกลงตั้งแต่คุณโทรมาแล้ว..."
คริสหลุดยิ้มบาง ส่ายหัวน้อยๆ
โดนเจ้าตัวร้ายปั่นหัวอีกตามเคย
ทำให้คิลเลียนฉุกคิดขึ้นมาได้
"เพราะปากของผมหรือเปล่า..."
"...?"
"คริส!"
ขึ้นเสียงทันทีที่จับได้ว่าถูกจ้องริมฝีปาก
"ผมหมายถึง... ความปากร้ายของผมต่างหาก"
"ครับ..." คริสอมยิ้ม "ก็ไม่แน่นะ..."
"บางทีคุณอาจจะชอบโดนด่าจริงๆ ก็ได้..."
ก็ชอบอยู่นะครับ
ถ้าคนด่าเป็นคุณ
__________
III.
"...นี่มันเรื่องที่สามแล้วนะ คริส"
เขาเอ่ย น้ำเสียงเดาอารมณ์ไม่ถูก
คิ้วขมวดมุ่น ตามองผู้ฟังอย่างกังขา
"ที่ผมเสนอให้คุณเล่น?"
คริสตอบด้วยคำถาม น้ำเสียงระรื่น
"ที่คุณจะเอาถุงคลุมหัวผมน่ะ!" คิลเลียนว่า
คุณผู้กำกับได้แต่หัวเราะเบาๆ
"ออกตัวไว้ก่อนว่าสองเรื่องแรกผมสู้แทบตายเพื่อให้คุณมีฉากถอด..."
"คริส"
"...ถุงคลุมหัว"
รีบดุไปไหนครับคุณ
"ผมคิดว่าตัวละครนี้เหมาะกับคุณ คุณคิดยังไง? หรืออยากเล่นตัวอื่น บอกผมได้นะ..."
คิลเลียนลูบริมฝีปากตนไปมา
คริสมองตามนิ้วนั้นทุกจังหวะ
"ผมก็ชอบตัวนี้นะ ไม่เคยเล่น ถึงค็อบบ์จะเป็นบทนำ แต่หมอนี่ดูเป็น..."
"...ศูนย์กลาง"
"ของเรื่อง...ใช่..." คนตาหวานพึมพำ
แต่ว่านะ...
"คนอื่นได้มานั่งเลือกเหมือนผมรึเปล่า"
คริสไม่ตอบ "จำได้ไหมเรื่องความฝันในวัยสิบหกที่ผมเคยบอกจะเล่าให้คุณฟัง..."
คริสฝันถึงความฝันมายี่สิบกว่าปี
ในตอนนี้ที่มันจะกลายเป็นมากกว่าฝัน
เขาก็อยากให้คิลเลียนอยู่ในนั้น
ในฐานะแรงบันดาลใจ
สิ่งที่ทำให้สมาธิเขาไขว้เขว
หรือแม้สุดท้ายจะเป็นหายนะต่อจิตใจ
อย่างที่ 'มอล' เป็นให้กับค็อบบ์ก็ตาม
"อา... พูดถึงเรื่องนั้น ผมลืมเอาผ้าพันคอมาคืนเลย"
คริสอมยิ้ม "ไว้วันเปิดกล้องก็ได้"
"ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะเล่น"
"คุณตกลงตั้งแต่ผมโทรไปแล้ว หรือไม่จริง?"
คิลเลียนเบะปาก "แสนรู้"
"คุณก็เหมือนกัน"
คริสไม่ได้ว่า แต่ชม
ความคิดของพวกเขาเข้าขากันดี
การทำงานด้วยกันจึงเป็นเรื่องง่าย
จนเขาชักจะเสพติด...
"...จะเพราะความคิดของผมหรือเปล่า?"
ฝ่ายนักแสดงพึมพำ
ความคิดดีๆ ที่คอยเสริมเขาเสมอน่ะหรือ?
ก็เป็นไปได้อยู่หรอก
"อาา ทำไมผ่านไปกี่ปีๆ ผมยังต้องมานั่งคิดเรื่องนี้ให้คุณด้วยนะ..."
บ่นพลางยกกาแฟที่เย็นชืดไปแล้วขึ้นจิบ
ขอโทษ...ที่ทำให้ลำบาก
แต่มันเป็นเรื่องที่คริส โนแลนไม่รู้จริงๆ
__________
IV.
