แน่นอนว่าเราอยากเก็บทุกอย่างไว้ในความทรงจำด้วยตัวเอง
แต่ในเมื่อสมองคนเรามีขีดจำกัดศักยภาพ บางอย่างเราจึงต้องบันทึก
บางอย่าง... ที่ "สำคัญ"
และนี่คือสิ่งที่เราไม่อยากปล่อยให้มันร่วงโรยหล่นหายไปจากใจน้อย ๆ ของเรา
"Chris Nolan & Cillian Muphy: 13 Years of Love" #ผิด
นี่คือ Brief History of "Blue-Eyed Nolan Regular"
ว่าง่าย ๆ ก็คือ ประวัติศาสตร์ความรัก ความสัมพันธ์ของคริสโตเฟอร์ โนแลนและคิลเลียน เมอร์ฟี
#เวรเอ๊ยชีวิตมาถึงจุดที่จริงจังขนาดนี้ได้ยังไงวะ
__________
INTRODUCTION คนที่หลงเข้ามาในนี้คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ผู้กำกับชื่อดังคนหนึ่งของวงการหนังฮอลลีวูดยุคปัจจุบันนั้นมี kink ชอบที่จะแคสต์ "คิลเลียน เมอร์ฟี" นักแสดงผู้มีชื่อเสียงหลัก ๆ มาจากดวงตาสีฟ้าอ่อนเยือกเย็นสง่างามดุจเกล็ดน้ำแข็งในช่วงต้นฤดูหนาวซึ่งแดดสดใสสาดไล้อย่างอ่อนละมุนของเขา แน่นอนว่าคิลเลียนไม่ได้มีดีแค่ดวงตา แต่การแสดงของเขาก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ไม่เช่นนั้นคริส โนแลนผู้ปราดเปรื่องและขึ้นชื่อเรื่องใช้แต่นักแสดงคุณภาพคงไม่เลือกใช้นักแสดงหนุ่มรายนี้ซ้ำ ๆ ถึง 5 ครั้งด้วยกัน
ใช่... 5 ครั้ง
เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยสำหรับการร่วมงานกับใครคนหนึ่ง
แม้จะยังน้อยกว่า เซอร์ไมเคิล เคน ผู้ปรากฏตัวในหนังของคริส โนแลนถึง 6 เรื่อง ได้แก่ Batman Begins (2005), The Prestige (2006), The Dark Knight (2008), Inception (2010), The Dark Knight Rises (2012), Interstellar (2014) และมี Voice Cameo (บทรับเชิญที่มาแต่เสียง) เป็นนักบินสปิตไฟร์ "ฟอร์ติส ลีดเดอร์" ผู้นำฝูงบินของแฟริเออร์ (ทอมฮาร์ดี) กับคอลลินส์ (แจ็ค ลาวเดน) ใน Dunkirk (2017) -- ซึ่งคริส โนแลนบอกว่าเป็นการคารวะเล็กๆ แก่บท 'แคนฟิลด์' นักบิน RAF จ่าฝูงที่เซอร์เคนเคยเล่นไว้ในหนังเรื่อง Battle of Britain (1969)
คิลเลียนเป็นรองเซอร์ไมเคิล เคนแค่ Prestige และ Interstellar ซึ่งเป็นหนังโนแลนที่ไม่มีบทสำหรับเขา
(ระหว่างที่เขียนบทความนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าใน Interstellar นางเอกชื่อ "Murph" บางทีอาจจะไม่ได้มาจาก Murphy's Law ก็ได้)
แต่หนัง 5 เรื่องก็น่าจะมากเกินพอแล้วสำหรับการสารภาพรักใครสักคน
__________
I. "BATMAN BEGINS" (The Beginning of Blue-Eyed Nolan Regular Saga)
*หมายเหตุ Batman Begins ออกฉายในปี 2005 เริ่มถ่ายทำในเดือนมีนาคม ปี 2004 คริสเตียน เบล เจ้าของบทแบทแมน ใช้เวลาฟิตหุ่นจากผอมติดกระดูกใน The Machinist (2004) มาเป็นหุ่นล่ำเพื่อรับบทแบทแมน 6 เดือน ดังนั้น นับคำนวณแล้ว การออดิชั่นนักแสดงมารับบทแบทแมน น่าจะเกิดขึ้นในราวปลายปี 2003 ย้อนลงไป
จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์:
ก่อนมาออดิชั่นบทแบทแมน คิลเลียนเป็นแฟนหนังของคริส โนแลนตั้งแต่ Memento (2000), Insomnia (2002) แล้วก็กลับไปดูหนังใหญ่เรื่องแรกของคริสอย่าง Following (1998) (จากสัมภาษณ์นี้ ถูกถามว่าทำไมถึงกลับมาร่วมงานกับคริสอีก) (และบทสัมภาษณ์นี้ 'What have I got myself in for?' ) VIDEO
หนังที่คิลเลียนจำได้ติดตามากๆ ตอนชมในโรง คือ Memento (2000) (คิลเลียนเล่าถึงไว้ในสัมภาษณ์นี้ เริ่มที่ 3:16 -- จริงๆ คุ้มค่าแก่การฟังทั้งคลิปเลย พูดถึงแต่การทำงานกับคริส)
VIDEO
คิลเลียนไปออดิชั่นบทแบทแมน ในการทดสอบบทแบทแมน/บรูซเวย์นของคิลเลียน โนแลนกล่าวว่า "
เขา ไม่ได้เหมาะกับบทนี้เหมือนอย่างคริสเตียน เบล แต่การแสดงนั้นสุดยอดมากจนทุกคนรู้สึกได้แจ่มชัด ทั้งในระหว่างที่เราถ่ายและเมื่อเอามานั่งดู ผมเลยไปคุยกับสตูดิโอและคุยกับเขา เพื่อให้มารับบท
เครน หรือ
สแกร์โครว์ แทน"
การทดสอบบทแบทแมนของคิลเลียน เมอร์ฟี: VIDEO
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ "Scarecrow" ตัวร้ายหนึ่งเดียวที่มีบทใน The Dark Knight Trilogy ทั้ง 3 ภาค
แรกเริ่มคริส โนแลนไม่ได้อยากให้ Scarecrow ต้องใส่หน้ากาก แต่ผู้เขียนบทหนังไตรภาคแบทแมน เดวิด เอส. โกเยอร์ โน้มน้าวให้โนแลนยอมได้สำเร็จโจนาธาน เครนกับหน้ากากสแกร์โครว์ ใน Batman Begins
และเหตุผลที่ไม่อยากให้ "สแกร์โครว์" ถูกหน้ากาก(ถุงกระสอบ--) บดบัง คงเป็นเพราะว่า...
เหตุผลหลัก ๆ ที่โนแลนแคสต์คิลเลียน เมอร์ฟีมารับบท โจนาธาน เครน/สแกร์โครว์ คือดวงตาสีฟ้าสวยของเขา เพื่อรับรองว่าผู้ชมจะได้เห็นดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นกระจ่างชัด โนแลนยืนยันหนักแน่นให้คิลเลียนต้องคอยถอดแว่นตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะกำลังแสดงเป็นตัวร้ายแบทแมนนี้โจนาธาน เครน/สแกร์โครว์ถูกสอบสวนโดยแบทแมน ใน Batman Begins
อ่านจากเกร็ดภาพยนตร์ต่าง ๆ เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไปฟังจากปากคริส โนแลนให้สัมภาษณ์ไว้กันดีกว่า
แดนนี่บอยล์ (ผู้กำกับ 28 Days Later) จัดสรรให้ดวงตา[ของคิลเลียน] สะท้อนเป็นประกายในเรื่อง Sunshine ส่วนผู้ร่วมงานขาประจำอีกคนอย่างคริสโตเฟอร์ โนแลน ก็เป็นแฟนคลับ[ดวงตาคิลเลียน]เช่นกัน ในการให้สัมภาษณ์ถึงการแคสต์คิลเลียนใน Batman Begins โนแลนกล่าวว่า
"เขามีดวงตาอันน่ามหัศจรรย์ที่สุด และผมก็คอยแต่จะหาข้ออ้าง ให้เขาต้องถอดแว่นตาออกในการถ่ายทำภาพระยะใกล้" ช็อตโคลสอัพโจนาธาน เครนถอดแว่นใน Batman Begins
และในบทสัมภาษณ์เดียวกันนี้ก็มีปฏิกิริยาของคิลเลียนตอนที่ผู้สัมภาษณ์บอกให้รู้เรื่องโนแลนชอบดวงตาของเขา...
