เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าระหว่างเดินทางThe Girl who never Be
35°41′N 139°46′E EP.03
  • DAY 7: Lecture Day


                ถ้าเปรียบเทียบ 7 วันที่ผ่านมาคือวันหยุดยาว เช้าวันนี้ก็คงเป็นวันจันทร์ที่ต้องไปทำงาน และเราก็ต้องลากสังขารตัวเองไปเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ด้วยความงัวเงียและบวกกับความขี้เกียจ(ที่มีอยู่มาก)จึงทำให้เช้านี้ของเราดูไม่สนุกเอาเสียเลย

                เราเริ่มต้นคาบแรกด้วยวิชาการทดลองแบคทีเรียในพันธุ์พืชจำพวกมัน ว่าแบคทีเรียพวกนี้จะสามารถช่วยให้พืชได้เติบโตจริงมั้ย ซึ่งการทดลองนี้เป็นการทดลองของอาจารย์จากคณะเกษตร หรือชื่อเรียกเต็มๆว่าคณะ International Agricultural Development 
                 ในส่วนวิชานี้เราได้มีโอกาสฟังบรรยายจากพี่ป.โทคนไทยที่เข้ามาศึกษาต่อในด้านวิชานี้พอดีแต่เราจำชื่อพี่เค้าไม่ได้แล้วจริงๆ จำได้แค่ว่าพี่เขาจบตรีจากธรรมศาสตร์และชอบกินมันมากๆแค่นั้นแหละ ฮ่าๆ
                 ถามว่าเรียนวิชานี้แล้วเข้าใจมั้ย ตอบเลยว่า "ไม่!!" นอกจากจะไม่ค่อยเข้าใจในเนื้อหารายวิชาแล้ว นี่ยังต้องมานั่งทำความเข้าใจภาษาอังกฤษของคนญี่ปุ่นใหม่อีกด้วย ขนาดอยู่ญี่ปุ่นมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ เรายังคงปรับหูให้ฟังภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ดี คิดแล้วอยากจะร้องไห้...
                         คาบต่อมาเป็นวิชาที่ค่อยข้างบันเทิงหน่อย เนื่องจากมีเพื่อนญี่ปุ่นมาจัดกิจกรรมให้ได้เล่นกันด้วย  ห้องเรียนจึงดูครึกครื้นและครื้นเครงขึ้นมาทันที  
                          วิชานี้มีชื่อว่า "กินช็อคโกแลตยังไงให้ลิ้นชา" สอนโดยศาสตราจารย์เคน อิวาซึกิ และเหล่าคณะลูกศิษย์ของเซนเซจากคณะ Nutritional Science and Food Safety 
                          เริ่มแรกเซนเซจะให้เราชิมชอคโกแลตรสหวานกันคนละหนึ่งแท่งกันก่อน จากนั้นให้พวกเราทุกคนดื่มน้ำชาเขียวตามไปอีก 1 แก้วทีหลัง ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเป็นชาเขียวที่ขมเชี่ยๆ ขมมาก     ขมแบบกินฟ้าทะลายโจรสดๆได้อย่างไรอย่างนั้นเลยอ่ะ  
                          เมื่อโดนชาเขียวรสขมล้างปากไปเรียบร้อยแล้ว เซนเซจึงให้พวกเราลองกินชอคโกแลตอีกครั้ง คราวนี้แหละเพืื่อนเอ๋ยจากลิ้นคนอยู่ดีๆกลายเป็นลิ้นจระเข้ไปเลยจ้าา ณ จุดจุดนี้ลิ้นไม่สามารถรับรสอะไรได้อีกแล้ว นอกจากไม่รับรสแล้วนะลิ้นยังชาอีกด้วย จากชอคโกแลตหวานๆกลายเป็นชอคโกแลตไร้รสไปเฉยเลย
                         ท้ายคาบเซนเซเลยมาเฉลยว่า ที่ลิ้นเรากลายเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าปุ่มรับรสที่ลิ้นเราโดนรสขมมันบล็อกไว้เลยทำให้ไม่สามารถรับรสอื่นๆได้ไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งไอ้ช่วงขณะหนึ่งคือนานมาก เรานี่ต้องนั่งลิ้นชาไปประมาณเกือบ 2o นาทีอ่ะกว่าจจะรับรสได้อีกครั้ง แต่ก็ชอบวิชานี้นะ สนุกมากเลย เรียนแล้วแฮปปี้ดี
                                หลังจากเรียนวิชานี้เสร็จ เพื่อนๆญี่ปุ่นก็พาพวกเราไปกินชูชิ100เยนกันที่ร้านหน้ามหาลัย เป็นร้านที่เราไปกินบ่อยเหมือนกัน (2 ครั้ง) เพราะอร่อยมากแถมยังถูกด้วย ชูชิชิื้นใหญ่มาก ใหญ่ขนาดเอาชูชิเมืองไทย 4 ชิ้นมารวมกันได้เท่ากับ 1 ชิ้นของที่นี่พอดี เมนูโปรดเราคือ วาราบิโมจิ มันนุ่มนิ่มสุดๆ