"ถ้าคุณอยากให้ผมเล่น ผมก็จะเล่น..."
ไม่ว่าบทไหนเมื่อไร
ใครจะมองว่าซ้ำซากไม่จำเป็นแค่ไหน
คิลเลียน "ผมตกลงตั้งแต่..."
"...ผมโทรไปแล้ว ครับ ผมรู้" คริสยิ้ม
"แล้วยังต้องนัดผมออกมาตากลมหนาวเล่นทำไมอีกนะ..."
บ่นงึมงำ ดึงแขนเสื้อไหมพรมถักให้คลุมมือทั้งสองของตน นั่งกอดอก ตามองออกไปนอกหน้าต่างคาเฟ่ ยกคาปูชิโนร้อนขึ้นจิบ
"ทวงผ้าพันคอล่ะมั้ง"
"จริงด้วย ยังไม่ได้คืนเลย เป็นปีๆ แล้ว โทษที ไม่มีใช้เลยสินะ"
"เห็นผมเป็นคนยังไงกัน"
คิลเลียนหัวเราะ "ก็คนที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวเดียว สูทกั๊กสีเทาตัวเดียว สูทนอกสีดำตัวเดียว แต่ดีนะมีกางเกงกากีกับดำอย่างละตัวเป็นสอง..."
คริสเลิกคิ้ว "จำแม่นนะ?"
คิลเลียนเลิ่กลั่ก ยักไหล่ "ใครก็รู้ว่าคุณมีเสื้อผ้าชุดเดียว"
ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงอีกครั้ง
หันไปเห็นสายตาคนลอบมองจากเหนือถ้วยชาที่กำลังจิบแล้วก็นึกขึ้นได้
"...เพราะเสียงหัวเราะหรือเปล่า"
ไม่รู้สิครับ คิดว่ายังไงล่ะ?
__________
V.
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงปล่อยไป
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่เป็นไร
แต่เพราะอะไร คุณตอบได้ไหม?
ตอบได้หรือยัง?
"คิดว่าผมหลุดวงโคจรไปถาวรซะแล้ว"
คุณไม่เคยหลุด
"ทำไมคิดแบบนั้น..."
คิลเลียนยักไหล่ "สี่ปีแล้วที่คุณไม่โทรมา"
"..."
"คุณรู้ใช่ไหมว่าไม่ต้องมีเรื่องหนังก็โทรมาได้..."
คริสส่งยิ้มอบอุ่นแทนคำตอบ
จะจำคำอนุญาตนี้ไว้นะครับ
"ผมชอบอินเทอร์สเตลลาร์มากนะ..."
"แล้วเจออะไรไหม?"
ดวงตากลมโตละจากบทภาพยนตร์เรื่องใหม่ขึ้นมามองคนถาม "อะไรเหรอ?"
"ลองกลับไปดูซ้ำอีกรอบสิ..."
คริสยิ้ม เป็นยิ้มที่คิลเลียนไม่ค่อยเข้าใจ
"...ไม่มีถุงคลุมหัวผมแล้วจริงด้วยแฮะ"
นักแสดงวัยเลขสี่หัวเราะ เปิดหน้าต่อไป หลังจากยืนยันสิ่งที่ถามและได้คำตอบไปแล้วครั้งหนึ่งตอนคุณผู้กำกับโทรมา
ท่าทางทุกอย่างยังน่ารักเหมือนเมื่อก่อนจนน่าหมั่นเขี้ยว
ทุกอย่าง...
"คริส หลังจากตรงนี้มัน..."
"ครับ" เขาตอบรับ "มันยังไม่เสร็จดี..."
"แล้ว..."
"ยังไว้ใจผมอยู่ไหม"
คริสเขียนบทนี้เพื่อนักแสดงที่เชื่อใจและศรัทธาในการทำหนังของเขาที่สุดเท่านั้น เขาต้องการคนที่จะขบคิดมันไปพร้อมกัน ไม่ใช่รอให้เขากำกับทุกอณูการเคลื่อนไหว
คุณผู้กำกับต้องการนักแสดงที่รู้ใจ
"ลงเรือลำนั้นไปกับผมได้ไหม?"
