เริ่มต้นทุกตอนของละครด้วยคำแรกของชื่อเรื่อง "Konto" หรือ コント มาจากคำว่า conte ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า เรื่องราวสั้นๆ, ละครสั้น, นิทาน ในภาษาญี่ปุ่นคำนี้มักใช้ในความหมายว่าเป็นละครสั้นในการแสดงตลกของนักแสดงตลก และคำเดียวกันนี้เองที่ใช้เริ่มการแสดงละครตลกของญี่ปุ่น
ฮารุโตะ (สุดะ มาซากิ),
จุนเป (นากาโนะ ไทกะ) และ
ชุนตะ (คามิกิ ริวโนะสุเกะ) คือสมาชิกของกลุ่มนักแสดงตลกขายไม่ออกชื่อ
“แมคเบส” (Makubes) พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนและจับพลัดจับผลูมาเป็นนักแสดงตลกด้วยกันยาวนานถึง 10 ปี แต่ทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่ดังสักทีจึงตัดสินใจยุบวง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เองที่
นากาฮามะ ริโฮะโกะ (อาริมุระ คาสุมิ) แฟนคลับตัวยงของแมคเบสซึ่งทำงานอยู่ร้านอาหารที่ทั้งสามมานั่งคิดมุกด้วยกันทุกสัปดาห์และน้องสาวของเธอ
สึมุกิ (ฟุรุคาวะ โคโตเนะ) ได้เข้ามาข้องเกี่ยวกับแมคเบส
ละครเรื่องนี้จึงเริ่มเล่าชีวิตของแมคเบสทั้งสามตั้งแต่จุดที่ตัดสินใจยุบวง ย้อนเวลาไปดูชีวิตของพวกเขาที่ผ่านมา พบปะผู้คนที่มีส่วนกับจุดเปลี่ยนหลากหลายในชีวิต
นัตสึมิ(โยชิเนะ เคียวโกะ) แฟนสาวของจุนเป,
อ.มาคาเบะ(ซูซูกิ โคสุเกะ) อาจารย์สมัยมัธยมของพวกเขา,
คุซุโนะกิ (นากามุระ โทโมยะ) ผู้จัดการวง, ครอครัวของพวกเขา และคนอื่นๆ
แล้วค่อยๆ นับถอยหลังไปสู่การแสดงปิดวงของแมคเบส
2
การเริ่มต้นเล่าเรื่องที่จุดจบความฝันของตัวละครหลักมักเป็นธีมที่เห็นบ่อยในละครญี่ปุ่น แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ส่วนใหญ่แนวทางของเรื่องและตัวละครมักเริ่มจากความพ่ายแพ้แล้วเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินไปถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในตอนท้ายของเรื่อง
แต่
อิโนะมาตะ ริวอิจิ ผู้กำกับ และ
คาเนโกะ ชิเงะกิ ผู้เขียนบทไม่ทำอย่างนั้น
พวกเขาเริ่มต้น Konto ga Hajimaru ด้วยความพ่ายแพ้ ก่อนพาเราย้อนไปรู้จักคนกลุ่มนี้และคนรอบข้าง สำรวจความพยายามผ่านระยะเวลาตลอด 10ปี คุ้ยปมความรู้สึกของแต่ละคน ความกังวลในจิตใจที่ก่อร่างขึ้น เพื่อนร่วมทางผู้เป็นทั้งความอุ่นใจและแรงผลักดัน แล้วพาตัวละครและคนดูอย่างพวกเราไปสู่ความไม่แน่นอนในบทใหม่ของชีวิต