ผู้สัมภาษณ์ "คริสโตเฟอร์ โนแลน บอกว่าเขารักดวงตาของคุณ"
"เขาน่ารักมาก" คิลเลียนเอ่ย โดยไม่ได้มองขึ้นมา
__________
II. "THE DARK KNIGHT" (The Question of Necessity) คิลเลียนได้รับเชิญให้กลับมาแสดงในภาคต่อของ Batman Begins คือ The Dark Knight ซึ่งก็ชวนให้ตั้งคำถามเหลือเกินว่าจำเป็นไหม กับบทแค่นี้ !? ซึ่งทั้งสื่อและแฟนหนังแบทแมนหรือใครก็ตามไม่รู้สึกว่าจำเป็นเท่าไรในแง่ของตัวหนัง อย่างมากก็แค่เป็นเหมือนอีสเตอร์เอ้กเล็กๆ แค่นั้นเอง โถ
VIDEO
คริส โนแลนกับคิลเลียน (ร่วมวงโดยทอม ฮาร์ดี) มักจะเล่าเรื่องตลกเรื่องหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ช่วงโปรโมท Dunkirk ที่ผ่านมา นั่นคือเรื่องที่คิลเลียนต้องโดนถุงครอบหัวในหนังทุกเรื่องที่เล่นให้โนแลน ตั้งแต่ The Dark Knight Trilogy ที่หน้ากากสแกร์โครว์เป็นถุงกระสอบ และ Inception ที่ในบทคิลเลียนต้องถูกลักพาตัวและเอาถุงสวมหัว (เดี๋ยวจะกล่าวถึงเรื่องนี้โดยละเอียดอีกทีหนึ่ง ตอนนี้ขออ้างถึงเพราะมีนัยสำคัญกับข้อเท็จจริงบางอย่าง) Dunkirk เป็นหนังของโนแลนเรื่องแรกที่คิลเลียนไม่ต้องมีถุงสวมหัว
ตอนแรกเราก็แซว ๆ ว่าที่ชอบให้เอาถุงครอบหัวเพราะคริสมี kink กับการอยากเห็นสายตาพยศของคิลเลียนตอนถูกถอดถุงครอบหัวออกแบบนี้ :
โจนาธาน เครน ใน The Dark Knight แต่ความจริง อย่างที่กล่าวไปในพาร์ท I. "BATMAN BEGINS" คนที่ไม่อยากให้สแกร์โครว์ใส่หน้ากากตั้งแต่เริ่มพัฒนาบทหนังแบทแมนก็คือ โนแลน และก็เป็นโนแลนอีกเช่นกันที่พยายามหาข้ออ้างให้สแกร์โครว์ได้ถอดหน้ากากอยู่ตลอดเวลา :
โนแลนรู้สึกว่าดวงตาของคิลเลียนมีเสน่ห์ดึงดูดใจมาก จนเขาคอยแต่จะหาข้ออ้างให้คิลเลียนต้องถอดหน้ากากสแกร์โครว์ออกอยู่ตลอดเวลาบางทีคริส โนแลนอาจจะแค่อยากเห็นดวงตาคู่นั้นในหนังของเขาอีกครั้ง
__________
III. "THE DARK KNIGHT RISES" (The Prove that Nolan really love filming those baby blue eyes) คือถ้า The Dark Knight ควรถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องความจำเป็นของบทสแกร์โครว์แล้ว The Dark Knight Rises นี่หนักเลยอะ บทผู้พิพากษาศาลเตี้ยก็อทแธมอะไรนี่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นโจนาธาน เครนก็ได้ นี่จะยกตัวอย่างสื่อที่พูดถึงความจำเจในการใช้สแกร์โครว์ของโนแลน :
ทางด้านคิลเลียน ช่วงมีข่าวลือว่าเขาจะได้กลับมารับบทสแกร์โครว์อีกครั้งในหนังปิดไตรภาคแบทแมนของโนแลนอย่าง The Dark Knight Rises ก็มีปฏิกิริยา(เขินอาย)ประมาณนี้
VIDEO
"ผมพูดถึงเรื่องแบทแมนไม่ได้หรอก... ผมไม่อยากทำให้เกิดข่าวลือหรือการคาดการณ์อะไร ผมคิดว่าตัวหนังมันดีอยู่แล้วด้วยตัวเอง(ประมาณว่ามีหรือไม่มีเขาก็ตาม) มันจะต้องออกมายอดเยี่ยม"
ถาม: หนังกำลังถ่ายอยู่ใช่ไหม คิลเลียน: ใช่ถาม: แล้วตกลงคุณได้ถ่ายอยู่ด้วยมั้ยตอนนี้คิลเลียน: ยังไงก็ตาม In Time น่ะ... (พอดีนี่เป็นสัมภาษณ์ในช่วงโปรโมทหนังเรื่อง In Time)
คนสัมภาษณ์พยายามจี้เอาให้ได้ สุดท้ายเลย...
