เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ญี่ปุ่นผ่านสายตา | Japanese Media Through My EyesMeen Geywalin
Konto ga Hajimaru : ละครชีวิตของผู้แพ้
  • *บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาละครบางส่วน

         "คอนโตะ…"

    1
         ละครเรื่อง コントが始まる (Konto ga Hajimaru) เริ่มต้นทุกตอนของละครด้วยคำแรกของชื่อเรื่อง "Konto" หรือ コント มาจากคำว่า conte ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า เรื่องราวสั้นๆ, ละครสั้น, นิทาน ในภาษาญี่ปุ่นคำนี้มักใช้ในความหมายว่าเป็นละครสั้นในการแสดงตลกของนักแสดงตลก และคำเดียวกันนี้เองที่ใช้เริ่มการแสดงละครตลกของญี่ปุ่น

         ใช่ค่ะ ละครเรื่อง Konto ga Hajimaru เป็นละครเกี่ยวกับ "นักแสดงตลก" ค่ะ


         ฮารุโตะ (สุดะ มาซากิ), จุนเป (นากาโนะ ไทกะ) และชุนตะ (คามิกิ ริวโนะสุเกะ) คือสมาชิกของกลุ่มนักแสดงตลกขายไม่ออกชื่อ “แมคเบส” (​Makubes) พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนและจับพลัดจับผลูมาเป็นนักแสดงตลกด้วยกันยาวนานถึง 10 ปี แต่ทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่ดังสักทีจึงตัดสินใจยุบวง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เองที่ นากาฮามะ ริโฮะโกะ (อาริมุระ คาสุมิ) แฟนคลับตัวยงของแมคเบสซึ่งทำงานอยู่ร้านอาหารที่ทั้งสามมานั่งคิดมุกด้วยกันทุกสัปดาห์และน้องสาวของเธอ สึมุกิ (ฟุรุคาวะ โคโตเนะ) ได้เข้ามาข้องเกี่ยวกับแมคเบส
         ละครเรื่องนี้จึงเริ่มเล่าชีวิตของแมคเบสทั้งสามตั้งแต่จุดที่ตัดสินใจยุบวง ย้อนเวลาไปดูชีวิตของพวกเขาที่ผ่านมา พบปะผู้คนที่มีส่วนกับจุดเปลี่ยนหลากหลายในชีวิต นัตสึมิ(โยชิเนะ เคียวโกะ) แฟนสาวของจุนเป, อ.มาคาเบะ(ซูซูกิ โคสุเกะ) อาจารย์สมัยมัธยมของพวกเขา, คุซุโนะกิ (นากามุระ โทโมยะ) ผู้จัดการวง, ครอครัวของพวกเขา และคนอื่นๆ
         แล้วค่อยๆ นับถอยหลังไปสู่การแสดงปิดวงของแมคเบส

    2
         การเริ่มต้นเล่าเรื่องที่จุดจบความฝันของตัวละครหลักมักเป็นธีมที่เห็นบ่อยในละครญี่ปุ่น แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ส่วนใหญ่แนวทางของเรื่องและตัวละครมักเริ่มจากความพ่ายแพ้แล้วเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินไปถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในตอนท้ายของเรื่อง
         แต่ อิโนะมาตะ ริวอิจิ ผู้กำกับ และ คาเนโกะ ชิเงะกิ ผู้เขียนบทไม่ทำอย่างนั้น

         พวกเขาเริ่มต้น Konto ga Hajimaru ด้วยความพ่ายแพ้ ก่อนพาเราย้อนไปรู้จักคนกลุ่มนี้และคนรอบข้าง สำรวจความพยายามผ่านระยะเวลาตลอด 10ปี คุ้ยปมความรู้สึกของแต่ละคน ความกังวลในจิตใจที่ก่อร่างขึ้น เพื่อนร่วมทางผู้เป็นทั้งความอุ่นใจและแรงผลักดัน แล้วพาตัวละครและคนดูอย่างพวกเราไปสู่ความไม่แน่นอนในบทใหม่ของชีวิต


