- ศาลเจ้าที่ใช้ถ่ายกลกิโมโนกับห้องสมุดอำเภอ เที่ยวแบบหลุดแผนไปเยอะอยู่
- เป็นรถบัสที่ไม่รับIC Card!!!-O-
__________________________________________________________________________________
วันพุธที่1สิงหาคม เวลา7.30น.ตามเวลาในญี่ปุ่น คือกำหนดเครื่องบินถึงฟุกุโอกะ แต่นี่คือ7.40แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะลงได้หรือเปล่า(สภาพอากาศหน้าร้อนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แปรปรวนมั่กๆ) สุดท้าย เครื่องลงแตะรันเวย์เวลา7.55 กว่าจะเอากระเป๋า นั่งรถบัสต่อซับเวย์เข้าเมืองมาก็เกือบ9โมงแล้ว เลยเวลาจากที่แพลนไปเยอะทีเดียว
เอาวะ ใช้แพลนBละกัน....
พึ่งลงมาจากเครื่องน่าจะเที่ยวได้ไม่มากเท่าไหร่ แถมยังเมาเครื่องๆลอยๆแปลกๆด้วย เราไปฝากกระเป๋าที่โฮสเทลแล้วนั่งกลับมาตั้งต้นที่สถานีฮากาตะ เป็นสถานีศูนย์กลางของฟุกุโอกะ มีทั้งshinkansen, subway, รถไฟlimited express, local train, terminal bus ทุกอย่างผ่านหมด ก่อนอื่นก็มาเปิดJR rail pass กับจองรถไฟlimited express(ที่มีคนแย่งกันจองมหาศาลยิ่งกว่ากดบัตรคอนสะอีก55555)
แต่พอกำลังเข้าไปในโซนจองตั๋วก็มีหน้าจอโทรทัศน์อยู่สองจอ บอกสถานะรถไฟว่าคนจองกันเต็มยัง และปรากฏว่า….
….รถไฟที่วางแผนไว้ โดนจองเต็มหมดแล้ว………………
……………………….ห้ะ!!!………………………………….
……….อึ้งแดกสิครับ!!!………….
…………………
เราวางแผนมาตั้ง6เดือน! วางตารางรถไฟเข้าล็อคเป๊ะๆ(ถึงจะไม่สมบูรณ์ขนาดนั้น แต่ก็วางมาแบบได้นั่งรถไฟครบอ่ะT-T) แต่นี่เข้าเมืองมาได้ไม่เกินครึ่งวัน ดับฝันข้าพเจ้าไปครึ่งทริป ครือบั่บบบบบบบบ ...อ๊ากกกกกกกกก
แต่ก็เอาวะ! มันบอกว่าเต็มก็หน้าด้านเขียนจองไปตามแผนเดิม เผื่อว่ามันจะมีที่สำหรับเราบ้าง กระซิกๆT-T ตรงที่จองจะมีกระดาษให้เขียนจอง ก็แค่กรอกเวลากับสถานีก็พอ(แต่เราวงเล็บชื่อรถไฟไปด้วย เผื่อพนง.จะได้เข้าใจ ไม่จองรถไฟขบวนอื่นให้แทน) แล้วก็เข้าไปยื่นแบบอายๆ ในใจคิดแต่ว่าสาธุ๊ ขอให้ได้ทีเถอะ….
พนง.รับกระดาษไป วอร์มมือหนึ่งที แล้วหันไปกดเครื่องก๊อกแก๊กๆรัวๆ(คือมันเป็นเครื่องของJRโดยเฉพาะ ที่ไม่ใช่คอมด้วยนะ เป็นคีย์บอร์ดกับหน้าจอแปดบิตง่ายๆ ซิมเปิ้ลๆ) ไม่หันมามองเราเลย เตรียมใจไว้แล้วล่ะ ว่าเขาคงจะหันมาขีดฆ่ารอบรถไฟเราแล้วบอกว่า โกเมนนาไซ ที่นั่งเต็มเดสึ แน่ๆTvT
....
..
.
จนในที่สุด เขายื่นตั๋วกลับปึกหนึ่งกลับคืนมาวะ…
พรึ่บ! (กางพัดแบบนางพญาในกระบี่มังกรหยก)
เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส จองได้แล้วโว้ยยยยย!!! ได้ทุกรอบที่เราต้องการ คือแฮปปี้มากกก!!