คิลเลียน: "หนังจะต้องออกมาสุดยอดมาก ๆ (--ใช้คำว่า 'Extraordinary') แน่นอน โอเคนะ..." ถาม: คุณรู้ได้ไง?คิลเลียน: เพราะมันคือสิ่งที่คริส โนแลน ทำ... หนังที่สุดยอดน่ะ ('Extraordinary Film') ถาม: คริสเป็นยังไงบ้าง?คิลเลียน: ล่าสุดที่เจอเขาก็สบายดี...ถาม: ซึ่งก็คือเมื่อ...? (นี่ก็พยายามจี้ให้หลุดออกมาว่าเจอที่กองถ่าย 555) คิลเลียน: ผมจะไม่หลุดปากอะไรทั้งนั้นแหละ... *หัวเราะเขิน*
แล้วสุดท้าย คิลเลียนก็ได้ไปอยู่ใน The Dark Knight Rises เป็นตัวร้ายครบ 3 ภาค #งืม
(ตายมั้ยล่ะตอนถ่ายช็อตนี้น่ะ)
คริสโตเฟอร์ โนแลน ถ่ายฉากโจนาธาน เครน นั่งบัลลังก์พิพากษา ใน The Dark Knight Rises
"ถอยไป ดวงตาคู่นี้ผมขอโคลสอัพเอง..." (คริส โนแลน, ไม่ได้กล่าวไว้)บางทีคริส โนแลนอาจจะแค่เสพติดการมองนัยน์ตาสีฟ้าสวยคู่นั้นผ่านเลนส์กล้องก็เป็นได้
__________
IV. "INCEPTION" (The Development of Trust between Director and Actor) *หมายเหตุ ถ้าเรียงตามลำดับเวลา Inception เป็นการร่วมงานกันของคริสและคิลเลียนเรื่องที่ 3 แต่ ณ ที่นี้ เรียง The Dark Knight Trilogy ไว้ด้วยกันก่อน เพื่อความต่อเนื่อง
คิลเลียน เมอร์ฟี ในบท โรเบิร์ต ฟิชเชอร์ เป้าหมายของภารกิจปลูกถ่ายความคิดใน Inception (2010)
คิลเลียนคุยกับคริสว่าเขาควรรับบทเป็นใครใน Inception ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าคือ "ฟิชเชอร์"
"เขาไม่ได้บอกว่า 'เลือกบทไหนก็ได้ที่คุณอยากเล่น' หรอกนะ" เมอร์ฟีอธิบาย ผมไม่ได้จะไปขโมยบทของลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ แต่[คริส โนแลน] บอกว่า 'ผมคิดว่าคุณน่าจะเหมาะกับบทนี้... แล้วคุณคิดยังไง' และเราเห็นตรงกัน มันแปลกใหม่สำหรับผม เป็นคาร์แร็กเตอร์ที่ผมไม่เคยเล่นมาก่อน
ในบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร Total Film คิลเลียน เมอร์ฟีเปิดเผยว่า เขาได้พบปะพูดคุยกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ราวปีก่อนและได้ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการอ่านบท Inception เพื่อจะดูว่าตัวละครไหนที่เขารู้สึกว่าเหมาะกับตัวเองที่สุด ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าคิลเลียนเหมาะที่จะเป็น ฟิชเชอร์ ตัวละครที่เป็นจุดศูนย์กลางของเนื้อเรื่อง และเป้าหมายของการโจรกรรมฝัน
คริสโตเฟอร์ โนแลนกำลังกำกับคิลเลียน เมอร์ฟีและลีโอนาร์โด ดิคาปริโอในกองถ่าย Inception (2010)
Note: ชอบความสัมพันธ์(เรื่องงาน)ของคริส โนแลนกับคิลเลียน เมอร์ฟีตรงนี้นะ ทั้งคู่ดูพอใจกับการทำงานร่วมกันมากๆ แบบเป็นคู่คิดกันได้ ไว้ใจกัน และทำงานเข้าขากันโดยสัญชาตญาณ
