เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อิน(เทิร์น)หรอ?cherry moon
อิน(เทิร์น)หรอ 2: Lift-off อีกสองเดือนเจอกัน








  • 23พฤษภาคม 2562, วันเดินทางสู่ฮานอย

     

    ที่จริงแล้ววันฝึกงานมันคือวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคมแต่ด้วยความอยากไปเตรียมตัว(และเที่ยว)ก่อนเราเลยเดินทางไปถึงฮานอยให้เร็วกว่าสัก4 วัน. เรากับเพื่อนจองเที่ยวบินตอนเช้าเอาไว้ กำหนดการคือออกจากดอนเมืองตอนเช้าประมาณหกโมงสี่สิบเพื่อที่จะได้ไปถึงเวียดนามไม่มืดนักและเข้าที่พักได้ง่ายๆเพราะเรากับเพื่อนก็ไม่รู้ว่าฮานอยมันจะเดินทางลำบากขนาดไหน.พอถึงวัน เราออกจากบ้านประมาณตีสี่ครึ่ง บ้านเราอยู่สำโรงซึ่งมันคนละฟากกับดอนเมืองเลยแต่ด้วยความที่มันเช้าวิ่งแค่ประมาณสี่สิบนาทีก็ถึงที่หลังจากบอกลาแม่กับพี่สาวแล้วเราก็เดินลากกระเป๋าเข้าสนามบินด้วยฟีลของวงซาซ่า ตอนนี้ฉันยังไม่มองใคร—ถุ้ย!

     

     

    ทุกอย่างมันดำเนินไปด้วยดีมากๆ เราไม่นึกว่ามันจะมีอะไรผิดพลาดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เดินทางออกนอกประเทศแล้วคือทุกครั้งมันก็ผ่านไปด้วยดีจนในตอนนั้นที่กำลังเดินไปช่องเช็คอินหัวใจเราก็แทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มลืมพาสปอร์ตไว้บ้าน! อิเวร! โว้ยยยยยยยยยยยยยยตอนนั้นก้มมองนาฬิกาแล้วก็เห้นว่ามันเป็นเวลาตีห้าเกือบครึ่งซึ่งมันจะปิดเช็คอินตอนตีห้าสี่สิบคือตอนนั้นสาปส่งตัวเองมากว่าลืมอะไรไม่ลืม อิควัย ลืมพาสปอร์ตเอาเป็นว่าแม่งเป็นความผิดพลาดที่เราคิดว่าเราจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต เมื่อเรารู้ว่ามันไม่มีทางทันแน่นอนที่จะกลับไปเอาพาสปอร์ตเราเลยไปติดต่อเค้าท์เตอร์เพื่อสอบถามว่าจะทำไงได้บ้างพี่พนักงานก็บอกว่าเลื่อนไฟลท์ได้อย่างเดียวเขาบอกว่ามันน่าจะมีคนนึงไปก่อนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าขอเปลี่ยนแปลงไฟลท์เยอะมากแต่ด้วยความที่เครื่องมันออกห่างกันเป็นวันและต่างคนต่างเป็นเด็กเด๋อๆด้วยกันทั้งคู่สุดท้ายเพื่อนเลยตัดสินใจที่จะออกพร้อมเราตอนหกโมงเย็น, เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือเราแม่งพาเพื่อนซวยไปด้วยอันนี้คือรู้สึกผิดมากแงงงงงงง 

     






    หกโมงเย็นของวันนั้นเราก็ผ่านเข้ามานั่งรอในเกทได้ด้วยดี เรานึกกับตัวเองว่าถ้าหากลืมอะไรอีกก็จะไม่ไปแม่งแล้ว! อะไรมันจะสะเพร่าขนาดนั้นวะ!


    ระหว่างที่รออยู่ในเกทเรามีหลายความรู้สึกมากในหัว ทั้งตื่นเต้นดีใจ กลัว หรือแม้กระทั่งทำไมกูถึงจะเอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นวะ ทำไมไม่อยู่ที่นี่ในที่ที่คุ้นเคย กลับบ้านมาก็ได้กินข้าวที่บ้าน ได้นอนเตียงตัวเองได้เล่นกับแมว 55555555555555อาจเพราะเราไม่เคยห่างบ้านนานเกินสามอาทิตย์ด้วยมั้งทั้งชีวิตนี้มันเลยรู้สึกว่าการจะไปครั้งนี้มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันนึงของชีวิตเลยอาจจะดูเว่อมากกกก แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ รู้สึกว่าตัวเองจะได้เติบตัวจริงๆแล้วภาพในหัวคือลูกนกที่บินออกจากรังเลยอ่ะ 55555555555

     

    จังหวะนั้นมันมีหนังเรื่องนึงเหมือนกันที่เข้ามาในหัวเรา คือเรื่องCastAway ที่ทอม แฮงค์เล่น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปติดเกาะแบบนั้นก็ตาม55555555 แต่เรากลัวว่าในช่วงที่ไม่อยู่ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป ทุกคนจะเปลี่ยนไป เวลาสองเดือนมันก็ไม่น้อยที่จะเปลี่ยนหลายๆอย่างได้แต่มันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวของเราเองก็ได้ที่อยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิมทั้งที่เวลาสองเดือนนั่นก็อาจเปลี่ยนเราไปเหมือนกันแล้วก็นั่นแหละในเมื่อเราตัดสินใจไปแล้วถึงแม้ในอนาคตเราจะคิดว่ามันจะเป้นการตัดสินใจที่พลาดแต่คนเรามันก็ต้องเลือกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วป่ะวะมันไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง ได้รู้อย่างนึงก็ไม่ได้อีกอย่างนึง เช่น ได้ไปเปิดประสบการณ์แต่ไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่กว่าสองเดือนเป็นต้น แงงงงงงงงงง

     

     






    เราถึงฮานอยกันประมาณสองทุ่มครึ่งกว่าจะซื้อซิมการ์ดและหารถเข้าที่พัก กว่าจะถึงที่พักก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า หลังจากลงไปหาอะไรกินซึ่งมันไม่มีเพราะทุกร้านปิดหมดแล้วและวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกปรอยๆแบบน่ารำคาญเรากับเพื่อนเลยไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากเก็บของเข้าที่เข้าทางและอาบน้ำนอนหลับไปพร้อมกับแผนการในหัวที่ว่าพรุ่งนี้เราจะออกไปตะลุยเมืองนี้กัน

    แต่ใครจะรู้ว่าช่วงปรับตัวนี่แหละแม่งโคตรพายุแห่งความอิหยังวะ!






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Phatchanana Khunmood (@fb3002971299748)
อยากสอบถามเรื่องที่พักหน่อยค่ะ พักที่ไหน ราคา ประมาณเท่าไรคะ