เราเกิดมาเพื่ออะไร
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียนหนังสือ
ทำงานเลี้ยงตนเองและครอบครัว
เลี้ยงลูกจนจบการศึกษา
เป็นปู่ย่าตายายเลี้ยงหลาน
แล้วก็โรยรารอวันจากไป
เราเกิดมาเป็นมนุษย์
มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะ
และชำระขัดเกลากิเลสของตนเอง
เพื่อวันหนึ่งในอนาคตกาล
เราหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
ในสังสารวัฏ
.
.
ข้างต้นเป็นบทสนทนา
เรากับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
เพื่อนเค้าเล่าให้ฟังว่า..ดูรายการเจาะใจ
เค้าประทับใจคนที่มาให้สัมภาษณ์
ตรงประโยคที่ว่า
"เราเกิดมา..เพื่อชำระตนเอง"
.
.
เราล้วนเป็นมนุษย์แม่
ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อครอบครัว
แม่เอง มีบทบาททำงานด้วย
กลับมาบ้านก็ดูแลอาหารให้ลูกๆ
ความสะอาดเรียบร้อยของบ้าน
เหนื่อยกาย เหนื่อยใจบ้าง
แต่ก็สุขใจกับความสุขในบ้าน
วิถีชีวิตประจำวันที่ดำเนินไป
มีวันหนึ่ง แม่และลูก
มีการปะทะ เถียงกันเล็กน้อย
แม่ก็ไปนั่งสงบสติอารมณ์
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ก็ทำตัวปกติ
เตรียมข้าวกล่องให้ลูกไปโรงเรียน
และขับรถไปส่งลูกแต่เช้า
ลูกเองก็มีทีท่านิ่งๆเงียบๆระหว่างนั่งรถ
สู้กับทิฐิในใจตนเองอยู่..
พอถึงโรงเรียน ลูกก็ไหว้ขอโทษแม่
ที่แสดงอารมณ์ไม่ดีออกไปเมื่อวานนี้
แม่เองก็โอบกอดลูกไว้
แล้วบอกลูกว่า :
"หนูรู้ไหม พ่อแม่อบรมสั่งสอนลูก
เพื่อให้หนูเป็นคนดี
จริงๆแล้ว พ่อแม่มีความกลัวนะ..
กลัวว่า ถ้าวันหนึ่ง พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว
ลูกจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร
เราจึงต้องแสดงความเข้มแข็ง
ให้ลูกๆเห็นว่าพ่อแม่ทำงาน
ทุ่มเท ปกป้องลูกได้ตลอดเวลา
แต่แท้จริงเรากลัว..กังวลใจ..
เราจึงต้องเพียรบ่มอบรม ดูแลหนู
ให้มีความเพียร เรียนสำเร็จ
และมีการงานที่ดี ดูแลตัวเองได้"
ลูกเมื่อฟังแม่แล้ว ก็ร้องไห้
ขอโทษแม่อีกครั้ง
เข้าใจความรักของแม่อย่างแท้จริง
.
.
เพื่อนเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
เราชื่นชมในแนวทางการสอนลูก
วิธีการของเพื่อน..เค้าสอนลูกได้ดีจริงๆ
ลูกเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย
ไปอยู่หอพัก ดูแลตนเองได้
เสื้อผ้ากลับมาซักที่บ้านในวันเสาร์
และรีดผ้าด้วยตนเอง..
เพื่อนจะไม่สอนตรงๆ ใช้วิธีทำให้ดู
เล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านประสบการณ์
เปิดใจกับลูกๆตลอดเวลา
แนะแนวทางต่างๆตามความเหมาะสม
.
.
เราจบบทสนทนา 2 ชั่วโมงกว่า
และถวายปัจจัยทำบุญกฐินด้วยกัน
กัลยาณมิตรเป็นเช่นนี้เอง
อนุโมทนาบุญกับเพื่อน
ด้วยความปลื้มปิติใจ..
?????
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in