เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dear, DiaryYour writer
Review : Kingdom Legendary War 100 Seconds Performances
  • ADVERTISEMENT


    จากคอนเทนต์ที่แล้ว สำหรับ The Boyz ผู้ชนะจากซีซั่น 2 จะได้ตั๋ว fast pass เข้าสู่ ซีซั่น 3 Kingdom Legendary War ซึ่งในซีซั่นนี้ เรียกได้ว่า ระดับความตึงเครียดของการแข่งขันแตกต่างกับซีซั่นก่อน อย่างชัดเจน เรามอง Road to Kingdom เหมือนวัยรุ่นสร้างตัวมาแข่งกัน ในขณะที่ Kingdom ซีซั่นนี้ เป็นวงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอตัวมาแข่งกันแล้ว แม้มักเน่อย่าง ATEEZ ก็ไม่ได้นูกูขนาด TOO น้องเล็กในซีซั่นก่อนหน้า

    ขอเริ่มที่ IKON ซึ่งเป็นตัวเต็งอันดับ 1 ในการแข่งขันครั้งนี้

    สิ่งที่เห็นได้ชัดเลย คือ IKON ผ่อนคลายกว่าวงอื่นๆมาก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ IKON ผ่าน survival มาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน และถ้ารวม Show Me The Money 3 เข้าไปก็จะเป็น 5 ครั้งสำหรับBobby โดยในบรรดาเมมเบอร์ทั้งหมด Bobby ก็ดูเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุด แต่เรื่องเหล่านี้กลับไม่มีสาระสำคัญเท่าตอนที่ได้ฟังสัมภาษณ์ เรารู้สึกประทับใจนะที่ IKON ไม่ประมาทและไม่ได้แสดงความเย่อหยิ่งหรือมั่นใจจนเกินไปออกมา (ซึ่งขอขยายความในพาร์ทของ The Boyz ต่อไป)


    สำหรับ EP.1 Stage 100 sec. นั้น IKON แสดงความเป็น IKON และ YG ออกมาได้ชัดเจนมากๆ เราคิดว่า การเลือกเพลง Rhytm Ta มาแสดงนั้นเป็น choice ที่ถูกต้องมาก ใครๆก็รู้จักเพลงนี้ เป็นเพลงที่สนุกไปด้วยกันได้ไม่ยาก แถมการที่ Bobby เต้นไปยิ้มไปเป็นอะไรที่น่ารักมากจนต้องยิ้มตามเลยค่ะ 

    นอกจากนี้ ยังมีจังหวะจบการแสดงที่ Bobby ผงกหัวขึ้นมาดูว่า จบหรือยัง? ก็เป็นอะไรที่น่ารักอีกแล้ว #วันนี้ใช้คำว่า น่ารัก กับ คิมบาบี ไปอย่างสิ้นเปลืองมากเลยนะคะ

    แต่จนแล้วจนรอด IKON ก็ตกม้าตาย (ในใจของเรา) เพราะ การลิปซิง ซึ่งเราไม่แน่ใจว่า ทางรายการกำหนดหรือไม่ว่า ต้องร้องสดในการแสดง แต่เาเป็นพวกประทับใจกับวงที่ร้องสดแล้วเสียงดีจังเลย อะไรแบบนั้นค่ะ ซึ่งในการแสดงนี้ บางจังหวะจะเห็นได้เลยว่า IKON ลืมขยับปากให้ตรงเสียงร้องด้วยซ้ำ จริงๆเราก็ไม่แปลกใจนะ เพราะ ก็ YG นี่เนอะ ตอนเราไปคอน GD ก็เน้นเอาสนุก ไม่ได้เน้นร้องสดเช่นเดียวกัน

    มาถึงไอดอลอายุ 10 ปี since 2012 อย่าง BTOB

    ตอนเห็นครั้งแรกว่า BTOB จะมาแข่ง Kingdom เรารู้สึกว่า อี CUBE เป็นอะไร ทำไมBTOB จะต้องมาแข่ง survival อ่ะ แต่ความคิดของเราก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ฟังการสัมภาษณ์

    นี่เป็น Survival ครั้งแรกของไอดอลสายวไรตี้อย่างBTOB ค่ะ โดย BTOB มีจุดแข็งอยู่ที่ความสามารถในการร้องเพลงและหากเป็นการขึ้นสเตจร้องสดแล้ว ถือว่ากินขาดทุกทีมในรายการ ขนาดแรปเปอร์อย่างมินฮยอกอปป้าก็ยังร้องเพลงเพราะเลยค่ะ 5555


