ในไดฟ์นี้เรากลับไปที่ไดฟ์ไซต์เรือจมกันอีกแล้วจ้า คราวนี้มาลงตอนกลางคืนยังไม่พอ เราก็ทำซ่าขอยืมกล้องของปุ๊กมาด้วยเด้อ ซึ่งนับว่าเป็นการเอากล้องลงน้ำแบบจริงจังเป็นครั้งแรก (ไม่นับโกโปรน้องน้อยของตัวเองที่ถ่ายทุกอย่างด้วยความง๊อกแง๊กงอกง่อยตลอดเวลา)
ก็...ตามที่คาดการณ์ไว้นะฮะว่าลงไปก็ต้องไปตีกับกล้องแน่นอน มีความอิหยังวะอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องปรับ white balance ยังไง ต้องจัดไฟแบบไหน แถมกดชัตเตอร์แล้วภาพที่ออกมาก็สั่นไปอี๊ก โว๊ะ!
ตื่นเต้นกับปูเสฉวนที่มีบ้านเป็นดอกไม้ทะเล
อ้อ แล้วก็มีซีนระทึกใจคือเราพยายามตั้งใจจะถ่ายปะการังงามๆ หันซ้ายไปเจอปลาเก๋าตัวบึ้มอยู่ข้างขา สะดุ้งเฮือกกกกก (เกือบโดนแดกขาไปแล้วกู๊ววว)
วันนี้เราตื่นตั้งแต่เช้าและนั่งรถบัสมาที่ Padang Bai Pier (ค่ะ...เรากลับมาที่นี่กันอีกแล้วนะคะคุณขา) เพื่อที่จะนั่งเรือไปไดฟ์ไซต์รอบๆเกาะ Nusa Penida นั่นเอง โดยภารกิจหลักของเราตลอดทั้งวันนี้คือการตามหาโมลาโมล่านั่นเองงงง
หมิง ครูแมท และปุ๊กที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
Mola Mola หรือ ปลาพระอาทิตย์ (Ocean Sunfish) เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มปลากระดูกแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จัดได้ว่าเป็นปลาที่หาตัวกันย๊ากยากเพราะปัจจุบันนี้จำนวนประชากรของโมล่าได้ลดน้อยถอยลงอย่างมาก ประกอบกับเป็นปลาที่รักการอยู่ในน้ำเย็นเจี๊ยบ เลยชอบอยู่แถวๆบริเวณที่เป็นรอยต่อของกระแสน้ำอุ่นและเย็น เพื่อว่าเวลาตอนที่หาอาหารก็จะได้ว่ายดุ๊กดิ๊กไปหาอาหารในเขตน้ำอุ่น แล้วก็กลับไปนอนแช่ตัวสบายๆในเขตน้ำเย็นเช่นเดิม
(ความเห็นส่วนตัวที่มีต่อโมล่า: เราว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ถ้าร่างนี้คือร่างที่พัฒนาร่างจนสุดขอบของวิวัฒนาการแล้วก็ไม่แปลกใจที่จะสูญพันธุ์อะ ฮืออออ คือน้องแบนๆ ขึ้นมาผึ่งอาบแดด และโดนสิงโตทะเลแง้บเล่นเงี้ย ไม่โอเค ถ้าน้องต้องการจะอยู่ น้องต้องมีวิวัฒนาการนะหนูลู๊กกกก)
และในช่วงนี้เป็นฤดูโมล่ามาประชุมใจรักสมัครสมาน ณ บาหลี มีข่าวว่านักดำน้ำพบเจอโมล่าโผล่ตัวมาให้เห็นบ่อยครั้ง เราก็มานั่งพนมมือไหว้และหวังว่าแต้มบุญของเราจะหนุนนำให้พบเจอกันในวันนี้ด้วยเถิด เพี้ยง!