         หากพิจารณาดูงานเขียนบทเรื่องก่อนๆ ของคาเนโกะ ชิเงะกิ อย่าง Ore no Hanashi wa Nagai (2019), Summer Nude (2013), Hachimitsu to Clover (2008) จะเห็นว่าเขาค่อนข้างเก่งในการเล่าเรื่องแนว Slice of Life ของชีวิตคนล้มเหลวหรือพยายามทำอะไรสักอย่างได้อย่างเรียบง่ายจับใจ ส่วนงานอย่าง Boku, Unmei no Hito desu (2017), Sekai Ichi Muzukashii Koi (2016), Kyou wa Kaisha Yasumimasu (2014) และ Proposal Daisakusen (2007) จะเห็นจังหวะอารมณ์ขันและความพอดิบพอดีของการเล่าเรื่องที่ไม่ดูพยายามมากจนเกินไปนัก
         และดูเหมือนว่าเขาเขียน Konto ga Hajimaru ออกมาโดยเอาข้อดีของทุกเรื่องมาผสมกันได้อย่างลงตัว ส่วนผู้กำกับอิโนะมาตะใช้ประโยชน์จากความเป็นธรรมชาติและฝีมืออันยอดเยี่ยมของนักแสดงในทุกจังหวะได้อย่างเต็มที่จนน่าชื่นชม


         นอกจากนี้การเปลี่ยนจังหวะอารมณ์ขันเป็นน้ำตาแตกในเสี้ยววินาทีผ่านการถ่ายทอดที่ไม่พยายามบีบคั้นอารมณ์คนดูแต่ปล่อยให้พรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของละครเรื่องนี้ มันทำให้ละครพูดถึงความเจ็บปวดออกมาอย่างไม่ฟูมฟาย ไม่หนักหน่วง ขณะเดียวกันก็ไม่บางเบาจนไร้ความรู้สึกร่วม ในทางกลับกันยิ่งทำให้ใจเราวูบไหวไปด้วยได้อย่างง่ายดาย

    3
         "ไม่รู้เพราะฉันพยายามแล้วมันแย่หรือวิธีการพยายามของฉันมันผิด จริงๆตอนนี้ฉันก็ยังกลัวความพยายามเลยปล่อยๆไปบ้าง ฉันกลัวว่าพยายามแล้วจะเจ็บปวด...
         ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องกดความรู้สึกตั้งใจพยายามเอาไว้ ฉันไม่เคยเลือกเส้นทางที่ไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ..." -นากาฮามะ ริโฮะโกะEp.3


         ในขณะที่พื้นที่สื่อหลายรูปแบบเลือกฉายสปอตไลท์ไปยังเหล่าผู้คนที่ประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะในชีวิต Konto ga Hajimaru คือละครที่ทำในสิ่งตรงกันข้าม มันสาดแสงไฟไปยังกลุ่มนักกีฬาชีวิตผู้พ่ายแพ้ ถูกหลอกลวง ถูกทำร้าย เดินไปไม่ถึงฝันอย่างที่ตั้งใจ
         ให้พื้นที่พวกเขาได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของคนที่ถูกตราหน้าว่าทำอะไรไม่สำเร็จ

         จากสายตาที่มองเข้าไปโดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง...พวกเขาพ่ายแพ้และล้มเหลว
         ในสายตาของพวกเขาที่ต่อสู้มาโดยตลอดเป็นอย่างที่ริโฮะโกะพูด...พวกเขาพยายามมากมาตลอด

         พวกเขาไร้พรสวรรค์? ไร้โอกาส? ไร้ความพยายาม? หรืออะไรกันแน่?
         แมคเบสกับระยะเวลา 10 ปีในฐานะกลุ่มนักแสดงตลกขายไม่ออกและสุดท้ายต้องเลิกรา
         ไม่น่าแปลกหากจะมีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวว่า...ทุกอย่างที่ทำมา เวลาที่เสียไป มันสูญเปล่าหรือไม่?