คิลเลียนจะย้ำเสมอในการตอบสัมภาษณ์ต่าง ๆ (ไปสุ่มหาได้ เจอง่ายมาก ทุกสัมภาษณ์ของ Inception เลยมั้ง และเรื่องอื่นด้วย) ว่าคริสเป็นผู้กำกับที่ควบคุมทุกอย่างในกองและมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนมาก มั่นใจในสิ่งที่จะถ่ายทำมากก็จริง แต่ในการทำงานกับคริส คริสจะให้ความใกล้ชิด กับนักแสดงมากเช่นกัน แล้วก็ให้อิสระ นักแสดงในการออกความเห็น ปล่อยให้นักแสดงทดลอง เพิ่มเติมอะไรที่นอกเหนือจากในบทที่เขาเขียนไว้ เพื่อให้ฉากนั้น ๆ พัฒนาขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่นสัมภาษณ์เหล่านี้ก็ได้ : VIDEO
VIDEO
คิลเลียนพูดถึงการทำงานกับคริสอีกว่า
"เรารู้กันโดยสัญชาตญาณว่าจะทำงานด้วยกันยังไง และเราค้นพบเรื่องนั้นเร็วมาก มันพิเศษมากที่ได้ร่วมงานกับเขา"
"ผมเชื่อใจคริส " ที่คิลเลียนย้ำเสมออีกอย่างคือ ความเช่ือใจที่เขามีต่อคริสในการทำหนัง ย้ำบ่อยมาก ๆ เช่นกัน อย่างตอนอ่านบท Inception แล้วใคร ๆ ก็ไม่เข้าใจทั้งนั้นแหละว่าเนื้อเรื่องมันอะไรเนี่ย แต่คิลเลียนก็เชื่อใจคริสและเล่นให้ และย้ำตลอดว่า คริสคือหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ที่เก่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่
"ผมคิดว่าคริส โนแลน เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่เก่งที่สุดที่ยังทำหนังอยู่ในปัจจุบัน เขาเป็นหนึ่งในล้าน จริง ๆ"
คริสโตเฟอร์ โนแลนกับคิลเลียน เมอร์ฟี และทอม ฮาร์ดี ในกองถ่าย Inception (2010)
คริส โนแลนก็รู้สึกเช่นกันว่าคิลเลียน เมอร์ฟีเป็น "นักแสดงที่ดีที่สุด" ในเจเนอเรชั่นตัวเอง
ในบทสัมภาษณ์ของ Black Book ย้อนไปสมัย Inception ผู้รับบท ไซโตะ คู่แข่งทางธุรกิจที่มาจ้างให้ค็อบบ์ปลูกถ่ายความคิดฟิชเชอร์ ใน Inception อย่าง "เคน วาตานาเบ้" เคยอ้างถึงคำพูดคริส โนแลน
"เขาบอกว่า คิลเลียน ว่าคุณน่ะ เป็นนักแสดงที่ดีที่สุด ในคนเจเนอเรชั่นคุณเลย" คิลเลียน: (เขิน) "ผมว่าเขาก็คิดกับคุณแบบนั้นเช่นกัน" นี่ไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์อะไรนะ บทสัมภาษณ์เขาแกะมาแบบนี้ วงเล็บ embarrassed มาเลย ดูสิ ถถถ
ส่วนคริส โนแลนเองก็ยังคงชอบดวงตาของเขามาก...
"คิลเลียน เป็นคนมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อเขามีดวงตาที่จ้องมองคุณแล้วสามารถบอกเล่าเรื่องราวมากมาย เกี่ยวกับตัวละครที่เขาอยากถ่ายทอดให้กับผู้ชมได้ เขายังได้รับการชื่นชมน้อยกว่าที่ควรมาก ๆ และทุกครั้งที่ผมได้เขามาแสดง ผมปลื้มใจอย่างยิ่ง"
คริสโตเฟอร์ โนแลนกำกับคิลเลียน เมอร์ฟีในฉากไร้แรงโน้มถ่วงของ Inception (2010) ก็จะได้ภาพในหนังประมาณนี้...