พอมานั่งทบทวนดูก็เข้าใจว่า จอที่ขึ้นว่าเต็มนั่นเขาหมายถึงตั๋วที่นั่งยาวจนสุดสถานีปลายทางอ่ะ เช่นYufuin no mori นั่งจากHakataไปYufuin ถ้าจะนั่งรอบเช้าจริงๆ เดินไปจองล่วงหน้าก่อนสามวันแบบเรายังไงก็เต็มแน่ๆ แต่แพลนที่เราวางไว้คือ ขึ้นสถานีกลางทาง(จากYufuinไปสถานีBeppu ) ซึ่งนักท่องเที่ยวเขาก็ลงเที่ยวที่สถานีYufuinไปแล้ว ที่นั่งก็เลยมีพอสำหรับเรา ทำให้เราได้นั่งรถไฟพีคๆได้เกือบทุกขบวน(ถ้ามีเวลา) ทั้งYufu, Yufuin no mori, A-Train, Aso Boy! สมใจอยากแล้ว:) <3<3<3
หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไปเยือนจังหวัดซากะสักหน่อย จุดมุ่งหมายแรกของเราคือ Yutoku Inari คือที่จริงศาลเจ้านี้ไม่อยู่ในแผน แต่เพราะเวลามันไม่โอเค(เริ่มต้นเดินทางตอนสิบโมง) เลยต้องงัดแผนสำรองมาใช้เที่ยววันนี้ไปก่อน แต่ใจจริงก็อยากพักแหละ เพราะตั้งแต่ลงเครื่องไปก็รู้สึกมึนๆบวกกับอารมณ์เสียจากความร้อนสุดๆของหน้าร้อนญี่ปุ่น(วันแรกที่ไปถึงคือร้อนที่สุดในหกวันอ่ะ)
แล้วตอนไปศาลก็ยากมากกกกก เพราะแค่นั่งรถไฟไปไม่พอ ต้องต่อรถเมล์เข้าไปอีก แล้วรอบรถมันค่อนข้างน้อย ในสถานีรถบัสส่วนใหญ่ตารางจะเป็นภาษาญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด
ตู้ฝากกระเป๋าหยอดเหรียญกับชานชลา คลาสิคมากๆ
ได้นั่งรถบัสแล้ว แค่ขึ้นให้ถูกคันแล้วนั่งสุดสาย บรรยากาศก็ชิลๆแบบนี้(แต่แดดแรงมากกก)
มีทุ่งนา ฟ้าใส และที่โล่ง บ้านนอกสมใจอยากไหมล่ะT.T
รถบัสที่พึ่งลงมา หน้าตาน่ารัก สีครีมแดงทำให้นึกถึง29ราคา6.50บาทบ้านเรา และที่สำคัญคือเป็นบัสเดียวที่ไม่รับIC Card!!! -O-; ม..มีแบบนี้ด้วยเรอะ
พอมาถึงสถานีปลายทาง โล่งจนไม่คิดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว….. มีแค่หนุ่มเกาหลีสามคนที่มารอบเดียวกันเดินนำไปเท่านั้น เราก็เดินตามไปเรื่อยๆ เดินไประหว่างทางก็เห็นร้านรวงต่างๆ ส่วนใหญ่ปิดกับบางร้านมีผู้สูงอายุรวมตัวกันบ้าง แต่สภาพคือเงียบ เหงา โหวงเหวงไปหมด…. นี่ตูอยู่ที่ไหน ตูกำลังทำอะไรอยู่…..
ฮัลโหลลลลลล เงียบมากเว่อร์
มนุษย์ร่วมทางสามคน เป็นชาวเกาหลีทั้งหมด
ถึงวัดแล้ว! ค่อยมีคนหน่อย แต่นึกว่าจะมีคนไทยเยอะกว่านี้แฮะ
ทำไมถึงนึกว่ามีคนไทยเยอะหรอ… ก็ดูตัววัดสิ มีภาษาไทยอยู่ทุกที่เลย…-__-;
ปกติไม่เสียเงินกับเซียมซีนะ แต่วัดนี้ต้องเอาสักหน่อยอ่ะ55555 มีภาษาไทยให้อ่านขนาดนี้ ใน200เยนคงรวมค่าล่ามด้วยแหละ แต่ได้ใบที่ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ เลยขอผูกไว้ละกัน
แต่ยอมรับว่าศาลเจ้ายิ่งใหญ่จริงๆ ถึงขามาจะร้อนและแอบเซ็งๆดวงที่ได้ก็เถอะ…
เราเป็นคนอยู่ในศาลได้ไม่นาน เพราะส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอินอะไรขนาดนั้น แถมร้อนอีกต่างหาก (ร้อนจากอากาศนะไม่ใช่บทสวด555) เราโอเคกับสถานที่ธรรมชาติอื่นๆมากกว่า เลยขอตัวลาก่อน แต่เห็นว่าวันนั้นมีเทศกาลอะไรสักอย่างด้วยแหละ
มีเด็กๆมาตีกลองกันด้วย แข็งแรงดุดันจริงๆ หนุ่มๆก็แรงเยอะดีจัง-.,-
เราใช้เวลานานมากกกกก กว่าจะขึ้นรถบัสออกมาจากศาลแล้วนั่งรถต่อมาอีกที่หนึ่ง แล้วแบบไม่อยากเดินนานๆเพราะช่วงบ่ายแดดแรงมากกกกก แค่พาตัวเองเดินมาอีกที่นึงได้ก็เหงื่อเต็มหลังไปหมด(แล้วลงเครื่องมา ครีมกันแดดก็ไม่ได้ทา!) เลยมาลงเอยที่สถานีTakeo onsen พอดีอยากจะมาพักเหนื่อยรอเวลาไปดูteam labกับห้องสมุดของอำเภอ(เรียกสะบ้านนอกเลย5555) แต่เห็นแบบนี้ก็เถอะ ห้องสมุดเขาระดับBigจนอิจฉาอ่ะ อยากมาดูด้วยตาตัวเอง
ก่อนอื่นเราเดินไปศาลเจ้าTakeoก่อน เพราะเห็นว่ามีต้นไม้เก่าแก่อายุ3000ปี แต่ที่จริงเหมือนเป็นศาลสำหรับคู่รักมาสักการะ เราเดินร้อนๆมาคนเดียวไม่โอเคT^T
พอเดินมาแล้วเจอบิ๊กบอสครับ! ต้นนี้อายุกว่า3000ปีแน่ะ! สุดยอดไปเลย เห็นว่าตอนกลางคืนเป็นแสงไฟด้วย(งานTeam lab) แต่ด้วยเวลามันไม่ทันจริงๆ เพราะถ้าเรากลับช้ากว่านี้ จะไม่ทันเช็คอินเข้าโฮสเทล(4ทุ่ม พี่แกย้ำมา-.-) เลยต้องทิ้งแพลนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ความเสียดายนั้นก็หมดไปเพราะว่าเราได้มาห้องสมุดTakeoค่ะ ….ห้องสมุดของเขามีหนังสือเยอะมาจนเราอิจฉา คือสเกลมันแค่ระดับอำเภอนะ แต่ดูความอลังการนี่สิ!