         "พวกที่ทำมาเป็น 10 ปีแล้วไม่ดังนี่มันมีความเป็นไปได้อะไรเหรอครับ?" คือคำถามที่ฮารุโตะถามผู้จัดการของพวกเขาและได้รับคำตอบว่า
         "พวกที่ดังได้ตอนนี้น่ะคือพวกที่อดทนต่อไปจากจุดที่ไม่ไหวแล้วทั้งนั้น เพราะงั้นตอนนี้คือจุดที่ต้องอดทน"


         ฮารุโตะและเพื่อนๆ ในแมคเบสไม่ใช่คนไม่อดทน ระยะเวลายาวนานในฐานะแมคเบสพิสูจน์สิ่งนั้นแล้ว
         แต่มันจริงอย่างที่ผู้จัดการบอกแน่หรือ ในเมื่อแทบทุกเรื่องมีคนล้มมากกว่าคนที่ยืนหยัดเดินต่อไปได้จนถึงจุดที่อยากไป และไม่มีใครการันตีได้เลยว่าปลายทางความอดทนและความพยายามนั้นจะได้รับการตอบแทน

         ทว่า ความพยายามที่ไม่ได้รับผลตอบแทนย่อมไม่ใช่ความพยายามที่สูญเปล่าเสมอไป

         "ฉันว่ามันก็มีความพยายามที่ถึงจะไม่เห็นผลในทันที แต่มีผลตอบแทนที่ตามมาทีหลังเหมือนกันนะคะ"
         ริโฮะโกะที่เพิ่งได้รับคำตอบบางอย่างในชีวิตตัวเองตอบฮารุโตะเมื่อเขาถามเธอถึงผลตอบแทนจากความพยายาม

         สิ่งตอบแทนจากความพยายามอาจไม่ใช่ความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ความยิ่งใหญ่ รวมถึงไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคาดหวัง
         มันอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่สุดเลยก็ได้

    4
         "คนที่พ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลวนี่" ชุนตะบอกลูกชายตัวน้อยของอาจารย์มาคาเบะ


         ฮารุโตะ, จุนเป และชุนตะ ในฐานะแมคเบสอาจพ่ายแพ้การแข่งขันเพื่อก้าวสู่การเป็นคณะตลกมีชื่อ แต่พวกเขาไม่ได้ล้มเหลวในฐานะคณะตลกเสียทีเดียว

         เพราะเมื่อริโฮะโกะถ่ายทอดความรู้สึกของเธอในฐานะแฟนคลับและเอ่ยคำขอบคุณ
         แมคเบสช่วยดึงใจริโฮะโกะในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในชีวิตไว้ ช่วยให้เธอมีรอยยิ้ม มีแรงใช้ชีวิต มีคุณค่าและถือเป็นความสำเร็จของแมคเบสในฐานะคณะตลกแล้ว
         และความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีฮิโระโกะในฐานะแฟนคลับเช่นกัน

         ผู้สร้างงานในสายผลิตและผู้เสพงานจึงเป็น "แรง" ของกันและกันอย่างแยกไม่ออก

         อย่างที่ตัวละครหนึ่งเอ่ย... แมคเบสขายไม่ออกหรอก แต่พวกเขาเป็นที่รัก
         และดูเหมือนว่านั่นก็เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว


         นอกจากนี้ท่ามกลางเรื่องหนักหนามากมายตลอด 10 ปีในฐานะแมคเบสไม่ได้มีแค่ความทุกข์เพียงอย่างเดียว
         เวลาที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมทางมีคุณค่ามากมาย และสิ่งละอันพันละน้อยอย่าง เมลอนโซดา ราเมง มาโบโทฟู สปาเก็ตตี้มีทซอส ตัวเลขสามตัว เป่ายิ้งฉุบ ตู้เย็น และอื่นๆ อะไรต่างๆ ที่ดูไม่สลักสำคัญเหล่านี้กลับเชื่อมต่ออย่างเหนียวแน่นกับปัจจุบันและอนาคตที่กำลังจะมาถึง



         ชีวิตของพวกเขาจึงไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อแมคเบสสิ้นสุด
         พวกเขาอาจแค่จบการแสดงชุดหนึ่งเพื่อเริ่มการแสดงชุดใหม่ก็ได้
         และแท้จริงชีวิตของแมคเบสทั้งสามคนอาจไม่ต่างกับละครสั้น​ที่มีส่วนผสมจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นเพื่อเดินเรื่องในตอนต่อไป​ และต่อไปเรื่อยๆ

    5
         ท้ายที่สุดชีวิตคือตัวต่อของปาฏิหาริย์เล็กๆ
         ล่ะมั้ง?
    .
    .
    .
         เอาล่ะ
    .
    .
    .
         "คอนโตะ..."



    มีน เกวลิน.



    ภาพจาก Official Website : https://www.ntv.co.jp/c

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in