"ริอาเนี่ยทั้งทำตัวไร้เดียงสาแต่ก็ดูสูงศักดิ์ เหมือนอาสึกะเลยเนอะ" เสียงของเด็กสาวดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหู ในมือของเธอถือเครื่องเกมสีหวานเอาไว้ หน้าจอมีเด็กสาวผมทองคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นเด็กสาวที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจริงๆ ทว่าเธอกลับดูสดใส ไม่เหมือนกับอาสึกะที่ดูเงียบๆและไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์เท่าไหร่
"เป็นอย่างนั้นเหรอ?"
"ใช่เลย เหมือนกันขนาดนั้น ฉันเลยอยากเห็นอาสึกะเล่นดูน่ะ ยืมเครื่องของฉันไปก็ได้"
เธอหัวเราะคิกคัก อาสึกะไม่เข้าใจ แต่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขเธอจึงยิ้มบางเบาให้โดยไม่รู้ตัว
พอมานึกถึงตอนนี้แล้ว บางทีนั่นคงเป็นคำสบประมาทเราสินะ ทำไมถึงไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้...
...ตอนนั้นเธอคิดยังไงกับฉันกันแน่ โฮมุระ...
ทั้งสงสัย ทั้งคาดหวัง แต่ก็กลัวเหลือเกิน ไม่อยากจะเจ็บปวดเพราะความเชื่อใจอีกแล้ว ทว่าความหอมหวานของคำว่ามิตรภาพก็ทำให้หลงอยู่ในวังวนนั้นไม่จบสิ้น สุดท้ายแล้วก็ยังคงเชื่ออยู่ลึกๆ แม้ว่าจะบอบช้ำสักแค่ไหนก็ตาม...
นี่ผมสลบไปเหรอ?
พอมองไปรอบๆก็รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ไม่รู้จัก บางทีอาจจะเป็นห้องนอนในหอก็ได้ เพราะมันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ห้องพยาบาล
ตอนแรกมีแผนจะแกล้งเป็นลม แต่พอล้มเลิกแผนสำรองกลับเป็นลมไปจริงๆ นี่ผมอ่อนแอแค่ไหนกันแน่ อยู่ๆก็เริ่มกลับมากลุ้มใจกับร่างกายตัวเองอีกแล้ว
ไอ้เจ้าตัวตนที่ชื่อริออสเนี่ย ถึงจะเป็นตัวเอกชายที่มาแทนตัวเอกหญิง แต่พลังกายและอะไรหลายๆอย่างทำไมถึงไม่ได้ต่างจากผู้หญิงสักนิดเลยล่ะ มีแค่หน้าตาและไอ้นั่นที่เป็นผู้ชายหรือไงกัน? ไม่รู้ว่าเป็นที่อาสึกะหรือเป็นที่ตัวเองกันแน่ เพราะริออสก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั่นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอาสึกะเลยสักนิด เขาควรจะเหมือนกับริอาที่เป็นตัวเอกหญิงในต้นฉบับบมากกว่า แต่นี่กลับเหมือนเป็นอาสึกะมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ตกลงว่าโลกนี้มันเป็นยังไงกันแน่นะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
"คุณหนูฟื้นแล้วเหรอครับ?" คนที่ส่งเสียงเรียกก็คือเอซ ที่ตอนนี้มาเป็นคนรับใช้ให้ชั่วคราว
จะว่าไปทำไมแม้แต่คนในบ้านก็เรียกผมว่าคุณหนูนะ นั่นมันไม่ได้เอาไว้เรียกผู้ชายอายุ 17 ปี สักหน่อย... ถ้าเด็กกว่านี้ก็พอกล้อมแกล้มเรียกไปได้ แต่ตอนนี้โตขนาดนี้แล้ว ถ้าไปเรียกข้างนอกกับคนไม่คุ้นเคย มิอายแย่เหรอ? ไม่สิ ดูเหมือนจะไม่อายจริงๆ เอซเคยเรียกต่อหน้าไคลด์ไปแล้วนี่นา ผมคงจะชินที่ถูกเรียกแบบนี้ไปแล้วล่ะ...