อ้าว! ถือโอกาสโคลสอัพดวงตาคิลเลียนอีกแล้วนี่... หลงมากสินะคุณคริส
...
AND BY THE WAY
นี่ก็คือหนังอีกเรื่อง (นอกแฟรนไชส์ The Dark Knight) ที่คิลเลียน เมอร์ฟีต้องมีถุงคลุมหัว:
คิลเลียนในบทโรเบิร์ต ฟิชเชอร์ ได้รับการเปิดถุงคลุมหัวหลังจากถูกลักพาตัว(ในฝันสักชั้นนึงนี่ละ) จากเรื่อง Inception
__________
V. "DUNKIRK" (The Miracle of the Continuous Collaboration) ก่อนเข้าสาระ ขอไร้สาระต่อจากข้างบนนิดนึง เรื่องถุงคลุมหัวนั่นเอง อย่างที่บอกว่า
Dunkirk เป็นหนังของโนแลนเรื่องแรกที่คิลเลียน เมอร์ฟีไม่ต้องมีถุงคลุมหัว
ในการสัมภาษณ์โปรโมท Dunkirk ครั้งหนึ่ง คิลเลียนถูกถามว่า พอตกลงเล่นหนังของโนแลนแล้ว อะไรคือสิ่งหนึ่งที่การันตีได้ว่าเกิดขึ้นแน่นอน?
"โอ้... ปกติแล้วจะต้องมีถุงคลุมหัวผม แต่คราวนี้ไม่มี (หัวเราะ)" มาจากสัมภาษณ์นี้ ณ 1.00 เป็นต้นไป: VIDEO
ทางด้านคริส โนแลนก็พูดถึงเรื่องนี้ในรายการหนึ่งเหมือนกัน จริง ๆ พิธีกรถามถึงการแคสต์
ทอม ฮาร์ดี ให้แสดงโดยมีหน้ากากปิดหน้าเกือบหมดอีกแล้ว เหมือนตอนรับบท
"เบน" ใน The Dark Knight Rises แต่ตอนตอบเรื่องนี้ จู่ ๆ คริสก็นึกถึงและพูดถึงคิลเลียนขึ้นมาก่อนตอบเรื่องทอม
"คิลเลียน เมอร์ฟี ก็เหมือนกันนะ ตอนผมโทรไปหา
เขาถามด้วยว่า 'นี่ผมจะต้องมีถุงคลุมหัวอีกแล้วรึเปล่า?'
เพราะผมทำหนังมาสาม เรื่องแล้วที่มีถุงคลุมหัวเขา
ดังนั้น... (*คิดอีกที* ) ที่จริงสี่ เรื่อง"
จากรายการ Popcorn with Peter Travers ณ 14.53 ไป: VIDEO
ได้เปิดหน้าคิลเลียนดูตาสวย ๆ เพลินๆ ตลอดเรื่องสักที คุณคริสคงแฮปปี้แล้วนะ
คริสโตเฟอร์ โนแลนกับคิลเลียน เมอร์ฟีในกองถ่าย Dunkirk (2017) (กลับเข้าสาระกันดีกว่า)
คิลเลียน เมอร์ฟี ในบท Shivering Soldier จาก Dunkirk (2017) คริส โนแลนแคสต์คิลเลียนใน Dunkirk เพราะต้องการนักแสดงที่ 'ไว้ใจ' เขา สำหรับเรื่อง Dunkirk คริสบอกว่าคิลเลียนใจดีกับเขามาก เพราะเขาส่งบทหนังให้คิลเลียนโดยที่ตัวละคร Shivering Soldier ยังไม่เรียบร้อยดีเลยด้วยซ้ำไป และคิลเลียนก็ถามเรื่องนี้อย่างสุภาพ
"ผมบอกว่าผมเขียนตัวละครนี้ให้เสร็จตามสไตล์หนังฮอลลีวูดได้ แต่ผมอยากได้อะไรที่สมจริงมากกว่านั้น... ...ผมจึงต้องการนักแสดงที่จะตกลงรับบทนี้โดยไว้ใจผม และขึ้นไปบนเรือลำนั้น แล้วค่อยขบคิดกันต่อว่าจะเป็นยังไง" การช่วยกันขบคิด เรื่องตัวละครทหารสั่นของคิลเลียน เมอร์ฟีกับคริสโตเฟอร์ โนแลน "บนเรือลำนั้น" ในกองถ่าย Dunkirk ในเรื่องความไว้ใจนี้ หลังจากได้ Screenplay ของดันเคิร์กมา จึงมาเพิ่มเติมบทสัมภาษณ์พิเศษข้างในให้ เพราะมีส่วนที่คริส โนแลนพูดไว้อย่างละเอียด ดังนี้:(เกี่ยวกับประเด็นที่คนไม่ค่อยเข้าใจการตายของจอร์จ) โจนาธาน โนแลน: พวกเขาหวังว่ามันจะมีความหมายอะไรสักอย่าง
คริสโตเฟอร์ โนแลน: และมันไม่มี นั่นแหละประเด็น คิลเลียนกับฉันคุยกันอย่างละเอียดตอนที่ฉันขอให้เขารับบท Shivering Soldier บทมันยังไม่ค่อยจะเสร็จดีเลย...
