การลงทะเบียนหอพักมันคือหนึ่งในเหตุการณ์เนื้อเรื่อง เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกหนีได้ ในเหตุการณ์นี้ไม่ได้ให้อะไรสำคัญมากนักแต่เป็นการเปิดเผยข้อมูลหนึ่งของตัวเอกเราสู่สาธารณะ เรียกได้ว่ามีแต่เสียกับเสีย
หลังจากที่ลงชื่อแล้วเราจะได้กุญแจกับเลขที่ห้องพักของตัวเอง แต่มันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น ถ้าเรื่องมันง่ายๆเขาคงไม่ให้เรามาต่อแถวยุ่งยากแบบนี้หรอก
ผมต้องอธิบายก่อนว่าในโลกนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ เวทมนตร์นั้นเป็นพลังธรรมชาติ เป็นพลังงานภายนอก ผู้ที่ใช้เวทมนตร์จึงต้องสามารถสัมผัสพลังที่ว่านั้นแล้วควบคุมเพื่อนำมันมาใช้ เพียงแต่การจะสัมผัสพลังได้จะต้องผ่านพิธีศีลจุ่มเสียก่อน แล้วพิธีศีลจุ่มก็จะเริ่มรับได้เมื่อเราเข้าโรงเรียนหลวงนี่แหละ
นอกจากโรงเรียนหลวงแล้ว ไม่ได้มีโรงเรียนอื่นๆในประเทศนี้อีก หากจะมีโรงเรียนราษฎร์ ก็จะหมายถึงสถานที่ซึ่งสอนเรื่องสามัญสำนึกและความรู้พื้นฐานให้กับเด็กๆ เป็นห้องเรียนเล็กๆตามชุมชนซึ่งรวบรวมเด็กในหมู่บ้านนั้นๆมา ไม่ได้มีข้อบังคับว่าจะต้องผ่านการเรียนทุกคนและแม้ว่าจะมาเรียนก็จะไม่ได้รับศีลจุ่มแต่อย่างใด
ฉะนั้นผู้ที่จะใช้เวทมนตร์ได้จริงๆจึงมีแต่ผู้ที่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนหลวงเท่านั้น
เรื่องนี้อาสึกะไม่ได้รู้ละเอียดนัก แต่ริออสมีข้อมูลในฝั่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อย เมื่อนำมาประกอบกันจึงสามารถเข้าใจได้ไม่ยากว่ามันเป็นการแบ่งแยกทางชนชั้นอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าประเทศอื่นๆในโลกเป็นอย่างนี้ไหม แต่ผมคิดว่าถ้าให้การศึกษาทุกคนเท่าเทียมกันได้ หรืออย่างน้อยก็ให้ทุกคนได้ใช้เวทมนตร์บางทีอาจจะยกระดับผู้คนได้มากกว่านี้ก็ได้ ชนชั้นสูงคงกลัวว่าจะสูญเสียอำนาจหากมีสามัญชนที่ใช้เวทมนตร์ได้เก่งกาจกระมัง หรือถ้ามองโลกในแง่ดีหน่อย พวกเขาคงไม่กล้าเสี่ยงกับสามัญชนที่ไม่มีความคิดบางคน
ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกนี้ก็ยังมีบุคคลที่ต่ำตมจนถึงที่สุดอยู่เช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าในหมู่ชนชั้นสูงจะไม่มีได้มีคนแย่ๆแบบนั้น ดังนั้นส่วนตัวแล้วผมจึงชอบที่จะให้ทุกคนเท่าเทียมมากกว่าจะมานั่งกังวลว่าคนจนที่นิสัยแย่ได้เวทมนตร์ไปแล้วจะทำเรื่องเลวร้าย เพราะคนรวยมันก็มีเหมือนๆกับคนจนนั่นแหละที่มีทั้งแย่และดี ยิ่งการที่โบสถ์เป็นผู้มอบศีลจุ่มให้แค่นักเรียนในโรงเรียน ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ เพราะกลุ่มคนที่ควรจะน่านับถือกลับไม่ได้มีความยุติธรรม
เอาล่ะ พอเรื่องนั้นไว้แค่นี้ พูดถึงสิ่งที่ผมจำเป็นต้องเผชิญหลังจากได้รับศีลจุ่มดีกว่า อย่างที่รู้ว่าตัวผมนั้นเป็นตัวเอกในเกม ความสามารถทางเวทมนตร์ของริอานั้นไม่ธรรมดา ผมคิดว่าตัวผมเองก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน และสุดท้ายผมก็จะต้องถูกจับตามอง
ในโลกนี้ความสามารถทางเวทมนตร์แบ่งออกเป็นสองสายอย่างชัดเจนคือตะวันและจันทรา ในแต่ละสายจะมีความแข็งแกร่งที่ไม่เหมือนกันทั้งในด้านของรูปแบบเวทมนตร์ จนถึงความแข็งแกร่งในแต่ละช่วงเวลา
สายตะวันจะแข็งแกร่งในเวลาเช้า และเหมาะกับเวทมนตร์สายป้องกันและรักษามากกว่า ส่วนจันทราก็จะตรงกันข้าม คือแข็งแกร่งในตอนกลางคืนและเหมาะกับเวทมนตร์สายจู่โจม ผู้ใช้สายตะวันอาจจะใช้เวทจู่โจมก็ได้แต่ความเหมาะสมมันก็เป็นไปอย่างที่ว่า และแม้จะเป็นเวทมนตร์ธาตุที่เหมือนกัน แต่หากว่าผู้ใช้เป็นคนละสาย ผลที่ได้ก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวริอานั้นมีความสามารถของเวทมนตร์ทั้งสองสาย กล่าวคือเธอเป็นได้ทั้งฝ่ายจู่โจม ป้องกัน หรือสนับสนุน แถมยังแข็งแกร่งเท่าเดิมตลอดเวลาไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน อาจเป็นเพราะระบบเกมต้องการให้ผู้เล่นเลือกเล่นได้หลายทางตามความถนัดก็ได้ แต่มันก็ทำให้ตัวเอกเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่นไปด้วย เป็นฉากในเนื้อเรื่องที่ชวนอิมแพ็คแก่ผู้คนรอบๆตัวเหลือเกิน
ในเนื้อเรื่องเกมนั้นไม่สามารถหลีกหนีได้ แต่ผมก็อยากจะลองหลีกหนีดู เพราะว่าผมไม่อยากจะเป็นจุดเด่น บางทีผมน่าจะสามารถทำบางอย่างโดยไม่ต้องหนีก็ได้ แต่จะทำยังไงดีล่ะ?