"เอซ...ที่นี่ที่ไหนน่ะ? ในหอพักเหรอ?" จริงๆก็อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พูดแค่นี้อีกฝ่ายก็น่าจะรู้ว่าควรเล่าอะไรบ้างแล้วละนะ
"ใช่ครับ ที่นี่คือห้องพักของคุณหนู เอ่อ...ท่านคริสถือวิสาสะค้นตัวคุณหนูเอากุญแจมาให้น่ะครับ"
คริส...ถึงเป็นนายก็ห้ามลวนลามผมนะ...ผมหน้าซีดหวังว่าเขาแค่หากุญแจจริงๆ
"ข้ารอคุณหนูอยู่ที่รถม้าที่เดิม ก็ถูกท่านคริสที่อุ้มคุณหนูมาเรียก ท่านคริสเล่าว่าคุณหนูเป็นลมระหว่างงานพิธีจึงจะให้ข้าพากลับไปนอนพักที่ห้อง ข้าเลยพาท่านมาที่นี่แล้วก็จัดการนำสัมภาระขึ้นมาไว้ในนี้หมดแล้วครับ"
ผมพยักหน้า เอซเป็นถึงมือขวาของท่านพี่จัดการอะไรๆได้เรียบร้อยอยู่แล้วจึงไม่ต้องไปตรวจสอบอะไรมากมายนัก และเขาก็คงไม่โกหกผมด้วย
"แล้วคริสล่ะ?" ผมถามต่อ
"ท่านคริส...กับเอ่อ...ฝ่าบาท..." แน่นอนว่าคริสไม่มีทางทิ้งไอร์ไว้ในพิธีคนเดียวแน่ๆ ก่อนผมสลบไปเขาก็บอกเองด้วยว่าไอร์จะมาด้วย ยิ่งเอซพูดถึงเขาขึ้นมาก็แสดงว่าเขาตามมาด้วยจริงๆ
"ทั้งสองคนขอตามมาด้วย แต่นี่เป็นห้องพักส่วนตัว แม้จะเพิ่งมาถึงก็ไม่สามารถให้ทั้งคู่เข้ามาเฝ้าคุณหนูตามอำเภอใจได้ ความจริงต้องให้รอที่ส่วนห้องรับแขกด้านนอก แต่ข้าต้องดูแลคุณหนูด้วยไม่สามารถรับรองแขกให้ได้ ทั้งคู่ก็เลยไปรอที่ห้องพักที่อยู่ติดกันแทน ท่านคริสยังกำชับด้วยว่าหากคุณหนูฟื้นก็ให้ไปเรียกท่าน"
ไม่รู้ว่าควรช็อกเรื่องที่คุณเอซคนนี้กล้าไล่ฝ่าบาทออกจากห้องก่อน หรือเรื่องที่ห้องพักอยู่ติดกันก่อนดี สรุปว่าห้องพักเราอยู่ติดกันจริงๆเหรอเนี่ย? ต้องมีการวางแผนไว้ก่อนแหงๆ
ส่วนเอซ นายไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะโมโหแล้วสั่งประหารนายบ้างเหรอ ถึงเขาจะเป็นไอร์ แต่เขาก็เป็นเจ้าชายเชียวนะ นายจะเห็นว่าเขาดูยิ้มแย้มเป็นมิตร เลยน่าจะไล่เขากลับไปง่ายๆโดยไม่เป็นไรก็ด่วนสรุปเกินไปแล้ว ถ้าอยู่ๆเขาดันเปลี่ยนบุคลิกขึ้นมากะทันหันนายไม่แย่หรอกเหรอ พี่ลูอิสสั่งอะไรนายไว้กันแน่เนี่ย?
"ข้าว่าเราน่าจะหาคนรับใช้มาช่วยอีกสักคนสองคนดีไหม" ผมเหงื่อไหลพรากๆ ไม่ใช่ด้วยอากาศร้อน แต่เป็นด้วยความหวั่นวิตกของตรรกะคนด้านหน้า
เอซยิ้มหวานให้ เขาไม่ได้ตอบรับใดๆกับข้อเสนอของผม นั่นมันน่ากลัวชะมัด...
"ตอนนี้ข้าฟื้นแล้ว คริสบอกให้ไปเรียกเขาใช่ไหม?"
"คุณหนูไปอาบน้ำ และทานข้าวก่อนสักหน่อยดีไหมครับ?" เขามองผมแล้วเสนอขึ้นมา ท่าทางผมคงยังดูสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"ไม่เป็นไร คุยให้เสร็จก่อน ข้าจะได้พักผ่อนยาวๆ ไม่มีอะไรกวนใจ" ผมพูดจริงๆนะ ถ้าไม่คุยให้รู้เรื่องก่อนผมคงทำอย่างอื่นอย่างสบายใจไม่ได้
"งั้นเดี๋ยวข้าจะไปเรียกท่านคริสมาก่อน คุณหนูอยู่ในห้องก็จริงแต่ก็ระวังความปลอดภัยนะครับ ข้าจะรีบกลับมา"
ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าตัวเองดูอ่อนแอแค่ไหน...ผมเพิ่มเป้าหมายที่ต้องทำไปอีกข้อหนึ่ง...จะต้องทำให้ตัวเองดูแข็งแรงจนน่าพึ่งพาให้ได้...
อา...แต่ตอนนี้ขอพักก่อนนะ...ไว้ค่อยเริ่มพรุ่งนี้แล้วกัน...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in