เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สิ่งที่นึกได้ตอนดูwarrantica
สิ่งที่นึกได้ตอนดู Guardians of the Galaxy Vol. 2 (No Spoilers)
  • Guardians of the Galaxy Vol. 2 คือภาคต่อของ Guardians of the Galaxy หนังในดวงใจของใครหลาย ๆ คน กลับมาคราวนี้พร้อมกับทีมที่ใหญ่ขึ้น สีสันที่ฉูดฉาดขึ้น และมิกซ์เทปใหม่เอี่ยม!

    Marvel's Colourful Universe

    หนึ่งในคำวิจารณ์หนังมาร์เวลโดยทั่วไปคือ หนังใน MCU นั้นสีหม่น จืด ไม่สดใสเหมือนในคอมมิกต้นทาง ปัญหาหลักดูจะมาจากการ color grade หรือการแต่งสี รวมไปถึงการเลือกสถานที่ เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบฉากที่พอเอามารวมกันแล้วได้ออกมาเป็นภาพสีเทา ๆ จืด ๆ อย่างในวิดีโอนี้ที่พูดถึง color grading ในหนัง MCU (ถึงในวิดีโอจะมีข้อมูลผิดพลาดบ้างก็เถอะ)

    คำวิจารณ์นี้ใช้กับ Guardians of the Galaxy Vol. 2 ไม่ได้ เพราะหนังเรื่องนี้สีสดมาก และยิ่งไปกว่านั้นคือ ช่วงหลังมานี้ ตั้งแต่ Doctor Strange ไปจนถึง Thor: Ragnarok จักรวาลของมาร์เวลดูจะมีสีสันมากขึ้น ใช้โทนสีกว้างขึ้น และสีสดขึ้น ไม่เชื่อลองดูภาพเปรียบเทียบ "สีทอง" ใน Thor กับใน Guardians of the Galaxy Vol. 2 ดู

    Thor (บน) vs Guardians of the Galaxy Vol. 2 (ล่าง) ภาพ: Marvel Studios

    ช็อตนี้ใกล้เคียงกัน แต่จะเห็นได้ว่าสีทองของบัลลังก์ของ Ayesha (ภาพล่าง) นั้นอิ่มกว่ามาก และฉากก็มีสีน้ำเงินมาตัดทำให้ไม่น่าเบื่อเกิน ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จักรวาลมาร์เวลจะสดใสขึ้นแบบถาวรหรือเปล่า แต่เราคนนึงละที่ชอบสีแบบใหม่นี้

    มุกเยอะ... ไปหน่อย

    Guardians of the Galaxy Vol. 2 คือคนที่ปล่อยมุกขำ ๆ ออกมา พอเห็นว่ามุกนี้เรียกเสียงหัวเราะได้ก็พยายามปล่อยมุกเดิมซ้ำ ๆ จนมันค่อย ๆ ตลกน้อยลง น้อยลง

    ช่วงต้นเรื่อง — ประมาณองก์แรก — มุกจะแน่นมาก แทบทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากตัวละครหลักเป็นมุกหรือ quip แทบจะทั้งหมด ทำเอาเราหวั่นไปเลยว่าจะเป็นแบบนี้ทั้งเรื่องไหม ค่อยยังชั่วที่กลางถึงท้ายเรื่อง มุกตลกดูจะเพลาลงบ้าง

    มุกส่วนใหญ่ตลกจริงนะ เราชอบมาก มีทั้งมุกผ่านบทพูด ทั้ง visual comedy ที่ทำให้นึกถึง Looney Tunes หรือ Tom & Jerry เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ หนึ่ง มุกในหนังเรื่องนี้ดูจะถูกจัดเป็นหมวด ๆ แล้วแจกจ่ายให้กับตัวละครที่เหมาะ ทำให้ตัวละครนั้น ๆ มีมุกแบบเดิม เลยดูตื้นเขินเหมือนตัวละครในซิทคอม Star-Lord ต้องมีมุกแบบนี้นะ ส่วน Drax ก็เอามุกแบบนี้ไป มันเลยดูซ้ำซาก

    สองคือ หลายมุกในหนังถูกลากยาวเกินไป มีฉากนึงช่วงกลางเรื่องที่ Groot ต้องไปเอาสิ่งของบางอย่างมาส่งให้ Rocket แต่กรูทเอาอย่างอื่นมาให้แทน ว๊าย น่ารัก พอให้กรูทกลับไปเอาของนั้นอีกรอบ อ๊ะ เอามาผิดอีกแล้ว ครั้งสองครั้งแรกก็ตลกอยู่หรอก แต่พอมาครั้งที่สาม สี่ ห้า จนจบฉากนั้นมันก็เฝือหมด แล้วคือเป็นแบบนี้บ่อยมาก