"คุณก็รู้..."
คิลเลียนยิ้ม
เอ็นดูในความอ้อนวอนของคนตรงหน้า
ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลย
"ผมตกลงตั้งแต่คุณโทรมาแล้ว"
• • •
FILMING
I.
"เพราะตาของผมหรือเปล่า..."
เขาถาม น้ำเสียงเป็นกังวล แทบไม่ยิ้ม
ดวงตาคู่ที่ว่าเค้นหาคำตอบจากผู้ฟัง
"เพราะแว่นมากกว่าครับ"
คริสเอ่ยในที่สุด น้ำเสียงปลอบโยนคนถาม
พอให้ความไม่สบายใจจางหายไปจากใบหน้าสวยๆ นั้นได้นิดหน่อย
คิลเลียนรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เมื่อทั้งกองถูกสั่งพักหลังเทคล่าสุด เพราะคริสรู้สึกมีความจำเป็นจะต้องแก้บทใหม่มันซะเดี๋ยวนั้น นักแสดงหนุ่มกลัวจะเป็นเพราะเขาเองเล่นไม่ถึง หรือใช้สายตาได้ไม่พอ
คำตอบของผู้กำกับจึงทำเขาประหลาดใจ
"...?"
"มันเป็นส่วนเกินในช็อตโคลสอัพมากไป ผมไม่ได้ภาพที่อยากได้..."
คริสอธิบาย
หรือความจริง:
มันบังตาคุณมากไป ผมไม่ได้ภาพนัยน์ตาแสนสวยของคุณตามที่อยากให้ผู้ชมได้เห็น
"ลองแบบนี้ไหม ผมหยุดพูด แล้วถอดมันออก ธรรมชาติคนสวมแว่นเวลาหงุดหงิดน่ะ..."
คิลเลียนเสนอออกไปโดยไม่ทันคิด ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายอยากได้ความเห็นนักแสดงหรือเปล่า
แต่คริสโนแลนก็แสดงให้เห็นว่าตนใจกว้าง เป็นผู้กำกับที่พร้อมจะรับฟัง
"น่าจะใช้ได้อยู่นะครับ..."
__________
II.
"...ผมเริ่มกลับมามั่นใจแล้วนะว่าเพราะตาของผมน่ะ..."
คิลเลียนเปรย ตาฟ้าดุจน้ำทะเลอ่อนใสสบมอง
วินาทีก่อนที่ถุงกระสอบจะสวมกลับลงมา
ด้วยมือของคนเป็นผู้กำกับเอง
"ทำไมล่ะ..."
คริสกระซิบข้างใบหูใต้ถุงคลุมศีรษะ
ทำเป็นจัดกระสอบดังกล่าวให้เข้าที่ดั่งใจอยู่พักหนึ่ง
"ก็นี่เทคที่เท่าไร"
"ยี่สิบสาม...ยี่สิบสี่?"
"คุณไม่เคยปล่อยให้เทคเยอะขนาดนี้"
เอาละ
จะมารู้ทันกันแบบนี้ไม่ได้
"พร้อมนะ?"
คริสถามยิ้มๆ
คนถูกคลุมหัวไม่เห็น แต่รู้สึกได้ในน้ำเสียง
"ชอบเห็นสายตาพยศของผมมากก็ยอมรับมาเถอะ"
แน่ใจได้ยังไง
ว่าไม่ใช่เพราะปากคอเราะร้ายของคุณ
"แอ็คชั่น"
__________
III.
"วางยานอนหลับ บุกความฝัน ลักพาตัว ต่อไปอะไรอีกนะครับ..."
เขาร่าย น้ำเสียงกึ่งแซวกึ่งแซะ กลั้นยิ้มขำ
ใต้แสงขาว ดวงตาคู่นั้นดูคล้ายพระจันทร์สีฟ้าซีดจางหลังม่านเมฆ
แม้จะอ่านบทมาหมดแล้วก่อนถ่ายจริง
ก็ยังอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ตอนถ่ายทำ
"ให้ของขวัญ"
คริสตอบ น้ำเสียงทีเล่นทีจริง ยิ้มน้อยๆ
"แอ็คชั่น"
โรเบิร์ต ฟิชเชอร์เดินตรงไปยังประตูเซฟ
พินัยกรรมที่บิดาฝากไว้ใกล้เผยตัวออกมา
เขาเปิดมัน
หยิบบางสิ่งจากข้างในนั้น
กล้ามเนื้อใบหน้าสั่นระริก
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน
นัยน์ตาอ่อนหวานฉาบคลอด้วยน้ำใส
เริ่มต้นร้องไห้
'ทำไมยังทำแบบนี้...ทำแบบนี้ทำไม'
ไม่ใช่กังหันอันเป็นพร็อพหนังอย่างที่ควร
แต่เป็นกังหันโง่ๆ อันหนึ่ง
อันนั้น...