หากพิจารณาดูงานเขียนบทเรื่องก่อนๆ ของคาเนโกะ ชิเงะกิ อย่าง Ore no Hanashi wa Nagai (2019), Summer Nude (2013), Hachimitsu to Clover (2008) จะเห็นว่าเขาค่อนข้างเก่งในการเล่าเรื่องแนว Slice of Life ของชีวิตคนล้มเหลวหรือพยายามทำอะไรสักอย่างได้อย่างเรียบง่ายจับใจ ส่วนงานอย่าง Boku, Unmei no Hito desu (2017), Sekai Ichi Muzukashii Koi (2016), Kyou wa Kaisha Yasumimasu (2014) และ Proposal Daisakusen (2007) จะเห็นจังหวะอารมณ์ขันและความพอดิบพอดีของการเล่าเรื่องที่ไม่ดูพยายามมากจนเกินไปนัก
และดูเหมือนว่าเขาเขียน Konto ga Hajimaru ออกมาโดยเอาข้อดีของทุกเรื่องมาผสมกันได้อย่างลงตัว ส่วนผู้กำกับอิโนะมาตะใช้ประโยชน์จากความเป็นธรรมชาติและฝีมืออันยอดเยี่ยมของนักแสดงในทุกจังหวะได้อย่างเต็มที่จนน่าชื่นชม
นอกจากนี้การเปลี่ยนจังหวะอารมณ์ขันเป็นน้ำตาแตกในเสี้ยววินาทีผ่านการถ่ายทอดที่ไม่พยายามบีบคั้นอารมณ์คนดูแต่ปล่อยให้พรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของละครเรื่องนี้ มันทำให้ละครพูดถึงความเจ็บปวดออกมาอย่างไม่ฟูมฟาย ไม่หนักหน่วง ขณะเดียวกันก็ไม่บางเบาจนไร้ความรู้สึกร่วม ในทางกลับกันยิ่งทำให้ใจเราวูบไหวไปด้วยได้อย่างง่ายดาย
3
"ไม่รู้เพราะฉันพยายามแล้วมันแย่หรือวิธีการพยายามของฉันมันผิด จริงๆตอนนี้ฉันก็ยังกลัวความพยายามเลยปล่อยๆไปบ้าง ฉันกลัวว่าพยายามแล้วจะเจ็บปวด...
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องกดความรู้สึกตั้งใจพยายามเอาไว้ ฉันไม่เคยเลือกเส้นทางที่ไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ..." -นากาฮามะ ริโฮะโกะEp.3
ในขณะที่พื้นที่สื่อหลายรูปแบบเลือกฉายสปอตไลท์ไปยังเหล่าผู้คนที่ประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะในชีวิต Konto ga Hajimaru คือละครที่ทำในสิ่งตรงกันข้าม มันสาดแสงไฟไปยังกลุ่มนักกีฬาชีวิตผู้พ่ายแพ้ ถูกหลอกลวง ถูกทำร้าย เดินไปไม่ถึงฝันอย่างที่ตั้งใจ
ให้พื้นที่พวกเขาได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของคนที่ถูกตราหน้าว่าทำอะไรไม่สำเร็จ
จากสายตาที่มองเข้าไปโดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง...พวกเขาพ่ายแพ้และล้มเหลว
ในสายตาของพวกเขาที่ต่อสู้มาโดยตลอดเป็นอย่างที่ริโฮะโกะพูด...พวกเขาพยายามมากมาตลอด
พวกเขาไร้พรสวรรค์? ไร้โอกาส? ไร้ความพยายาม? หรืออะไรกันแน่?
แมคเบสกับระยะเวลา 10 ปีในฐานะกลุ่มนักแสดงตลกขายไม่ออกและสุดท้ายต้องเลิกรา
ไม่น่าแปลกหากจะมีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวว่า...ทุกอย่างที่ทำมา เวลาที่เสียไป มันสูญเปล่าหรือไม่?
