เนื่องจากผมทำอะไรไม่ได้ ผมก็เลยได้แต่คุยกับคริสไปเรื่อยๆ ระหว่างรอแถว
พอมาคิดดูอีกทีแล้ว ถึงผมจะใช้วิธีแกล้งเป็นลมได้จริงๆ แต่พอพวกเขารู้เรื่องที่ผมใช้เวทมนตร์ได้สองสาย เรื่องมันก็จะแดงออกมาอยู่ดี แต่ถ้าผมหนีการเข้าพิธีไปตลอด ผมก็จะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ นั่นทำให้ผมปกป้องตัวเองไม่ได้ ไม่มีวิธีดีๆเลยหรือไงนะ?
"งั้นตอนนี้เจ้าก็ใช้เวทมนตร์ได้?" ผมคุยกับคริสต่อ
"ก็ต้องได้สิ ข้าก็ฝึกฝนมาบ้างแล้วล่ะนะ ฉะนั้น แค่ปกป้องเจ้าน่ะสบายมาก ครั้งก่อนแค่ประมาทไปหน่อยเท่านั้น"
ตกลงว่าเขาเป็นอัศวินของใครกัน? ผมมองไปที่ไอร์ เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษกับคำพูดของคริส ทำให้ผมเบาใจขึ้นมาก อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็คงจะสนิทกันไม่มากก็น้อยใช่ไหม? ถ้าเขารู้จักคริสในระดับนึง เขาจะต้องรู้แน่ว่าหมอนี่แค่ล้อเ...ไม่สิ ไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิดนี่นา หวังว่าเขาจะให้ความสำคัญถูกนะ เจ้านายเป็นที่หนึ่งส่วนผมเป็นรอง ถ้าจะปกป้องผมก็ต้องให้เจ้าชายปลอดภัยก่อนนะเห้ย
ผมรู้สึกว่านายบ่าวคู่นี้ดูจะให้ความสำคัญกับอะไรผิดๆเหมือนกันเด๊ะเลย...
"ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้น่ะ" ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้ อาจจะเจอทางหลบหลีกที่สามารถทำได้บ้างก็ได้ หนทางในการหนีออกจะยากไปสักหน่อยในสถานการณ์นี้ ส่วนแผนเป็นลมนั่นทำได้แค่ยื้อเวลาเท่านั้น คงต้องเก็บเอาไว้ใช้ถ้าหากไม่มีทางรอดจริงๆ
ตอนนี้ผมจึงนึกได้อย่างนึง ถ้าหากว่าผมสามารถหลอกพวกเขาได้ว่าผมใช้เวทมนตร์ได้แค่สายใดสายหนึ่งแล้วล่ะก็ มันก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู
"มันก็แล้วแต่คนล่ะนะ ถ้าฝึกจิตใจมาดี สามารถสัมผัสพลังเวทมนตร์ได้ดี ก็เรียนรู้ที่จะควบคุมได้ง่าย อย่างข้าพอผ่านพิธีแล้วก็ได้รับการฝึกเลย ไมกี่วันก็ได้แล้ว อย่างเจ้าก็ไม่น่าจะยากหรอก"
"งั้นเหรอ?"
ต้องบอกก่อนว่าถึงหมอนี่จะหัวไม่ดีกับบางเรื่อง แต่เรื่องสำคัญๆโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการต่อสู้นี่ เขาเข้าใจได้เร็วมาก ดังนั้นหากเขาบอกว่าไม่กี่วัน ก็ตีไปได้ว่าคนปกติน่าจะใช้เวลามากกว่าเขา 2 ถึง 3 เท่า เฉลี่ยแล้วก็น่าจะประมาณ 1 สัปดาห์
ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะใช้เวลาเท่ากับคริสหรือเท่ากับคนปกติทั่วไป แต่ในสถานการณ์รีบเร่งแบบนี้ อย่าว่าแต่ 1 วันเลยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงก็ยังได้ไม่ทันการณ์อยู่ดี
"แต่ถ้าแค่ควบคุมพลังของตัวเอง ยังไม่ต้องถึงขั้นใช้เวทมนตร์ ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานใช่ไหม?"
"เรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังสัมผัสของตัวคนแล้ว ถ้าเจ้าแยกแยะพลังได้ก็น่าจะควบคุมได้ ข้าคิดว่าแบบนั้นนะ ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงถามล่ะ?"
แย่แล้ว...เขาเริ่มสงสัยผมขึ้นมาซะแล้วสิ...
"เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบทำอะไรผิดพลาด หากมีข้อมูลก็มีโอกาสเตรียมตัวก่อน จะได้ไม่ทำตัวหน้าขายหน้า" ผมพยายามหาเรื่องมากลบเกลื่อน
"อ้อ เป็นแบบนั้นนี่เอง" ดูเหมือนว่าคริสจะยอมเชื่อผมนะ
"ถ้าอย่างนั้น หลังจากที่ผ่านพิธี ข้าแนะนำให้เจ้าลองหลับตาแล้วเพ่งสมาธิดู การทำจิตใจให้มั่นคงช่วยให้มองเห็นพลังเวทมนตร์ได้ชัดเจน ถ้าเจ้าสัมผัสมันได้ที่เหลือก็ไม่น่ายากอะไร"
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ" ผมพยายามยิ้มให้เขาอย่างจริงใจที่สุด นี่มันช่วยได้เยอะเลยล่ะคริส รู้สึกโชคดีจังที่มีเขาเป็นเพื่อน
"ข้าจะช่วยเจ้าเสมอแหละ ริออส" คริสยิ้มตอบ ท่าทางเขาดีใจมากไม่แพ้ผมเลย...