"คัต!"
คริสสั่งทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายหยุดร้องไม่ได้ มือใหญ่ล้วงกระเป๋าขณะสาวเท้าเข้าใกล้ ด้วยกลัวว่าจะเผลอสัมผัสปลอบโยนจนล้ำเส้น คิลเลียนส่งสายตาเรียกเขาไปคุยในจุดที่ห่างไกลจากคนทั้งกอง
เสียงกระซิบเรียบเย็นจนคนฟังหน้าชา
"...คิดว่าตัวเองเป็นค็อบบ์หรือยังไง"
"ผม..."
คิลเลียนยกนิ้วชี้ขึ้นมานิ้วเดียวเท่านั้น
คริสก็ต้องเงียบปาก
เสหน้าหนีไปสงบสติอารมณ์เพียงชั่วครู่
ใจแข็งหันกลับมาสบตาอย่างเยือกเย็น
"ผมจะเล่นต่อ จัดการเรื่องพร็อพซะ"
ผมขอโทษ
ที่คิดอยากเปลี่ยนใจของคุณ
__________
IV.
"ขอโทษนะ ผมเองดีกว่า..."
คริสกล่าวกับผู้กำกับภาพของเขา
วอลลี่ขยับถอยหลัง ให้ผู้กำกับเข้าแทนที่
กุมบังเหียนกล้องตัวใหญ่เองกับมือ
ในช็อต...โคลสใบหน้าตัวละครสมทบ?
ด้วยแสงแบบนี้ นัยน์ตากลมโตคู่นั้นดูซีดจางราวกับเกล็ดหิมะในสายลมหนาว แต่นั่นอาจเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังอยู่ในบท
ถึงรู้อย่างนั้น มันก็หนาวสุดขั้วหัวใจจริงๆ
"แอบถ่ายเหรอ"
คิลเลียนในร่างโจนาธาน เครนบนบัลลังก์แกล้งหยอก แต่คริสไม่ได้หลุด
"แอ็คชั่น"
จนถึงความพยายามครั้งที่สี่ ก็ยังไม่มีใครจับภาพดวงตาคู่นี้ได้ถูกใจเขาสักที
บางทีอาจไม่มีกล้องตัวไหนในโลกจับความงดงามนั้นได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
จบเทค คิลเลียนหัวเราะ
"คุณชอบทำให้ผมกลับไปพิจารณาว่าเป็นเพราะตาอีกแล้ว..."
__________
V.
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงปล่อยไป
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่เป็นไร
แต่เพราะอะไร คุณตอบได้ไหม?
ตอบได้หรือยัง?
เกมเล็กๆ ที่เราเล่นกัน
คำถามที่คนอย่างคริส โนแลนไม่รู้คำตอบ
คุณต้องบอกให้ผมรู้นะ
"หนาวหรือเปล่า..."
คริสถาม น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน
คิลเลียนแทบไม่รู้สึกต้องการผ้าห่มเพิ่ม
"นิดหน่อย"
นักแสดงตัวเล็กกระซิบ กระชับผ้าคลุมที่ใช้ห่มในฉากแน่นเข้า ชุดทหารเปียกๆ กำลังทำเขาหนาวสะท้าน ชาร้อนๆ หลายถ้วยที่จิบไปตอนแสดงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร
และเขาขอบคุณที่คริสไม่ได้เสนอชาของตน
สิ่งสุดท้ายที่ต้องการตอนนี้คือชาอีกหยด
"..."