เขามีมุมให้ถ่ายแค่มุมเดียวเลยเก็บภาพได้แค่นี้ แต่ข้างในห้องสมุดยังมีร้านขายหนังสือ ขายเครื่องเขียน ที่ยืมดีวีดี และที่สำคัญคือมีสตาร์บัค! ทั้งหมดที่ว่ามาคือเข้าใช้ได้ฟรี ขาจรแบบเราก็เข้าไปเอาแอร์นั่งเล่นไวไฟได้ฟรี แต่ก็ถือโอกาสสั่งเครื่องดื่มสตาร์บัคไปเลย เพราะอยากลองชิมพอดี
สตาร์บัคพนง.ก็น่ารักและเชียร์แขกได้ดีทุกที่นั่นแหละ แถมสาขานี้ก็มีที่นั่งเยอะจนเรากลัว5555 มีเด็กๆไฮสคูลมานั่งติวหนังสือกันเยอะมาก คือได้บรรยากาศที่ดี ไม่อึดอัด แล้วดูบรรยากาศหน้าห้องสมุดตอนเย็นๆ ช่วงที่ไม่ค่อยมีแดดแล้วสิ
….ตายยยยย วิวแบบนี้ขอตายตรงนี้เลยดีกว่า สวยเกิ๊นนนนนน
พอนั่งไปได้สักพักก็ถึงเวลาที่จะกลับได้แล้ว เลยต้องถอนตัวไปอย่างน่าเสียดาย เพราะอย่างที่ว่า ถ้ากลับเกินสี่ทุ่มโฮสเทลจะไม่ให้เช็คอิน…. ทำไมเราต้องง้อโฮสเทลขนาดนี้ด้วยวะT-T
อยากได้ที่พักบรรยากาศบ้านญี่ปุ่นเก่าๆ แล้วก็ได้สมใจจริงๆ คือมันเก่ามากเว่อร์55555
ข้างในบ้านส่วนใหญ่เป็นไม้ ห้องอาบน้ำกับบันไดเดินนิดเดียวดังเอี๊ยดอ๊าด ห้องนอนรวมเป็นเสื่อตาตามิ เผลอๆคือทำให้ชีวิตลำบากเข้าไปอีกเพราะข้อห้ามเยอะมากกก55555555555 เช็คอินก่อนสี่ทุ่ม ห้ามเดินลงบันไดตอนกลางคืนบ่อยๆ ส่วนกลางใช้ได้แค่ถึงเที่ยงคืน ห้ามเอาอาหารไปกินในห้องเพราะเดี๋ยวเลอะเสื่อ มันทำความสะอาดยาก บลาๆ ซึ่งก็จริงของเขาแหละ แถมโรงแรมก็มายากด้วย(ต้องต่อบัสมาจากสถานีหลักอีก เปลืองอี๊ก) สรุปคือมันคุ้มบ่หนิ-________________-;
ครัวของโฮสเทล เป็นฟร้อนด้วย แล้วก็มีที่นั่งกินข้าวด้วย
สวนกลางบ้าน จัดแบบญี่ปุ๊น...ญี่ปุ่น
พอร่างกายกลับมาถึงโฮสเทล ก็เริ่มคิดว่าเราหมด1วันไปอย่างงงๆเหมือนกันแฮะ… คือแต่ละที่ของคิวชูไปยากกว่าที่คิด มันทำให้แผนที่เราวางมาหลวมๆไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรเพราะพรุ่งนี้เป็นทัวร์ที่ซื้อมาจากเว็บ อย่างน้อยก็แค่ไปตามๆที่เขาบอกก็พอ(จ่ายเงินไปแล้ว มีรถให้ มีอาหารให้ ไม่ต้องดิ้นรนมากเท่าวันแรก-v-)
แต่ดูเหมือนว่าเราจะคิดผิด….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in