ไม่นานหลังจากนั้นก็ถึงคิวพวกเรา หลังจากที่ผมร้อนรนมาพักใหญ่ ตอนนี้ก็ได้แต่เตรียมใจ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ผมก็จะใช้วิธีสุดท้ายนั่นยืดเวลาออกไปเพื่อฝึกควบคุมเวทมนตร์ เพราะงั้นแผนนี้จะไม่ล้มเหลวเด็ดขาด
คนแรกที่ลงทะเบียนก่อนคือเจ้าชายไอร์ พอเขาลงชื่อเสร็จก็ยืนรอคริส แต่คริสดันให้ผมลงทะเบียนก่อนซะงั้น
ชื่อของผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากชื่อของเจ้าชายและคริสที่อยู่บนสุดเลย รายชื่อนี่เรียงตามลำดับชนชั้นอย่างนั้นสินะ ไม่แปลกใจเลยที่ไคลด์จะเห็นชื่อของผมได้ง่ายจากจำนวนทั้งหมดนี่...อย่าบอกนะว่า ลำดับนี้เป็นลำดับห้องพักด้วยน่ะ? คงไม่ใช่ใช่ไหม?
หลังจากผมลงชื่อแล้วคริสก็ลงชื่อตามอย่างรวดเร็ว เราสามคนมุ่งหน้าไปทางประตูด้านหลัง
ข้างในเป็นโถงใหญ่อีกแห่งมีปะรำพิธีด้านหน้าที่ยังคงมืดและเงียบสงบ ดูเหมือนว่ายังไม่เริ่มพิธี รอบๆมีเก้าอี้วางเรียงเป็นแถวๆ นักเรียนหลายคนจับจองที่นั่งและพูดคุยกันเสียงดังจ้อกแจ้กวุ่นวาย
"ฝ่าบาท เชิญทางนี้" ก่อนที่ผมจะมองหาที่นั่งว่างๆเจอ คริสก็รีบดึงตัวเจ้าชายไอร์ไปอีกทาง
"เดี๋ยวสิ คริส"
"ทางโรงเรียนเตรียมที่นั่งไว้ให้แล้วล่ะครับ ถ้าไม่ยอมไปนั่งในที่ที่โรงเรียนจัดไว้ให้ก็อย่าหวังว่าข้าจะยอมให้ท่านอยู่ที่นี่เลย ใช้กำลังนิดหน่อยเพื่อพาตัวท่านไปที่ปลอดภัย ไม่มีใครลงโทษข้าหรอกขอรับ"
"คริส เจ้ามันเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว..." ถึงคนพูดจะเป็นองค์ชาย แต่ผมก็คิดแบบนี้ในใจเหมือนกัน
ที่แท้ที่คริสยอมว่าง่ายแต่แรก เพราะมีแผนรับมือแล้วนี่เอง ถึงว่า หมอนี่ยอมคนอื่นง่ายก็จริงแต่ไม่หน้าจะปล่อยปละละเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน ยิ่งความปลอดภัยของเจ้านายที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของอัศวิน ไม่น่าจะยอมง่ายๆแบบนั้น
"ถ้างั้นไว้เจอกันนะ ริออส" เขาโบกมือลาก่อนจะกึ่งจูง กึ่งลากเจ้าชายคนนั้นออกไป เล่นเอาผมไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงเลยจริงๆ
อ๊ะ จะว่าไป ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวซะแล้วสิ...ถึงจะรู้สึกไม่อุ่นใจเท่าตอนมีคริสอยู่ แต่ก็ต้องเดินไปหาที่นั่งอยู่ดี
ตอนที่เดินไปสอบถามนักเรียนคนอื่นก็ทราบว่าลำดับเก้าอี้นั้นเรียงตามรายชื่อตอนลงทะเบียน ผมเลยต้องเดินไปแถวหน้าอย่างจำใจ...พอเจ้าชายกับอัศวินที่อยู่ชื่อแรกสุดไม่ได้นั่งอยู่ในแถวนี้ ชื่อของผมก็ขึ้นมาเป็นลำดับที่สองทันที
ไม่ต้องหาก็พบเก้าอี้ตัวเองได้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...
"ท่านคือริออส ฟาไรล์ บุตรของมาร์ควิสไซทัสสินะคะ ข้าเฟอร่า อัลทิอัส บุตรตรีของดยุครามิสและคู่หมั้นขององค์ชายลำดับที่หนึ่งค่ะ ยินดีที่ได้พบ" หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยทักทายพร้อมยกชายกระโปรงเล็กน้อย เธอเกล้าผมสีน้ำตาลทองไว้ด้านหลังทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยไปนิด แต่ก็เหมาะสมกับฐานะของเธอแล้วล่ะ
ก็นะ ในเมื่อที่นั่งถูกเรียงตามลำดับชั้น ลำดับก่อนผมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบุตวสาวของดยุค ตัวร้ายของเกมนี้นี่เอง
ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายแล้ว ไม่บังอาจไปแย่งจีบเจ้าชายของเธอแน่นอน ฉะนั้นเราสองคน ดีกันได้ ใช่ไหมครับ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in