                                 ภาคบ่ายเราก็กลับมาเรียนกันต่อ วันนี้ถือว่าเรียนทั้งวันเลย ง่วงดี ฮ่าๆ 
    แต่มันก็ไม่เชิงเรียนหรอกนะ มันเชิงเยี่ยมเยือนห้องเเลปของพวกเขามากกว่า
    คณะ Bioproduction and Environment Engineering
    ภาควิชาดิน
    ภาควิชาคล้ายๆวิศวกรรมชลประทานบ้านเราอ่ะ จำไม่ได้ล่ะว่าชื่อภาคอะไร แฮร่
    ภาควิชาเครื่องกลและเครื่องจักร
    ภาควิชา GIS เป็นภาควิชาที่น่าสนใจสุดๆ อยากให้มีภาควิชานี้ในไทยมาก

                         หลังจากเลิกเรียนตอน 5 โมงเย็น เราจึงตัดสินใจอยากไปเที่ยวเมืองโตเกียวด้วยตัวเองดูสักครั้ง เลยชวนเพื่อนไปเที่ยวชินจุกุกัน 4 คน โดยการไปครั้งนี้พวกเราตกลงกันว่าจะเดินทางด้วยรถไฟกันด้วยตัวเอง ผลประปรากฎว่าหลงจ้าาาา หลงโตเกียว หลงทาง หลงรถไฟ หลงผู้คน หลงสถานี้รถไฟอยู่ประมาณชั่วโมงนึงกว่าจะหาทางออกกันได้ เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าอย่าไปไหนกับพวก First time เด็ดขาด!
    เพราะคุณจะพากันหลงแน่นอน แต่ประสบการณ์ครั้งก็สนุกดี คงหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแหละ ^^
                     
     วันที่ 7 ของเราจึงจบลงด้วยการนอนนวดเท้าและตะคริวกินไปทั้งคืน



    DAY 8 : บุกเดี่ยวที่ Isehara Farm

    วันนี้เราจะเดินทางออกต่างจังหวัดกันอีกแล้วนะพวก ดีใจกับเราหน่อยๆๆ
    เราจะเดินทางไป Isehara Farm ที่เมืองอะสึงิ จังหวัดคะนะงะวะ  Isehara Farm ก็คือสถานีฝึกงานสำหรับนักศึกษาเกษตรของมหาวิทลัย Nodai นั่นแหละ ตอนที่เราไปมีนักศึกษามาฝึกงานอยู่พอดีด้วย ถือว่าโชคดีมากเพราะเซนเซพาทัวร์รอบฟาร์มเลย
                                                             เซนเซภูมิใจนำเสนอโรงเรือนมาก
                                                          โรงเรือนสำหรับผักไฮโดรโปนิกส์
    ผักที่นี้สดมาก อร่อยมากด้วย สามารถกินสดๆจากแปลงได้เลยนะ นี่ก็จิกกินไปฟังเซนเซพูดไปอ่ะ โออิชิ!
             ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือป่าวนะแต่มะเขือเทศที่นี้ลูกใหญ่มากก สดมาก อร่อยมาก เลยถามเซนเซไปว่าทำไมลูกมะเขือเทศที่นี่ใหญ่จัง ผิดกับเมืองไทยที่ลูกเล็กมาก(แถมเหี่ยวด้วย55) เซนเซเลยตอบว่าปกติก็มีลูกเล๋็กนะแต่ที่ลูกใหญ่ก็เพราะเขาควบคุมอุณหภูมิและควบคุมการให้ปริมาณน้ำให้สมดุลกันไป แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและรสชาติที่ต้องควบคุมดูเเลด้วย
    นักศึกษากำลังกำจัดวัชพืชของไม้ดอก
              ระบบการให้น้ำของที่นี้ก็เจ๋งดีนะ อย่างที่เห็นในรูปเป็นการให้น้ำระบบราง กล่าวคือตรงใต้กระถางดอกไม้จะมีรูไว้ให้รากงอกผ่าน จากนั้นจะปล่อยน้ำที่ผสมปุ๋ยหรือสารอาหารมาตามรางแล้วให้รากที่งอกพ้นจากรูกระถางมาดูดซับน้ำด้วยตัวมันเอง ส่วนการให้น้ำก็จะปล่อยเป็นช่วงๆเวลาไป
    ระบบรางแผ่นซับ
    ดอกลาเวนเดอร์
    โรงเรือนข้าวโพด
    โรงเรือนองุ่นเขียวไร้เมล็ด
    สวนลูกพีช