นัยน์ตาสีฟ้าราวน้ำค้างแข็งยะเยือกนั้นหลอมละลายกลายเป็นทะเลอุ่นในฉับพลัน เมื่อกระติกชาในมือใหญ่แปะเข้ามาที่แก้ม
คริสลอบยิ้ม
กลั้นขำจนแก้มปริ
คิลเลียนมอง
ครุ่นคิด
ด่า
"ช่วยได้มากเลยมั้ง!"
และหัวเราะ
บางทีอาจจะเป็นทุกอย่าง
ทุกอย่างในตัวคุณ
• • •
FILM PROMOTION
I.
"เพราะตาของผมหรือเปล่า..."
เขาถาม น้ำเสียงเป็นกันเอง อมยิ้ม
ดวงตาคู่ที่ว่าจรดจดจ้องผู้ฟังอย่างขี้เล่น
"คนสัมภาษณ์เขาโควตมาเลยนะว่า 'คริสโตเฟอร์ โนแลนหลงรักดวงตาของคุณ' น่ะ"
"แบบนั้นผมจะดูโรคจิตหรือเปล่า?"
คริสถามกลับ มุมปากระบายยิ้มเจือจาง
แต่ไม่กล้าสบสายตาที่มองมานั้นอย่างเคย
"ก็ใช่ย่อยอยู่นะ..."
คิลเลียนแซว หลุดหัวเราะน้อยๆ
เงียบ ก่อนหัวเราะอีกครั้ง ไร้เหตุผล
คริสเลิกคิ้ว เอ็นดูเสียงหัวเราะนั้นเหลือทน
"มีอะไรตลกนักหรือครับ?"
อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ยักไหล่
"เปล่า... แค่คิดว่ามีเรื่องที่อัจฉริยะอย่างคุณก็ไม่รู้ด้วย มันเลย..."
คริสส่ายหน้าขำๆ "ผมไม่ใช่สักหน่อย"
คิลเลียนพิสูจน์แล้ว ว่าเขาไม่ใช่
เพราะเรื่องบางเรื่อง เขาก็ไม่รู้เลย
"อย่าลืมนะ..."
น้ำเสียงทุ้มนุ่มละมุนเอ่ยกำชับ
"คุณรู้เมื่อไร ช่วยบอกผมด้วยแล้วกัน"
__________
II.
"บางทีผมก็คิดนะว่านั่นเหล้า ไม่ใช่ชา"
เขาพึมพำ น้ำเสียงทีเล่นทีจริง ไม่ยิ้ม
ตาเหลือบมองกระติกชาร้อนของคนที่เดินเล่นอยู่ข้างกัน
ก็คิดแล้วมันน่าสงสัย
คนอะไรดื่มชายี่สิบสี่ชั่วโมง
บอกว่าเป็นแอลกอฮอลิซึ่มยังจะเข้าเค้ากว่า
"นึกว่ารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่" คริสตลกกลับ
คิลเลียนหรี่ตา "เดี๋ยวนี้กล้านะ..."
คริสยักไหล่น้อยๆ ไม่เคยถือสา
มองคนเดินเอามือซุกกระเป๋าเสื้อนอก
ที่เพิ่งนึกอะไรออก
"จริงสิ ไม่ใช่แค่ตาหรือปาก แต่เพราะความร้ายกาจมวลรวมหรือเปล่า...?"
"ใช้ศัพท์ยากนะครับ สำหรับคนสอบตกทุกวิชาตั้งแต่เรียนปีแรก"
แปะ!
ใบเสร็จค่ากาแฟถูกขยำ ขว้างใส่
"รู้ดีจังนะ"
"คุณให้สัมภาษณ์ไว้เอง..."
"นึกว่าคุณไม่อ่านอินเทอร์เน็ต"
คริสไม่ได้ตอบอะไร
ก็, เช่นเคย, ทุกอย่างมีข้อยกเว้นเสมอ
"ผมว่าเรื่องความร้ายคุณคงคิดไปเอง..."
ไม่เคยเห็นว่านิสัยแบบนั้นของคิลเลียนเป็นเรื่องร้ายจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง จะวาจาตรงๆ กวนๆ กลั่นแกล้งปั่นหัว รึสายตาจิกกัด ค่อนขอดอะไรก็ตามที
น่าเอ็นดูไปหมด
พอๆ กับอาการตัวสั่นในตอนนี้
ตัวเล็กแค่นั้น ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าหนาๆ นะ?