    Baby Groot กับการตลาดมหัศจรรย์

    ตอนที่ Vol. 2 เริ่มออกสู่สายตาประชาชนประมาณปลายปีที่แล้ว หลายคนออกมาวิจารณ์ถึงการใช้ Baby Groot (แทนที่จะเป็น Groot เวอร์ชั่นโตเต็มวัย) เป็นเครื่องมือการตลาดเพื่อขายของเล่น ซึ่งทางผู้กำกับ James Gunn ก็ออกมาบอกว่าการตัดสินใจนี้ไม่ใช่เหตุผลด้านการตลาด แต่เป็นเหตุผลด้านบทล้วน ๆ 


    แต่พอดูจบแล้ว มันไม่ยากถ้าจะสรุปว่าบทของกรูทในหนังเรื่องนี้คือการเอาความน่ารักมา exploit คือมันมีหลายฉากที่ยัดกรูทเข้าไปเพื่อที่จะคั้นอารมณ์ "Awww" จากคนดู ส่วนตัวแล้วเราเชื่อ James Gunn ว่าเบบี้กรูทนั้นเป็นการตัดสินใจด้านการเขียนบท ไม่ใช่ด้านการตลาด เราไม่อยากระแวงขนาดนั้น แต่อย่างที่บอกแหละ พอดูบางฉากแล้วมันก็ยากที่จะไม่ cynical น่ะ

    ตัวละครคับจอ

    เราชอบเวลาหนังโฟกัสที่ตัวละครมากกว่าพล็อต ถึงหนังเรื่องนี้จะไม่หนักไปที่ตัวละครเหมือน Logan แต่ตัวละครหลักเกือบทุกตัวถูกขยายหมด ไม่ว่าจะเป็นความหลังของ Yondu กับเหล่า Ravager และแน่นอน Star-Lord ที่ได้พบกับพ่อของเขา

    ภาพ: Marvel Studios

    นอกจากนี้เราว่าเคมีของทีมนั้นดีกว่าภาคก่อน สังเกตว่าตลอดทั้งเรื่องหนังจะแบ่งตัวละครหลักออกเป็นหลาย ๆ ทีม ช่วงแรก Star-Lord, Gamora และ Drax นั้นออกไปทำภารกิจ ส่วน Rocket, Groot และ Nebula อยู่เฝ้ายาน ต่อมาก็มีฉากที่ Rocket อยู่กับ Yondu และ Gamora อยู่กับ Nebula ซึ่งการแบ่งนี้ทำให้เกิดไดนามิกระหว่างตัวละครที่จะสร้างขึ้นยากถ้าทุกคนไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งกลุ่ม

    ซึ่งดี เพราะเราได้ข้อสรุปจากภาคแรก อย่างความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง Gamora กับ Nebula ก็ลงตัว ฝั่ง Star-Lord กับ Rocket ที่ขัดขากันบ้าง สุดท้ายก็ลงตัว

    ในมุมของการเล่าเรื่องนะ ที่น่าเสียดายคือหนังอุตส่าห์มี Mantis ที่มีความสามารถอ่านอารมณ์คนอื่นได้ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อพัฒนาตัวละคร ตัวอย่างเช่น ไดนามิกระหว่าง Rocket และ Yondu เราว่าถ้าใช้ Mantis เป็นสื่อกลางมันจะเข้มข้นขึ้น (อันนี้เราไม่อยากเล่ามากเดี๋ยวสปอยล์)

    สรุป

    เราอาจจะเขียนถึงแง่ลบของหนังเยอะไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วเราชอบนะ เนื้อเรื่องสนุก ภาพสวย ตัวละครหลากหลายและเข้ากันได้ดี Awesome Mix Vol. 2 ก็เพราะ — เราว่าเพราะกว่า Vol. 1 ส่วนที่เหลือก็เหมือนภาคแรก มันคือ more of the same ที่แท้จริงอะ ถ้าชอบภาคแรกก็คงชอบภาคนี้แหละ

    ถ้าใครดูมาแล้ว เราเขียนเพิ่มเติมในส่วนที่มีสปอยเลอร์ไว้ที่ sorav.it/watched/guardians-of-the-galaxy-vol-2 ครับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in