                      หลังจากเยี่ยมชมฟาร์มเสร็จ เราก็เดินทางต่อไปยังมหาวิทลัย Nodai วิทยาเขตอะสึงิ ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น  ถึงที่โน่นปุ๊ปก็กินข้าวเที่ยงปั๊ปเลยจ้า
    บริเวณห้องโถงสำหรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
    ในประเทศญี่ปุ่นเราจำเป็นต้องแยกขยะก่อนทิ้งทุกครั้ง
    บริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัย
                          ที่วิทยาเขตอะสึงิจะมีพื่้นที่มากกว่าที่ Setagaya เยอะมาก และพื้นโดยรวมจะใช้สอยสำหรับการเกษตรเยอะเช่นกัน และคณะที่เปิดสอนที่วิทยาเขตอะสึงิส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาคเกษตรและสิ่งแวดล้อม
    มีไร่ชาตรงหน้าอาคารเรียนด้วยนะ 
    เซนเซบอกว่าพอถึงเทศกาลเก็๋บยอดชา นักศึกษาก็จะมาช่วยเก็บกัน
    สวนดอกไม้แซมหญ้า(ไม่)นิดๆ
    โรงเรือนปลูกต้นตะกูลเบอร์รี่ต่างๆ
    วิวจากหอพักของมหาวิทยาลัย

                     พอถึงช่วงเย็นทางวิทยาเขตก็จัดงานปาร์ตี้ต้อนรับพวกเราด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศสดๆจากโรงเรือนที่เราไปดูมาเมื่อเช้า ซูชิคำโตๆ และอื่นๆอีกมากมายเราก็จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน
                  และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานเลี้ยงของญี่ปุ่นก็คือ การชนแก้วสาเก หรือชนแก้วเบียร์
    เราตกใจมากที่เขาสามารถให้กินแอลกอฮอลได้ในมหาลัย แถมไม่ได้ยกมาแค่ขวดเดียวด้วยนะ   พี่หยุ่นแกเล่นยกมาเป็นโหลเลยจ้า นี่ก็เลยโดนเพื่อนญี่ปุ่นหลอกให้กินสาเกวันชอตไป เมาอีกแล้วเรา

    วันที่ 8 ของเราจึงจบลงด้วยการมานั่งซดมาม่ากลางดึกแก้เมาอีกเช่นเคย


    DAY 9: Lecture Day อีกแล้วว

                         ยินดีต้อนรับสู่วันแห่งการเรียนอีกครั้งค่ะ 
                             คาบแรกเรียนวิชาอาหาร เรียนเรื่องความแตกต่างระหว่างอาหารญี่ปุ่นกับอาหารไทย เป็นคาบที่เรียนแล้วน้ำย่อยในกระเพาะทำงานหนักสุดๆ หิวกันทั้งแต่หัววันเลยทีเดียว
                               คาบที่สองไปเยี่ยมเยือนแลปภาควิชาสัตวศาสตร์ มหาลัยที่นี้มีฟาร์มนกกระจอกเทศด้วย เซนเซเลยเอาไข่มาให้ดู เปลือกมันอย่างแข็งอ่ะ แถมสิ่งที่ประทับใจสำหรับภาควิชานี้นะคือทางอาจารย์กำลังวิจัยเรื่องสารอาหารที่ต่างชนิดกันจะมีผลต่อความนุ่มของเนื้อหมูไหม อาจารย์เลยย่างหมูสองชนิดให้เรากินกันสดๆ และถามถึงความแตกต่างเพื่อเป็นผลประโยชน์แก่งานวิจัย เรียกว่างานนี้นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้กินอิ่มกันอีกด้วย ชิ้นแรกยังไม่เห็นความแตกต่าง ชิ้นต่อไปเริ่มอร่อย
    วิชาต่อมาเรียนเรื่องกีฎวิทยา คาบเรียนนี้พี่นักศึกษาป.โทมาสาธิตให้ฟังจ้าา
    ตอนเย็นก็เข้าเมืองไปหาของกินจ้าาา 

    วันที่ 9 เลยจบลงด้วยกันวิ่งไล่รถเมล์เพราะมาไม่ทัน นอกจากนั้นยังโดนพนักงานในห้างปิดไฟไล่เพราะว่าร้านปิดแล้วแต่เรายังตัดสินใจซื้อไม่ได้สักที


    ขอบคุณทุกคนที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
    แล้วเจอกันใหม่ EP.04 ค่ะ :)


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in