"พวกที่ทำมาเป็น 10 ปีแล้วไม่ดังนี่มันมีความเป็นไปได้อะไรเหรอครับ?" คือคำถามที่ฮารุโตะถามผู้จัดการของพวกเขาและได้รับคำตอบว่า
"พวกที่ดังได้ตอนนี้น่ะคือพวกที่อดทนต่อไปจากจุดที่ไม่ไหวแล้วทั้งนั้น เพราะงั้นตอนนี้คือจุดที่ต้องอดทน"
ฮารุโตะและเพื่อนๆ ในแมคเบสไม่ใช่คนไม่อดทน ระยะเวลายาวนานในฐานะแมคเบสพิสูจน์สิ่งนั้นแล้ว
แต่มันจริงอย่างที่ผู้จัดการบอกแน่หรือ ในเมื่อแทบทุกเรื่องมีคนล้มมากกว่าคนที่ยืนหยัดเดินต่อไปได้จนถึงจุดที่อยากไป และไม่มีใครการันตีได้เลยว่าปลายทางความอดทนและความพยายามนั้นจะได้รับการตอบแทน
ทว่า ความพยายามที่ไม่ได้รับผลตอบแทนย่อมไม่ใช่ความพยายามที่สูญเปล่าเสมอไป
"ฉันว่ามันก็มีความพยายามที่ถึงจะไม่เห็นผลในทันที แต่มีผลตอบแทนที่ตามมาทีหลังเหมือนกันนะคะ"
ริโฮะโกะที่เพิ่งได้รับคำตอบบางอย่างในชีวิตตัวเองตอบฮารุโตะเมื่อเขาถามเธอถึงผลตอบแทนจากความพยายาม
สิ่งตอบแทนจากความพยายามอาจไม่ใช่ความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ความยิ่งใหญ่ รวมถึงไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคาดหวัง
มันอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่สุดเลยก็ได้
4
"คนที่พ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลวนี่" ชุนตะบอกลูกชายตัวน้อยของอาจารย์มาคาเบะ
ฮารุโตะ, จุนเป และชุนตะ ในฐานะแมคเบสอาจพ่ายแพ้การแข่งขันเพื่อก้าวสู่การเป็นคณะตลกมีชื่อ แต่พวกเขาไม่ได้ล้มเหลวในฐานะคณะตลกเสียทีเดียว
เพราะเมื่อริโฮะโกะถ่ายทอดความรู้สึกของเธอในฐานะแฟนคลับและเอ่ยคำขอบคุณ
แมคเบสช่วยดึงใจริโฮะโกะในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในชีวิตไว้ ช่วยให้เธอมีรอยยิ้ม มีแรงใช้ชีวิต มีคุณค่าและถือเป็นความสำเร็จของแมคเบสในฐานะคณะตลกแล้ว
และความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีฮิโระโกะในฐานะแฟนคลับเช่นกัน
ผู้สร้างงานในสายผลิตและผู้เสพงานจึงเป็น "แรง" ของกันและกันอย่างแยกไม่ออก
อย่างที่ตัวละครหนึ่งเอ่ย... แมคเบสขายไม่ออกหรอก แต่พวกเขาเป็นที่รัก
และดูเหมือนว่านั่นก็เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว
นอกจากนี้ท่ามกลางเรื่องหนักหนามากมายตลอด 10 ปีในฐานะแมคเบสไม่ได้มีแค่ความทุกข์เพียงอย่างเดียว
เวลาที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมทางมีคุณค่ามากมาย และสิ่งละอันพันละน้อยอย่าง เมลอนโซดา ราเมง มาโบโทฟู สปาเก็ตตี้มีทซอส ตัวเลขสามตัว เป่ายิ้งฉุบ ตู้เย็น และอื่นๆ อะไรต่างๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญเหล่านี้กลับเชื่อมต่ออย่างเหนียวแน่นกับปัจจุบันและอนาคตที่กำลังจะมาถึง
ชีวิตของพวกเขาจึงไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อแมคเบสสิ้นสุด
พวกเขาอาจแค่จบการแสดงชุดหนึ่งเพื่อเริ่มการแสดงชุดใหม่ก็ได้
และแท้จริงชีวิตของแมคเบสทั้งสามคนอาจไม่ต่างกับละครสั้นที่มีส่วนผสมจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นเพื่อเดินเรื่องในตอนต่อไป และต่อไปเรื่อยๆ
5
ท้ายที่สุดชีวิตคือตัวต่อของปาฏิหาริย์เล็กๆ
ล่ะมั้ง?
.
.
.
เอาล่ะ
.
.
.
"คอนโตะ..."
มีน เกวลิน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in