และด้วยความที่น้ำเย็นถึง 25 องศาเซลเซียล มนุษย์ขี้หนาวมากๆอย่างเราก็เตรียมตัวมาค่อนข้างดี ใส่เวทสูทสามชั้น (Shark Skin และเวทสูท 3 มิลสองตัว) มีฮูดพร้อม ถุงมือพร้อม ถ้าใส่เสื้อโค้ทพร้อมผ้าพันคอและแปะแผ่นประคบร้อนลงไปดำน้ำด้วยก็คงทำแล้วแหละ แต่แม้ว่าจะห่อตัวเองเป็นแหนมแล้ว พอ back roll ตู้มลงจากเรือคือสั่นสะท้านประหนึ่งตกลงไปในถังน้ำแข็ง คาดว่าเวลาที่เขาจับกุ้งจับปูมาน็อกน้ำแข็งเพื่อส่งขาย ก็คงรู้สึกแบบเดียวกันนี่แหละนะ...
สำหรัับลักษณะของไดฟ์ไซต์เป็นผาหิน มีปะการังนุ้งนิ้งน่ารัก เราก็บุ๋งๆตามกระแสน้ำเลียบเลาะแนวผาไปเรื่อยๆ (จนบางทีก็ลอยตุ๊บป่องเลยหน้าไดฟ์หลีดไปอี๊ก) สิ่งมีชีวิตพบเจอกระเบนนกหนึ่งหน่วยถ้วน ไร้สัญญาณชีพของโมล่าแต่อย่างใด
เมื่อพวกเราขึ้นมาบนเรือแล้วเปิดดูเฟสบุ๊ค คุณพระะะะะะ อีกกลุ่มนึงที่เขาโดดตู้มไปก่อนหน้าเรา เขาเจอว่ะ!!! จุดนั้นทุกคนกรีดร้องด้วยความเสียดาย ได้แต่พนมมือในใจว่าขอให้โชคเข้าข้างเราในไดฟ์ต่อๆไปด้วยเถิด
เราพักจากการตามหาโมล่า มาเยี่ยมเยียนจุดทำความสะอาดและอาบน้ำอาบท่าของเหล่าแมนต้ากันหนึ่งไดฟ์ และระหว่างที่นั่งเรืออยู่นั้น เราผู้ประกาศกร้าวว่าเป็นคนไม่เมารถ เมาเรือใดๆ สามารถนั่งเล่นแคนดี้แครชได้ระหว่างการนั่งรถตู้จากเชียงใหม่ขึ้นไปปายและปางอุ๋ง กลับกลายมาเป็นคนที่นั่งงงๆอึนๆแบบขีดพลังงานลดฮวบฮาบเพราะความหนาวบวกกับเวียนหัวเวลาเรือกระแทกกับคลื่น
จุดนั้นคือมึนหัวมาก อาจเป็นเพราะใส่เวทสูทหลายชั้นเกินไปเลยรัดพุงกะทิ บวกกับพลังงานลดเพราะเจอน้ำเย็น พร้อมทั้งหายใจเอาเหม็นกลิ่นน้ำมันเครื่องและกลิ่นบุหรี่ของคนเรือเข้าไปเฮือกใหญ่ พอทุกอย่างมันรวมๆกันจนสมองเริ่มเบลอ คิดอยากจะโดดๆลงๆน้ำไปให้จบๆ พอเรือจอดปั๊บ เข้าชุดแบบรีบๆเพราะไม่ไหว มึนหัวจะตายแล้วเด้อ ก็ตู้มลงน้ำไปเลย
จุดนั้นพอเจอน้ำเย็นปุ๊บคือหนาววาบไปทั้งตัวแบบสั่นงั่กๆ หงุดหงิดตัวเองที่ลืมฮู้ด แถมหัวก็มึน กระแสน้ำก็พัด ทุกคนก็ตะโกนว่าให้เตะขามาทางนี้ ให้ระวังเรือข้างหลังที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามา ทุกอย่างมันตีกันไปหมดจนตอนนั้นก็เกิดสติแตกแพนิกขึ้นมาว่าไม่เอาแล้ว ขึ้นได้มั้ย ไม่ลงแล้ว หนาวมากกกกกกกกก ไม่โอเคคคคคคคคคคค เวียนหัวแบบจะอ้วกแล้วววววววววววว จนไดฟ์หลีดว่ายมาหา ถามว่ายูโอเคไหม จะดำไหม
เรามองไปที่เรือ ภาพที่เห็นคือเรือแม่งแกว่งไปแกว่งมาเป็นไวกิ้งก็คิดในใจว่า อิเชี่ยเอ๊ยย ถึงขึ้นไปกูก็ตายอยู่ดีมะ ไม่น่ารอดว่ะ ก็เอาวะ! คนเราไม่ได้มาบาหลีทุกวัน เพราะงั้นลงโว้ย!!
