พวกเราถือคติที่ว่าเริ่มต้นด้วยสถานที่ดีๆมีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง เพราะหลังจากนี้เราจะไปเสี่ยงทายกันในคาสิโน่ที่ไหนสักแห่ง 555 อันนี้หยอกๆ พูดเล่นเฉยๆ
ถึงจะมาเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนที่วัดแต่ก็ใช่ว่าจะโชคดีนะ ดันโชคร้ายมากกว่า เพราะพอมาถึงวัดปุ๊ปฝนตกปั๊ปเลยจ้ะ เปียกปอนกันไปหมดทุกคน แล้วพวกเด็กไทยไม่ดูพยาการณ์อากาศก่อนมาเที่ยวไง เลยลำบากเพื่อนญี่ปุ่นต้องแบ่งร่มกันใช้อีก ความโรแมนติกมันอยู่กันตรงนี้แหละ คนสองคนใต้ร่มหนึ่งคัน ไหล่เบียดกัน ฟินเฟ่อร์ๆๆ มิตรภาพกำลังเบ่งบานสุดๆเลยโมเม้นต์นี้
ก่อนเข้าวัด
หลังออกจากวัด
ที่จริงคือภาพเดียวกันแต่สลับกันถ่าย และปรับเเสงเฉยๆ
หลังจากซื้อเครื่องรางกันเสร็จพวกเราก็ไปกินเท็มปุระแถวๆหลังวัดกันต่อ เออลืมบอกไปว่าเครื่องรางที่นี้ก็มีนะแต่ไม่รู้ว่าขลังป่าว เราเลยลองซื้อเครื่องรางด้านความรักมา แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้มีแฟนจริงมั้ยนะ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปอ่ะ แต่ตอนนี้คือเงียบมากกก สงสัยเครื่องรางไม่ทำงาน5555
เพื่อนญี่ปุ่นที่จะพาเที่ยวในวันนี้
เริ่มจากซ้ายสุดของรูปคือ "เหมา" เด็กจีนที่มาเรียนญี่ปุ่น
"เคนยะ" เด็กปี2 จากคณะเกษตร วิทยาเขตอาสึงิที่อุสานั่งรถไฟหนึ่งชั่วโมงมาโตเกียวเพื่อเที่ยวกับพวกเรา ซึ้งใจจริงๆ น้ำตาจิแชร์ขอไหล
"ทากะ" เด็กปี 2 จากคณะเกษตร วิทยาเขตอาสึงิเช่นกัน เป็นเพื่อนสนิทของเคนยะ สองคนนี้อยู่ห่างกันไม่ได้ ต้องตัวติดกันตลอดเวลา จนบางทีเราก็คิดว่า....เป็นป่าวนะ....
"ฟิล์ม" เด็กไทย ข้ามไป
คนที่ใส่หมวก "ร็อก" ที่จริงนางก็มีชื่อญี่ปุ่นแหละ แต่พวกเราดันเรียกชื่อนางกันไม่ได้ นางเลยให้พวกเราเรียกร็อกเเทน พี่แกอยู่ปี3 เห็นกระเป๋าที่พี่แกแบกมาป่ะ มันหนักมากเลยนะ เราก็ไม่เข้าใจว่าพี่แกจะแบกมาเที่ยวกับพวกเราด้วยทำไม และยังคงเป็นคำถามค้างคาใจจนถึงทุกวันนี้เช่นกัน
ส่วนคนที่ชูสองนิ้วใส่เสื้อสีแดงอยู่ข้างหลัง คือ ........เอ่อ คือ เราจำชื่อเขาไม่ได้อ่ะ 5555 ไม่ค่อยได้คุยกับเขาเลยลืม ฮื่ออ เราขอโทษนะ...
ส่วนนี่คือฮาสุกะ กับ โมฮีอา แต่จริงมีคารินอีกคนหนึ่ง อ๋อเเล้วก็มียูด้วย เป็นเพื่อนญี่ปุ่นที่เราสนิทมากสุดล่ะ
เด็กไทยสามคนที่จะเดินตามรอยเพื่อนญี่ปุ่นวันนี้ พี่ขวัญ กับน้องจูน และก็เรา ซึ่งมีอาจารย์อีก 2 คน และมีน้องเบ๊นซ์กับแป้งอีกนี้ด้วย รวมๆกันคนไทยคือ 7 คน
จากนั้นพวกเราก็ไปต่อด้วยเที่ยวย่านฮาราจูกุ แหล่งรวมช้อปปิ้งเกี่ยวกับการ์ตูนและคาเฟ่หมาชิบะหรือแมวต่างๆ ถัดจากซอยฮาราจูกุก็จะเจอสวนสาธารณะโยโยงิ (Yoyogi park) ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโตเกียว ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฮาราจูกุและศาลเจ้าเมจิ ในเขตชิบูยะ พวกเราเลยลองแวะกันไปเดินเล่นที่นั่นกันดู
ประตูทางเข้าสวนสาธารณะโยโยงิ
ภายในสวนจะพบกับต้นไม้ร่มรื่นมาก เอาจริงๆคือไม่ควรจะเป็นสวนสาธารณะอ่ะ ควรจะเป็นป่าได้เลย ต้นไม้ใหญ่มากและสูงมากเช่นกัน
เดินเข้ามาข้างในประมาณสัก 1 กิโลเมตรก็จะเจอกับวัดที่ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะ ซึ่งวันนี้เราโชคดีมากได้เห็นพิธีแต่งงานเก่าแก่ของคนญี่ปุ่นภายในวัดพอดี
ชอบในความมีกิมมิญี่ปุ่นในขวดโค้ก
ห้าแยกชิบูย่าที่ใครๆต่างก็พาถ่ายรูปกัน
วันฟรีเดย์ของเราจึงจบลงด้วยการวิ่งสี่คูณร้อยเข้าหอพัก เพราะมัวแต่เที่ยวเพลินจนลืมเวลาหอปิด และที่สำคัญในระหว่างวิ่งวัดใจกับยามเฝ้าประตูหออยู่นั่น เราก็ได้ทำฝากล้องหายไปเช่นกัน ได้ยินเสียงมันตกน่ะแต่ไม่สามารถหันกลับไปเก็บได้จริงๆในวินาทีนั่น เป็นเศร้าเลยแม่
ปล.ขนาดไปหาซื้อฝากล้องที่ร้าน Big camera ในญี่ปุ่นแล้วนะ ยังไม่มีขายเลย มาซื้อในถิ่นผลิตแท้ๆยังไม่มีขาย เลยต้องได้ซื้อจากเมืองเซินเจิ้นประเทศจีนแทน ปวดตับเลย
ปล.2 ขอบคุณทุกคนที่ยังคงอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะ แล้วพบกันใหม่ EP.05 :)
ปล.3 ที่จริงจะเขียน Day 12 ด้วยนั่นแหละ แต่ดันอัพรูปภาพไม่ได้
เลยคิดว่าจะยกไปเขียนอีพีหน้าเลยแล้วกัน
แล้วเจอกันนะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in