"..."
คิลเลียนเงียบไปถนัด
เมื่อผ้าพันคอผืนประจำของอีกคนพาดพันเข้ามารอบลำคอ...ด้วยฝีมือเจ้าของมัน
"นี่สัมภาษณ์รวมวันสุดท้ายแล้วนะ..."
คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
จะคืนยังไง?
"ไว้คราวหน้าค่อยคืนผม"
"เมื่อไร"
คนนึงอยู่ลอนดอน อีกคนอยู่แอลเอ
คราวหน้าน่ะ...ชาติไหนกันล่ะ?
"ผมมีความฝันอย่างนึงตั้งแต่ตอนผมอายุสิบหกได้มั้ง..."
แล้ว?
"สักวันผมจะเล่าให้ฟังนะ"
...มันเกี่ยวอะไรกันเนี่ย?
__________
III.
"ผมไม่เห็นเคยได้ยินจากปากคุณสักครั้ง?"
เขางึมงำ น้ำเสียงพยายามจะไม่ตัดพ้อ
แต่ดวงตาสีฟ้าละมุนหวานราวพระจันทร์เต็มดวงกลับโหยหาคำอธิบายอย่างบอกไม่ถูก
"ไม่รู้สิ คุณอยากฟังเหรอ..."
"ก็ดีกว่าฟังจากปากคนอื่นน่ะ"
ถ้าวาตานาเบ้ไม่พูดตอนสัมภาษณ์
คิลเลียนก็คงไม่มีวันได้รู้
"ผมเห็นบางคนไม่ชอบให้ชมต่อหน้า..."
คิลเลียนกัดริมฝีปาก "ก็บอกอยู่นี่ว่าอยากฟัง คุณไม่อยากพูดเองมากกว่าน่ะสิ"
อากาศที่เย็นทำเอาปากแตกง่ายกว่าปกติ
คริสรีบส่งผ้าเช็ดหน้าของตนให้อีกคน
คิลเลียนไม่รับ แค่เลียแผล "ผมยังกล้าพูดตรงนี้ได้เลยว่าคุณเป็นผู้กำกับที่เก่งที่สุด คุณเป็นหนึ่งในล้าน ทำไมคุณถึงจะพูดบ้า--"
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วถูกกลืนลงคอ เพราะคนตรงหน้าก้มลงมา...ใช้มุมผ้าเช็ดหน้าซับเลือดออกจากแผล ณ ริมฝีปากล่างให้เองกับมือ
คริสรู้สึกว่าพระจันทร์คู่โตนั้นจ้องตนเงียบๆ
แต่เขาก็ทนจัดการเช็ดต่อไปได้เสร็จ
ก่อนยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
เอียงศีรษะเข้าไปกระซิบ
"คุณเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดในรุ่นของคุณเลย...ได้ยินแล้วนะครับ"
ในฐานะนักแสดง ได้ยินคำนั้นจากปากคนอื่นก็ดีใจจะแย่ นี่จากปากผู้กำกับที่ชื่นชมและมีศรัทธาต่อกันมานาน จะไม่เขินก็ไม่ปกติแล้ว จริงไหม ดังนั้นปฏิกิริยาร้อนผ่าวทั่วแก้มนี่เป็นเรื่องธรรมดามาก (ห้ามเถียง)
"แล้วก็...ขอโทษนะเรื่องกังหัน"
เพียงเห็นแววตาเศร้าๆ คิลเลียนก็ใจอ่อน
"ช่างมันเถอะ"
"ผมไม่คาดหวังว่าคุณจะรู้สึกอะไรแล้วด้วยซ้ำ..."
"พูดอย่างกับคุณไม่รู้จักผม"
ความคิดของเรามันไปด้วยกันเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรไม่ใช่หรือไง
"...ถามอีกที เพราะความคิดผมใช่ไหมเนี่ย"
คริสหัวเราะ "ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ"
พระจันทร์คู่โตค้อนมอง "คุณนั่นแหละเอาเกมนี้มาปลูกในจิตใต้สำนึกผม คุณนี่มันค็อบบ์"
คนเป็นผู้กำกับได้แต่ยิ้ม
"งั้นคุณเป็นมอล"
"ได้" คิลเลียนฉีกยิ้ม "ได้ยิงได้แทงคน...ดี"
คริสหุบยิ้มแทบไม่ทัน
__________
IV.