    สถานการณ์ของ BTOB เองก็ไม่ได้ดีไปกว่า IKON ที่ขาดฮันบินไปเท่าไรนัก อาจจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะ ขาดฮยองชิกที่เป็นเสียงร้องหลักและproducer รวมถึงเสียงซับอย่างซองแจที่กำลังรับใช้ชาติอยู่ในกรม แลเมนแรปอย่างอิลฮุนไป ทำให้น่าจะตลอดทั้งรายการ มินฮยอกอปป้าจะต้องรับบทร้องหนักขึ้น แต่ก็ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่รู้สึกผิดหวังเลยค่ะ ตอนที่สเตจ 100 sec ของ BTOB จบเราน้ำตาไหลเลย น้ำตาไหลจริงๆ เราแอบคิดภาพไม่ออกเหมือนกันนะว่า BTOB จะทำสเตจออกมาในรูปแบบไหน เพราะ จากซีซั่นที่แล้ว แทบจะเป็น musical & circus กันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ BTOB ทำออกมา มัน คือ BTOB นั่นแหละ ไม่ต้องมากมายอะไรเลย แค่เขาร้องเพลงแบบนี้ เราก็แฮปปี้มากๆแล้ว และreaction ของเด็กๆในรายการก็อยู่ในระดับที่ดีเลยค่ะ

    อย่างไรก็ตาม เราในฐานะ Melody ก็ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องคะแนนจาก Global Vote เพราะ คิดว่าจะเป็นสนามที่ BTOB เสียเปรียบอยู่มาก แต่ก็คิดว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนค่ะ เสียงร้องของ BTOB จะไม่ทรยศพวกเขาอย่างแน่นอน! #มินฮยอกอปป้าไฟท์ติ้ง!
    เสียใจมากๆที่ตัดสินใจไม่กดบัตรคอนในวันนั้น

    สำหรับวงที่จัดว่าเป็นรุ่นพี่อย่าง IKON และ BTOB แม้จะมีประสบการณ์มากกว่า แต่ก็ขาดเมมเบอร์คนสำคัญไป #ฉากที่เบลอหน้าฮันบินกับอิลฮุนบอกเลยว่า ใจเจ็บอ่ะ ฮือ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทั้งสองวงมีเหมือนกัน คือ ทีมเวิร์คที่ดีมากๆ และมีฐานแฟนคลับที่เราคิดว่า มี royalty มากในระดับหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองวงไม่จำเป็นต้องออกมาเล่นกายกรรมหรือทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง แต่สิ่งที่ BTOB ทีเหนือกว่า IKON ใน ep นี้ คือ ความ nice ที่มีต่อรุ่นน้อง เราชอบความคิดที่ไม่ได้จะมาแข่งเพื่อชนะเพียงอย่างเดียวของ BTOB นะคะ และการที่อึนกวังพยายามผ่อนคลายบรรยกาศกับน้องๆก็เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลย แต่คิดไปคิดมา จะให้ IKON มาเล่นับเด็กๆแบบอึนกวังก็คงจะแปลกตาอยู่ค่ะ 5555 สุดท้าย เรื่องเล็กๆพวกนี้ มันก็เป็นเรื่องของความนิยมส่วนบุคคลนั่นแหละค่ะ

    วงที่ 3 ผู้ชนะจากซีซั่นก่อน The Boyz


    เราได้รู้จักกับ The Boyz อย่างเป็นทางการ #ถูกตกครั้งแรก จากการไปดูคอนรวมค่ะ ซึ่งความรู้สึกแรก คือ 'เห้ย หล่ออ่ะ' ทำไมคนหล่อเยอะจังเลยอ่ะ โดยเฉพาะ เจ้าชายปังที่ตอนนั้นขาเจ็บอยู่ คือ เราใช้คำว่า หล่อสิ้นเปลืองมาก แถมพอได้ดูวาไรตี้ของ The Boyz ก็ยิ่งรู้สึกชอบวงนี้มากขึ้น เป็นวงที่สนุก ให้ vibes เหมือนดู SJ เป็นบางที แต่หลังจากดู Road to Kingdom ไปเรื่อยๆความรู้สึกเหล่านี้กลับดร็อปลงเสียเฉยๆ และพอมาดู Kingdom Legendary of War ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสตูดิโอมาจะเห็นได้ว่า เหล่าด็อบจึมีความมั่นใจสูงมาก และจากคำพูดต่างๆ ทำให้เรารู้สึกว่า พวกเขาไม่เหมือนคนเดิมที่เราเคยรู้จัก ทำให้เราตัดใจที่จะไม่เชียร์เขาได้ง่ายมากเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม ในบรรดาทุกคน จะเห็นได้ว่า เจ้าชายปังดูจะเงียบเป็นพิเศษ (แม้ปกติจะไม่ได้พูดมากอยู่แล้ว) ดูมีความกังวลอยู่พอสมควรเลยค่ะ

