เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Just wanna tell you ;-)t.tungjai
Everything, Everything! ทุกสิ่งทุกอย่าง
  • วันนี้,

    ตั้งใจ มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Everything, Everything ซึ่งถูกสร้างมาจากหนังสือ
    เขียนโดย Nicola Yoon ในปี 2015 แต่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และฉายในปี 2017 ค่ะ

    เป็นเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่งอายุ 18 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรค Severe Combined Immunodeficiency (SCID) หรือ โรคภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหลายอย่างรวมกันแบบรุนแรง ไม่สามารถออกจากบ้านได้เลย ตลอด 17 ปี จนกระทั่งมีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างๆบ้านของเธอ และได้นำเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป 

       Thought
    เราเป็นคนที่ชอบชมภาพยนตร์หรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับความรักทุกประเภท ไม่ว่าจะสมหวัง ผิดหวัง หรืออะไรก็ตาม เราคิดว่าทุกๆเรื่องราวมักจะมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง เวลาที่เราชมภาพยนตร์หรือ
    อ่านหนังสือเราจะไม่ใส่ความคาดหวังลงไปว่าภาพยนตร์หรือหนังสือเรื่องนี้จะต้องดีหรือเมื่อมีตัวอย่างที่น่าสนใจจะต้องสนุกแน่ๆ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นเราจะมีอคติและรู้สึกว่าภาพยนตร์หรือหนังสือเรื่องนี้
    ไม่ดี ไม่สนุกและพอถึงเวลาที่เราได้สัมผัสกับเรื่องราวนั้นๆ ก็จริงอย่างที่เราเข้าใจ ทุกๆอย่างมันมีเสน่ห์ในตัวเองจริงๆ

       Everything, Everything
    เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เราติดตามตั้งแต่มี trailer ออกมาให้ได้ชม 
    ในระยะเวลาเกือบ2ชั่วโมง ทำให้เราได้ซึมซับหลายๆอย่าง ทั้งอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ทัศนคติในการมองโลกในแง่มุมต่างๆ ความรักหลากหลายรูปแบบ ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับเรา
    เพราะเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ที่ติดตามเพราะความน่าสนใจของโทนสีและพล็อตเรื่องต่างๆ 

    เด็กสาวในเรื่องหรือเมดดี้ นำแสดงโดย Amandla Stenberg  เธอถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้สึกทุกอย่างของเด็กสาวได้ดี ทำให้เราอินกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น กับบทบาทของเด็กสาวที่ไม่เคยออกไปเจอกับโลกภายนอกอยู่แค่ภายในบ้านและมีเพียงอินเทอร์เน็ตที่อยู่กับเธอตลอด 17 ปี จนกระทั่งได้พบกับ ออลลี่ นำแสดงโดย Nick Robinson เด็กหนุ่มข้างบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามา ทั้งคู่ติดต่อกันผ่าน instant messages 
    ทำให้เกิดความผูกพันธ์และมีเรื่องราวต่างๆตามมา 

    Everything, Everything
    ในตอนที่ทั้งคู่ติดต่อกันผ่าน instant messages เป็นมุมหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ทำให้เราอินกับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้นและอีกมุมหนึ่งคือตอนที่เมดดี้หนีออกจากบ้านเพื่อไปทะเลกับออลลี่ เป็นตอนที่ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ว่าคุณจะเคยมีความรักหรือไม่ แต่ถ้าหากวันหนึ่งคุณพบกับคนที่ทำให้คุณกล้าที่จะรัก คุณจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาความรักและความสุขของคุณไว้ ไม่ว่าคุณจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม
     
    "Everything’s risk. Not doing anything is a risk. It's up to you"
    -Carla-
    Nicola Yoon, 2015

    Everything, Everything  ถือว่าเป็นภาพยนตร์/หนังสือ อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ถ้าหากต้องการชมภาพยนตร์ที่ทำให้คุณได้ซาบซึ้งกับความรักอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้พูดถึงแต่ความรักที่ฉาบฉวยและจบลงไปตามกาลเวลา หากแต่พูดถึงความรัก ความห่วงใยอย่างจริงใจที่มีต่อกัน คุณควรลองหาเวลาว่างเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง อย่างน้อยคุณอาจจะมีภาพยนตร์เรื่องโปรดในใจอีกเรื่องหนึ่งก็เป็นได้

    Everything, Everything

    "ตั้งใจ"
    ๒๑.๕๐ น.
    ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

    .................

    Everything, Everything

    -Nicola Yoon-


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in