"นี่ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ สินะ..."
พูดกับตัวเอง เสียงเบาแต่พอได้ยิน
นัยน์ตาสีอ่อนราวเกล็ดหิมะลอบมองอีกคน
"คุณไม่รู้หรอก..."
คริสเองก็ยังการันตีไม่ได้
ว่าจะปล่อยคิลเลียนไปได้ไหม
"แต่ผมเอามาคืนแล้วแหละ..." นักแสดงตาฟ้าขาประจำของเขายื่นผ้าพันคอผืนเก่าๆ คืนมาให้ หลังจากห่างหายไปนานหลายปี
กลิ่นที่ติดมันกลับมากลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ
คริสรับมันมาถือไว้
"อย่าทำหน้าเหมือนอยากดมได้ไหม มันดูโรคจิต..."
คิลเลียนแซว
หัวเราะ
สว่างไสวยิ่งกว่าดอกทานตะวัน
จะเป็นเพราะ...แค่เสียงหัวเราะจริงน่ะหรือ?
"ลาก่อน...คริส"
__________
V.
นี่ไม่ใช่การจากลา
ยังไม่ใช่
"การมีอยู่ของผมมันมหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
อีกครั้งที่คิลเลียนต้องถามถึงบทสัมภาษณ์
อีกครั้งที่คริสไม่แน่ใจว่าควรอธิบายยังไง
ไม่เคยแน่ใจเลยว่าตรงไหนคือเส้นแบ่ง
"ผมตอบตามที่คิด..."
อย่างน้อยก็มหัศจรรย์มากพอจะทำให้เขาพยายามรั้งอีกฝ่ายไว้ในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้ต้องเอาหน้าที่การงานเป็นเดิมพัน
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงปล่อยไป
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่เป็นไร
แต่เพราะอะไร คุณตอบได้ไหม?
ตอบได้หรือยัง?
เกมเล็กๆ ที่เราเล่นกันตั้งแต่วันนั้น
คำถามที่อัจฉริยะอย่างคริส โนแลนไม่รู้คำตอบ
'อะไรทำให้คนคนหนึ่งรักคุณได้แบบนี้...?'
รักคุณ...ได้แบบผม
คุณต้องบอกให้ผมรู้นะ
"ไม่ต้องลำบากคุณคิดแล้วนะ"
"หืม? เกมนั้นน่ะเหรอ"
คริสพยักหน้า "ผมเริ่มคิดได้แล้วว่าคงเป็นเพราะ..."
"...ทุกอย่าง...ใช่ไหม?"
คิลเลียนเมอร์ฟีจบประโยคให้คริส โนแลน
เหมือนที่ช่วยจบบทของตัวเองในหนังเรื่องล่าสุด
เหมือนที่การมีอยู่ของเขาช่วยเติมเต็มชีวิตการทำหนังให้กับคริสมาตลอดหลายปี
สำหรับผู้กำกับที่วิสัยทัศน์ชัดเจนอย่างคริส
การอยู่ใกล้คิลเลียนกลายเป็นเรื่องอันตรายที่สุด
"ตอนนั้นทุกอย่างมันเบลอไปหมด ถึงต้องให้คุณช่วย..."
เพราะแยกแยะไม่ออก ว่าเป็นเพราะดวงตาคู่นั้น
ปากคอเราะร้ายนั่น
ความคิดที่เข้ากัน
หรือแค่เสียงหัวเราะ
จึงต้องรู้ให้แน่ชัด
จะได้ก้าวผ่านคุณไปเสียที
แต่ตอนนี้ มันชัดเจนแล้วว่าคือทุกอย่าง
และเขาคงไม่มีวันปล่อยวางทุกรายละเอียดที่กล่าวมาได้
"อ้อ ผมดูอินเทอร์สเตลลาร์อีกรอบแล้วนะ..."