...แต่ฉันขอให้เขาวางใจ ฉันขอให้เขาไว้ใจฉัน เราจะคิดหาทางลงให้ตัวละครนี้ด้วยกัน ...ฉันบอกเขาว่า ฉันรู้ว่าจะจัดการกับตัวละครนี้ยังไงตามแบบฮอลลีวูด แต่ฉันไม่อยากทำแบบนั้น ฉันยกตัวอย่างให้เขาเห็นได้ว่าเราจะทำให้ตัวละครนี้สมบูรณ์ได้ยังไง แต่สิ่งสำคัญคือไม่มีอะไรผิดหรือถูก มันเป็นแค่อุบัติเหตุ แค่เรื่องบัดซบมันเกิดขึ้นได้ เหตุการณ์ที่เราได้มาในตอนท้ายเลยกลายเป็นเรื่องน่าสนใจที่สุดจุดนึงของหนัง ตอนที่เขาถามว่าจอร์จจะโอเคไหม แล้วตัวละครของทอม กลินน์-คาร์นีย์ ผู้รับบทพีเทอร์บอกว่า โอเค ซึ่งเขาโกหก
ฉันไม่คิดว่านั่นอยู่ในบทที่คิลเลียนตกลงเล่นแต่แรกด้วยซ้ำ เขาต้องอาศัยความเชื่อใจอย่างสูง [ในการรับเล่นบทนี้] คือฉันต้องการเรื่องราวที่จะเข้ากับเนื้อหาทั้งหมดของหนัง และมันเข้ากับภาพรวมของเรื่อง เป็นวีรกรรมเล็กๆ คิดว่าพูดแบบนั้นได้นะ
โจนาธาน: ใช่
Note: ซึ่งอย่างที่บอกไปตั้งแต่พาร์ท
IV. "Inception" คิลเลียนก็บอกอยู่เสมอว่าเชื่อใจคริส ไม่ว่าคริสจะทำหนังอะไร ให้เล่นบทอะไรเขาก็พร้อมจะเล่นทั้งนั้นแหละ มันจึงเป็นการร่วมงานกันที่วิเศษมาก ๆ น่าชื่นชมยิ่งเพราะทั้งคู่ต่างรู้ใจไว้ใจกันและกัน เป็นคู่คิดได้ นี่สัมภาษณ์ช่วง Dunkirk ก็มีพูดอีกนะ
"ผมก็หวังอย่างนั้น [ว่าจะได้ร่วมงานกับคริสอีก] มันเป็นสิทธิพิเศษเสมอ
เราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาจะเป็นแนวไหน
แต่ถ้าเขาโทรมา ผมก็ยินดีจะรับเล่นทันที "
"การกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง มันคือการที่มุ่งไปที่งานได้ทันทีเลย ไม่ต้องพูดอะไรมาก และมันเป็นเรื่องของระดับความไว้ใจซึ่งผมมีให้คริส และผมหวังว่าเขาก็มีให้ผมเช่นเดียวกัน "
Note: ช่างเป็นความรัก ความสัมพันธ์ทางด้านการทำงานที่วิเศษอะไรเยี่ยงนี้
เรื่องราวของความมหัศจรรย์ในการกลับมาทำงานร่วมกันซ้ำแล้วซ้ำอีกของทั้งคู่ ยังมีประเด็นในส่วนของความท้าทาย หลังจากรู้จักกันและได้ทำงานด้วยกันมาในระยะเวลาสิบกว่าปี ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์ยังสดใหม่ก็คงเป็น "ความท้าทาย"
คริสรู้ว่าบทแบบไหนที่จะท้าทายคิลเลียน คิลเลียนถูกถามถึงความรู้สึกเมื่อคริสโทรมาเสนอบทให้เล่นใน Dunkirk และนี่คือคำตอบ: "เรารู้จักกันและกันดีพอจนเขารู้ว่าอะไรที่ผมสนใจ แล้วบทแบบไหนที่ผมจะตอบรับและมองว่าท้าทาย และเมื่อมันเป็นหนังของคริสโตเฟอร์ โนแลน มันจะต้องออกมาสุดยอดแน่ ๆ ...