    The Boyz สร้างความ wow ทางด้าน performance มาตลอดตั้งแต่ซีซั่นก่อน จนบางครั้งก็อดเป็นห่วงร่างกายของเมมเบอร์ไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็มีบางอารมณ์ที่อยากให้ The Boyz ทำอย่างอื่นนอกจากกายกรรมเปียงยางเสียที ดูมากๆมันก็เอียนนะคะ มันทำให้คนอาจจะหลงลืมไปแล้วว่า เด็กๆพวกนี้ ร้องเพลงและเต้นได้ดีกันมากๆเลยนะ เคยสามารุตกคนได้ โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ

    ด้วยฐานะแชมป์เก่า The Boyz ถือว่าใช้เวทีได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมาก ประกอบกับความได้เปรียบด้านจำนวนคน ทำให้การแปรแถวของ The Boyz สร้างความตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ แต่สำหรับซีซั่นนี้ เพียงแค่ performace อันน่าตื่นตาตื่นใจอาจจะไม่เพียงพอ แถมความหล่อที่ The Boyz มีก็ไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบในซีซั่นนี้แล้ว เพราะ วงอื่นๆก็มีคนหล่อที่โดดเด่นและมีสไตล์ที่ชัดเจนกว่าอยู่

    แม้เราจะไม่ได้เชียร์ The Boyz แต่ก็ยังยอมรับในความสามารถและความพยายามของเหล่าด็อบจึอยู่เสมอค่ะ ถ้าลองได้ไปดูคอนสักครั้ง คุณจะตกหลุมรักพวกเขาอย่างแน่นอน เด็กๆพวกนี้มีความสามารถ และหน้าตาดีสมคำร่ำลือจริงๆค่ะ 5555

    (4) Stray Kids

    สำหรับ Stray Kids เป็นวงที่จะว่าดังก็ดัง แต่ก็ปังไม่สุดเสียทีตามสไตล์ JYP แต่จากการดู ep.1 และการสังเกตคำพูดของดงฮยอกแล้วนั้น Stray Kids มีอะไรมากกว่าที่เราคิดไว้อย่างแน่นอน น่าติดตามมากๆอีกวงหนึ่ง

    ใน ep.1 คนที่โดดเด่นที่สุดใน Stray Kids คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก น้องเล็กอย่าง Felix (Felix ไม่ได้เป็นมักเน่ แต่ก็เป็น line น้องเล็ก ในสายตาของเรานะ) ที่ได้รับบทบาทสำคัญที่มาพร้อมภาระอันหนังอึ้ง ซึ่งทำให้เราได้เห็นความเป็นลีดเดอร์ของบังชานขึ้นมาอีกแล้ว ลีดเดอร์สไตล์บังชานถูกจริตเรามาก โดยไม่ต้องหล่อหรือโดดเด่นอะไรมากมายเลย หากใครรู้จัก Stray Kids มาก่อนก็จะทราบว่า พวกเขาเองก็มาจาก survival เพียงแต่เป็นการแข่งขันกันเองเพื่อเดบิวต์ ดังนั้น นี่จะเป้นครั้งแรกที่พวกเขาเข้าร่วมรายการ survival ในฐานะทีมเดียวกันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Felix ที่เคยเกือบถูกคัดออกโดยปาร์คจินยองก็ได้เป็น Stray Kids ในที่สุดด้วยการยืนยันจากบังชานนี่เอง