"ครับ เป็นไง" ถาม
จังหวะเดียวกับที่เจ้าตัวชะโงกมาดูนาฬิกาที่ข้อมือเขา
"อา วันนี้ผมต้องไปแล้ว ว่างๆ โทรมาสิ แล้วจะเล่าให้ฟัง"
อย่าทำแบบนี้สิครับ
ทำแบบนี้ แล้วเมื่อไร...ผมจะกล้าปล่อยคุณไป
• • •
GAP YEAR
"นึกยังไงถึงชวนออกมาวันนี้"
เขาถาม น้ำเสียงสบายๆ ตามประสา
นัยน์ตาสีฟ้าเย็นยะเยือกราวน้ำค้างแข็ง
หนาว...จับขั้วหัวใจ
"คุณเคยบอกไว้ว่าโทรได้...ผม..."
คิลเลียนหลุดหัวเราะ มาดขรึมสลาย
"ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย น่ารักดีที่ไม่ได้โทรมาเพราะเรื่องหนัง"
โดนเจ้าตัวร้ายแกล้งเอาอีกแล้ว
"ผมตันๆ กับบทหนังเรื่องใหม่ อยากเคลียร์สมอง เจอคนรู้จักเก่าๆ..."
คิลเลียนพยักหน้าเข้าใจ "ระบายทางโทรศัพท์ไม่ออกสินะ คุณชอบคุยต่อหน้า"
"แต่ไม่ได้จะมาบ่นให้ฟังหรอกนะ"
"บ่นก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นไร"
ความจริงก็แค่อยากมาเห็นอีกสักครั้ง ให้มันชิน
เพื่อให้มันไม่เจ็บปวด ยามสบมองตาคู่นั้น
ขณะที่เฉดสีของมันค่อยๆ เย็นชาลงไปเรื่อยๆ
จากท้องฟ้าวันสดใสกลางฤดูร้อน
เป็นน้ำทะเลสวยใสเหนือทรายขาว
สู่ดวงจันทร์สีฟ้าจางหลังม่านเมฆ
เกล็ดหิมะอ่อนโยนในสายลมหนาว
และน้ำค้างแข็งยะเยือกสวยแสนทิ่มแทง
เพราะถึงแม้เราจะสนิทกันมากขึ้นตามกาลเวลาที่ผันผ่าน แต่มันกลับไม่ได้มีความหมายอะไร
เพราะคุณได้เลือนรางห่างออกไปแสนไกล
ในขณะที่ผมยังไม่อาจเดินออกจากตรงนั้น
จากคืนนั้น...
"ลูกๆ คุณเป็นยังไงบ้าง" ผู้กำกับชวนคุยเล่น ยกชาขึ้นจิบ
ตามองปุยหิมะด้านนอกที่กำลังโปรยปราย "คนโตสิบสองแล้วใช่ไหม..."
"ใช่..."
คิลเลียนตอบ ก่อนคิ้วเรียวสวยจะค่อยๆ เลิกสูง "คุณจำได้ยังไง"
"ผมจะลืมได้ยังไง"
"..."
ผมรู้จักคุณมาตั้งแต่ยังไม่มีเขา
"เรารู้จักกันมาสิบสามปี สี่เดือน สองสัปดาห์ หกวันแล้ว..."
"คริส..."
คิลเลียนนึกไม่ออกเลยว่าควรจะพูดอะไร
ถ้อยคำใดจากคนใจร้ายจะทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้น
"รู้ใช่ไหมว่าผมรักคุณ คริส"
คิลเลียนกระซิบ...หวานสุดเท่าที่เคยฟัง
มือเยียบเย็นกระชับจับข้อแขนใต้เสื้อโค้ทตัวเก่า
รู้ดีว่าการสัมผัสมือคริสตรงๆ นั้นต้องห้าม
"..."
รู้สิ
คริส โนแลนทำได้เพียงยิ้มใจดีตอบ
ยังจ้องนัยน์ตาคู่สวยจวบจนนาทีสุดท้าย
ก้อนเนื้อในอกซ้ายอดสั่นระรัวไม่ได้
แม้จะรู้ตอนจบอยู่แล้วก็ตาม
เขาปล่อยอีกฝ่ายตบเบาๆ ปลอบโยนบนข้อมือ
คงพอแล้ว...
แค่ได้รู้ว่าคิลเลียนเองก็เสียใจ
ที่ต้องพูดมันออกมา
"แค่ไม่ใช่ในแบบนั้น..."
.
ไม่ใช่...
...อีกต่อไป
.
.
TBC
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in