... ผมรู้สึกว่ามันน่ารักมาก ที่เขาโทรมาอีกครั้ง และบทนี้... ผมประทับใจสุด ๆ"
เป็นอะไรที่สอดคล้องต้องตรงกันกับคำพูดของคริส โนแลนมาก ๆ
ประหนึ่งว่าความคิดของทั้งคู่ประสานกันเป็นใจเดียวไปแล้ว เพราะคริสก็พูดถึงการท้าทายความสามารถนักแสดงไว้ว่า
"เป็นเรื่องดีเสมอที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงที่มีพรสวรรค์ และทอมกับคิลเลียน ก็เก่งมาก ๆ แล้วก็สนุกด้วยละที่ได้ทำงานกับคนที่เราก่อร่างสร้างความสัมพันธ์กันมาร่วมหลายปี...
...เวลาทำงานกับคนที่มีพรสวรรค์มาก ๆ แบบนี้ คุณจะเห็นว่าเขาอาจทำอะไรได้บ้าง ทำให้อยากทำงานต่อไปกับเขาอีก และท้าทาย พวกเขาไปในทิศทางที่คิดว่าพวกเขาจะต้องทำได้ดี และการแสดงของทั้งคู่ใน Dunkirk ก็น่าพอใจมาก ผมซาบซึ้งมากที่ได้พวกเขามาร่วมงาน" จากสัมภาษณ์นี้ ณ 2.00 ไป VIDEO
และนั่นคือเรื่องราวความสัมพันธ์ของผู้กำกับและนักแสดงคู่หนึ่งซึ่งน่าประทับใจยิ่งนัก โดยชื่อบทความนี้ไม่ได้กาวเอง แต่เอามาจากพาดหัวของสื่อชิ้นหนึ่ง:
ซึ่ง "Blue-Eyed Nolan Regular" นี่รู้สึกว่าเหมาะมากกับการใช้เรียกคิลเลียน เมอร์ฟี ในฐานะของแม่ตาฟ้าขาประจำในหนังของคริส โนแลน
ก็คิลเลียนเริ่มต้นจากถูกแคสต์เพราะนัยน์ตาคู่สวยสีฟ้า พัฒนาจนกระทั่งกลายมาเป็นขาประจำในหนังแทบทุกเรื่องของโนแลน
กับความสัมพันธ์ยาวนานสิบกว่าปีของผู้กำกับคนหนึ่งซึ่งจำได้ขึ้นใจว่า...
"รู้จักเขา มาตั้งแต่เขายังไม่มีลูก จนตอนนี้เขามีลูกอายุ 12 ขวบแล้ว..."
และ... การมีตัวตนของเขาก็ช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน
ทางฝั่งนักแสดงแม้จำไม่ได้เป๊ะๆ ว่ารู้จักกับคุณผู้กำกับมากี่ปี แต่ก็นับเอาจากว่า...
"ผมเจอคริสตอนแบทแมนบีกินส์ ซึ่งเดาว่าประมาณ เอ่อ...ไม่รู้สิพิจารณาเอาจากจำนวนลูก ๆ ที่เรามี ในเวลาที่ผ่านมาก็เยอะ คงนานมากแล้ว และเขาก็ภักดีกับผมมาก..."
เผลอแป๊บเดียวก็หลงนัยน์ตาคู่นี้มาสิบสามปีแล้วเนอะ คุณคริสโตเฟอร์ โนแลน
__________
ปล. แอบฝากไว้นะคะ เผื่อว่าใครอ่าน fact แล้วจะอยากสูดกาว อ่าน fic
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเเน่นๆ เช่นนี้คะ (ดิฉันควรวางถุงกาวลง... อ้าว ขึ้นเรือมาเเล้ว)