    (5) SF9

    จุดแข็งของ SF9 คือ ความสูงและหุ่นนายแบบ ซึ่งการเปิดตัวมาพร้อมชุดสูทราวกับเวทีนี้เป็นแคตวอร์ค ทำให้ SF9 เปล่งประกายขึ้นมาทันตาเห็น และการเลือกเพลง Good Guy ที่นอกจากจะมีความหมายต่อวงแล้ว ยังเข้ากับภาพลักษณ์ของพวกเขามาแสดงก็ยิ่งทำให้สีสีนของ SF9 ชัดเจนขึ้นไปอีก ซึ่งเราคิดว่า จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้ Kingdom Legendary War น่าดูกว่า Road to Kingdom มากๆ เพราะ ทุกวงดูมีสีสีนเป็นของตัวเอง ไม่ค่อยทับไลน์กันเท่าไหร่


    นาทีที่ 1.29 จะเห็นได้ว่า ตัวรับสัญญาณของยูแทยังห้อยต่องแต่งแบบเก็บไม่ทันจริงๆ แต่เขาก็ยังสามารถแสดงต่อได้อย่างราบลื่นจนจบ ขนาดเหล่าซอนแบนิมยังต้องออกปากชม อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นคลิปจะสังเกตได้ว่า SF9 เต้นไม่พร้อมกันอยู่เล็กน้อย

    SF9 อาจจะไม่ใช่วงที่แมสมากเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับ The Boyz หรือ Stray Kids เพราะ พวกเขามักจะปรากฎตัวแบบ individual ในซีรีย์เสียมากกว่า ดังนั้น การมา Kingdom ในครั้งนี้ จะทำให้เราได้เห็น SF9 ในฐานะนักร้องอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อาจจะไม่เคยรู้จัก SF9 ในฐานะนักร้องมาก่อน เรามาทำความรู้จักกับพวกเขากันสักนิด

    SF9 เป็นบอยกรุ๊ปจากค่าย FNC (ค่ายเดียวกับ FT Island, CN Blue, AOA) มาพร้อมสมาชิก 9 คน มีเพลงที่เราแนะนำให้ฟัง คือ O Sole Mio ค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว เราเองก็ไม่ได้ติดตาม SF9 มานานมากแล้ว ทำให้อยากลองมารู้จักพวกเขาอีกครั้งผ่าน Kingdom ค่ะ



    มาถึงน้องเล็กอย่าง ATEEZ

    ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า นอกจากเพลงแล้ว เราไม่รู้จัก ATEEZ เลย แม้แต่ MV ของเพลงที่ฟังก็ไม่เคยดู แต่ก็รู้ว่า เขามีความโกอินเตอร์ในระดับหนึ่ง เป็นรุกกี้ที่ไปขึ่นเวทีต่างประเทศมาหลายเวทีพอตัว

     
    จากการแสดงใน ep.1 แม้จะยังไม่โดดเด่นอะไร แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกม็อบแม็บใจแบบตอนดู TOO จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ヅ



    ในส่วนของ MC นั้น ซีซั่นก่อนหน้า ทั้ง Queendom และ Road to Kingdom มี MC เป็นนักแสดงอีดาฮี และ คุณจางซองกยู ที่ทำหน้าที่ได้ดีเลยทีเดียว ดูไม่ลำเอียงและไม่น่ารำคาญ แต่ใน Kingdom ซีซั่นนี้ MC คือ TVXQ ค่ะ เราเองไม่ได้ติดตามข่าวเลย จึงไม่รู้มาก่อนว่า เขาจะมาเป็น MC นะ การได้เห็นเขามาเป็น MC ในรายการนี้มันมีความหมายมากๆเลยนะคะ พวกเขา คือ คนที่บุกเบิกวงการนี้จริงๆ เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ เป็นวงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่ก็ยังคงเป็นอปป้าคนเดิมของเราจนถึงทุกวันนี้ #อยากบอกยูโน่ว่า ขอบคุณจริงๆที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย 

    ADVERTISEMENT


    ด้วยความว่ารายการนี้เป็นเหมือนการค้นหา King of Kings ในบรรดาเหล่าไอดอลที่เข้าแข่งขัน          การที่ดงบังมาเป็น MC ทำให้เวลาพูดอะไร มัน touch ความรู้สึกเรามากกว่าและเราก็คิดว่า ศิลปินเองก็คงจะต้องรับรู้ความรู้สึกนี้ได้เช่นเดียวกัน เพราะ ดงบังก็เดินบนเส้นทางที่พวกเขากำลังเดินอยู่มาก่อน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in