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดแถวก็ค่อยๆสั้นลงอย่างน่าใจหาย
"หลังจากลงทะเบียนเสร็จ พวกเจ้าจะไปไหนกัน?" ผมถามคริสที่อยู่ใกล้ๆตัวก่อน ในสายตาผมแล้ว คุยกับเขาปลอดภัยที่สุด
"อืม...กำหนดการวันนี้มีแค่มาที่นี่น่ะ หลังจากนี้คงไปที่หอละมั้ง? ต้องถามเจ้าชายดู"
"จะว่าไป เจ้านอนที่ไหนล่ะนั่น? ห้องคนใช้?"
"ไม่ใช่แบบนั้นสิริออส ข้าก็เป็นนักเรียนเหมือนกัน มีห้องส่วนตัวอยู่แล้ว แค่จัดไว้ติดกับองค์ชายเท่านั้นเอง"
"คนรับใช้ของพวกลูกขุนนางยศสูงๆก็ได้อยู่ห้องติดเจ้านายเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ต่างกันตรงไหน?"
พอผมแซะกลับไปแบบนั้น คริสก็ทำหน้าเลิ่กลัก
"ถึงเจ้าจะว่าแบบนั้นก็เถอะ...เอ..."
ผมรู้ว่าคริสไม่ใช่คนที่เป็นห่วงสถานะตัวเองอะไรขนาดนั้นหรอก จะคนใช้หรือองครักษ์ก็ไม่ได้ต่างกัน เพียงแต่พอพูดไปแบบนี้แล้วเขาก็จะเริ่มสับสนขึ้นมา ท่าทางมึนๆแบบนั้นมันก็น่ารักดีออก...
"เรื่องนั้นช่างเถอะ ที่ข้าอยากถามไม่ได้หมายความแบบนั้น..." ผมจะอธิบายยังไงดีนะ
"แล้วมันแบบไหนกันล่ะ?"
"ข้าหมายถึง...หลังประตูบานนั้น..." ผมชี้ไอทางโต๊ะลงทะเบียน คนที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วถูกนำทางให้ไปยังประตูหลังต่อ
"ข้ารู้มาจากท่านพี่ลูอิสว่าหลังจากนี้จะเป็นพิธีรับศีล ถึงจะไม่เห็นหลังประตูก็เถอะ แต่คงมีคนเยอะแยะ พวกเจ้าน่าจะต้องปลีกตัวออกไปใช่ไหม? แล้วจะไปไหนกัน?" อันที่จริงผมรู้มาจากอาสึกะ แต่จะให้บอกตรงๆคงไม่ได้ อ้างชื่อพี่ลูอิสคงไม่เป็นไรใช่ไหมนะ
"ข้าตั้งใจว่าจะอยู่ดูพิธีนั้นนะ" เจ้าชายที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินบทสนทนาจึงตอบแทน
"เอ๋?" ผมร้องแทบจะประสานเสียงกับคริส พอรู้ตัวว่าคริสเองก็ตกใจเหมือนกันก็หันไปมองหน้าเขา
"เจ้าก็ไม่รู้หรอกเหรอ?" ผมถามคุณอัศวินอารักษ์
"เดิมทีหลังจากนี้คิดว่าจะไปที่หอพักเลย เพิ่งได้ยินจากฝ่าบาทเนี่ยแหละว่าจะอยู่ต่อ" คริสละล่ำละลักตอบ
"เจ้าคงไม่รู้ แต่ว่าพวกเราได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าร่วมน่ะ เพราะการฝึกฝนพลังเวทย์เป็นเรื่องสำคัญ ข้ากับคริสที่มีตำแหน่งสำคัญก็เลยได้ผ่านพิธีเป็นกรณีพิเศษก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว"
เจ้าชายพูดออกมาเองแล้ว...เรื่องนี้ผมรู้อยู่ก่อนจากเนื้อเรื่องเกม แต่จะให้พูดไปตรงๆก็ไม่ได้เพราะมันค่อนข้างเป็นความลับ...ในเมื่อเขาพูดมาเองแล้วก็ง่ายขึ้นล่ะ ผมจะหนีไปกับเขา!
อ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนสิ ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะอยู่นี่นา...ทำไมล่ะ?
"เช่นนั้นแล้วทำไมถึงตั้งใจจะอยู่ล่ะครับ กลับไปพักผ่อนเลยก็ได้นี่นา?"
"ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันดูน่าสนุกเท่านั้นเอง มีอะไรงั้นเหรอ"
โอ๊ย เจ้าชายบ้านี่ เกินเยียวยาแล้ว...เขาจะอยู่ก็ช่างเขา แต่ผมไม่อยากจะอยู่ ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ผมก็หนีตามเขาไปไม่ได้น่ะสิ ถ้าแกล้งเป็นลมวันนี้ แล้วค่อยเข้าร่วมพิธีแบบเดี่ยวๆทีหลังจะได้ไหมนะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in