ตอนขึ้นมาสู่ผิวน้ำก็กลับมาเวียนหัวอีกรอบ พยายามลอยคอและตีขากลับไปที่เรือแต่หมดแรง หันไปคว้าพี่อุ้มกับพี่หวานไว้ได้แล้วบอกให้ช่วยลากไปหน่อย ไม่ไหวแล้วเด้อออออ ตายยยย พูดเล้ยยยยยย
สรุปว่าการมาเปิดประสบการณ์สัมผัสน้ำเย็นในครั้งนี้ ไม่มีแม้แต่เงาของโมล่านะจ๊ะ แต้มบุญยังไม่ถึงซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ก็เออนะ... ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอบหน้ามาใหม่ ต้องได้เจออออออ!!
ย้อมใจด้วยของดีเมืองอินโด
หลังจากที่ไปฝึกความอดทนต่อน้ำเย็นมาเมื่อวานนี้ วันนี้เราสลบหลับเป็นตายไม่ตื่นไปดำไดฟ์เช้าทั้งสองไดฟ์ ไม่ไหวเด้อ เหนื่อยมาก ใจจริงคือกะว่าจะโดดแค่ไดฟ์เช้าตรู่ไดฟ์เดียว ช่วงสายน่าจะฟื้นร่างแต่ทั้งกายหยาบและกายละเอียดบอกว่าไม่! เลยนอนพักไปก่อนก็ได้
พอตัดสินใจจะเดินกลับไปดูร้านรวงและช้อปปิ้งก็ดันไปผ่านหน้าร้านขายชุดว่ายน้ำที่กำลังเซลอยู่พอดี จุดนั้นคือหันมามองหน้ากันแล้วไป ตกลงใจว่าไป ไปซื้อ ไปเซิร์ฟ! (โดยไม่มีใครคิดจะห้ามอะไรกันเล้ยว่าเดี๋ยวกลับไม่ทัน ขึ้นเครื่องไม่ทัน ไม่มี๊!)
เล่นเสร็จแล้วก็รีบเรียก grab ไปส่งที่โรงแรม อาบน้ำ โบกมือบ๊ายบายสหายร่วมเซิร์ฟแล้วรีบบึ่งไปสนามบิน ทันเวลาเช็คอินพอดิบพอดี๊
และนี่คือเรื่องราวของเราในบาหลี ที่พอไถไอจีดูรูปเพื่อนๆคนอื่นที่ไปเที่ยวในช่วงเดียวกันก็คิดในใจว่าทำไมเขาชิคๆคูลๆกันจังว้า กระโปรงพริ้วปลิวสไวถ่ายรูปดจีดีงาม พลันนึกถึงภาพตัวเองพะงาบๆไถตัวแถดๆๆๆๆๆขึ้นมาจากหาดหิน เกรี้ยวกราดว่าจะซื้อฟินใหม่โว้ยยยยย หรือซีนที่เกาะขอบเรือเพื่อเอาข้าวเช้าออกมาให้เป็นอาหารปลา... เอ่อ...
ด้วยรัก...จากตูลัมเบน บาหลี
สถานที่ที่พระอาทิตย์ขึ้นจากท้องทะเลและตกลับเหลี่ยมของภูเขาไฟ
ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่..
IG: Ployapha.j
#ด้วยรักจากทะเลทราย
#withlovefromthedesert
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in