17 April 2018
สวัสดี Log book ที่รัก♡
ความเดิมตอนที่แล้วใน
Maldives Liveaboard Trip EP.1 คือเรื่องราว 10 ไดฟ์ครึ่งแรกของทริป
#LDTinMaldives2018 ที่สนุกสนาน เฮฮา โดนแมนต้าเอาครีบแปะหัว โดน Jet fin โบกใส่หน้า พบเจอเต่าน้อยใหญ่ ฉลามหลายหน่วย ฝูงกระเบนตลาดแตก และอื่นๆอีกมากมาย
ในวันนี้เราจะมาเล่าให้อ่านเกี่ยวกับอีก 8 ไดฟ์ครึ่งหลังว่าเราทำอะไร ไปดำน้ำที่ไหน พบเจออะไรบ้าง จะตีฟินสู้กระแสน้ำหน้าสั่นขนาดไหน ตามไปอ่านกันได้เลยจ้าาาาาาา ;)
11 April 2018
Dive 11 - Rangali Madivaru / Manta Point, S. Ari Atoll
Depth: 30.3 m. | Time: 49 mins
ตั้งแต่ก่อนมาทริปนี้ เราตื่นเต้นอยากมาดำตรงไดฟ์ไซต์นี้มากๆเพราะชื่อของมันคือ Manta Point ตอนนู้นคืออู้วหูววว ตื่นเต้น แมนต้าแถวนี้ต้องเยอะมากแน่ๆ แต่หลังจากที่ได้พบเจอแมนต้าแบบเต็มอิ่ม จุใจ ใกล้ชิดสนิทสนมจนครีบฟาดหัว ตลอดจนสองไดฟ์ที่แมนต้าว่ายวนฉวัดเฉวียนรอบตัวจนเลิกถ่ายรูป ไปถ่าย Flatworm แทนนั้น
เช้าวันนี้เราเลยขี้เกียจจะลงไดฟ์นี้หน่อยๆ กะว่า อะ ตื่นมากินข้าวเช้า นั่งอืดๆจิบไมโล ดูท่าทีไปก่อนว่าตรงนี้มันเป็นยังไง มีความอะเมซิ่งจิงเกอเบลแค่ไหน
พอฟังบรีฟไปก็โอ้โหไปตามคารมของชาร์มิลที่บอกว่าจุดนี้เราจะได้เจอกับ Oceanic Manta Ray นะจ๊ะ ซึ่งเป็นปลากระเบนราหนูตามมหาสมุทร มีขนาดบิ๊กบึ้มใหญ่กว่าปลากระเบนราหูตามแนวเขตปะการังที่เราพบเจอกันเมื่อวานนี้ โดยเจ้าพวกนี้จะย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆตามฤดูกาลนะเออ
ได้ฟังอย่างนี้ก็หูผึ่ง เหยดดดดด แมนต้าตัวใหญ่เว้ยเฮ้ยยยย
เอาวะ!
เราไม่ได้มาดำน้ำที่มัลดีฟส์ทุกวัน
(โควทนี้มาอีกแล้ววววว)
ไป ไปเข้าชุด!
และผลคือ... Manta Point ในวันนี้ ไม่มีน้องแม้นครีมาเซย์ฮายแต่อย่างใดจ้า ตีฟินไปเรื่อยๆอย่างเงียบเชียบ เอื่อยๆ เรื่อยๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายยามเช้า เหยียดยืดกล้ามเนื้อและวอร์มอัพประจำวัน สิ่งที่พบเห็นคืออนุบาลปลาฉลามหลายครัวเรือนที่น่ารักกุ๊กกิ๊ก และปลาสิงโตหนึ่งหน่วยเท่านั้น เป็นไดฟ์ถ่ายรูปเล่นชิคๆ
ไม่ได้ถ่ายเหล่าน้องหลาม ไกลไป ขอโทษค่ะหนูใช้แค่โกโปร ฮือ
Dive 12 - Maamighli Beyru, S. Ari Atoll
Depth: 24.1 m. | Time: 52 mins
และแล้วเราก็เข้ามาสู่โหมดซีเรียสจริงจังกับการตามหา ฉลามวาฬแห่งน่านน้ำทะเลมัลดีฟส์ กันบ้าง ไดฟ์นี้เป็นไดฟ์ที่เราบรีฟกันอย่างจริงจังมากๆเพราะการตามหาน้องจุดนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย น้องจะมา หรือไม่มา มันก็เป็นเรื่องของน้อง มนุษย์อย่างเราไปคาดการณ์กะเกณฑ์อะไรไม่ได้ (ไม่เหมือนที่ฟิลิปปินส์ที่ให้อาหารแล้วน้องก็อยู่ยั่งยืนยงไม่ไปไหน) เพราะฉะนั้นเราก็ต้องคิดวางแผนกันก่อนนิดนึง
โดยแผนแรกคือการสน็อกเกิลจ้า ชาร์มิลชี้ให้เราดูว่ารอบๆเรานั้นมีเรือมาจอดรอมากมายหลายสิบ รวมไดฟ์เวอร์ที่มาชุมนุมประชุมใจรักสมัครสมานอยู่ในละแวกน่านน้ำแถวนี้ก็ประมาณ 200 คน และเจ้ามนุษย์ 200 คนนี้แหละ (รวมถึงข้าพเจ้าด้วย) มีเป้าหมายเดียวกันคือ
ฉลามวาฬ
เราจะนั่งเรือเล็กไปตระเวนตามหาน้องจุดกัน หากเจอแล้วเราก็จะสน็อกเกิลตามรูปด้านบน โดยพยายามว่ายจ๋อมแจ๋มกันอยู่ด้านนอก เพื่อกันให้น้องว่ายชิดเกาะไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ว่ายหนีหายออกทะเลไป ซึ่ง...อีมนุษย์ทั้งหมด 200 กว่าคนนี้แหละ จะกระโดดตู้มลงน้ำไปโดยพร้อมเพรียงกัน
"Poor, poor whale shark..." ชาร์มิลรำพึงรำพันก่อนที่จะอธิบายต่อว่าถ้าวิธีการนี้ไม่เวิร์ค เราไม่เจอน้องจุด ก็จะเปลี่ยนมาเป็นวิธีการที่สองคือสกูบ้า ดำบุ๋งๆเพื่อตามหา
ซึ่งแผนนี้นั้นเราจะลงน้ำไปพร้อมกันหมด โดยมีไดฟ์หลีดว่ายอยู่ตรงที่ตื้น ตรงกลางๆ และลงไปลึกๆ พวกเราก็บุ๋งๆอยู่ตรงกลางไปเรื่อยๆ ไดฟ์หลีดจะคอยดูว่าเจอไหม ถ้าเจอก็ว่ายเข้าไป ระวังอย่าตัดหน้าน้อง ระวังหาง และอย่าแตะตัวน้องนะเออ เอาล่ะ ไปลงเรือได้ เฮ!
ระหว่างที่เรานั่งเรือเพื่อออกไปตามหาน้องจุดนั้น ก็พบเห็นเรือข้างเคียงจำนวนมาก ทั้งเรือที่แล่นไปยังทิศทางเดียวกันกับเรือที่แล่นสวนกลับออกมา (แปลว่ายังไม่เจอ) เราก็แล่นไปเกือบชั่วโมงจนชาร์มิลบอกว่าให้เข้าชุดเลย เราจะลงไปดำตามหากันตามแผนที่สอง ข้ามสน็อกเกิลไปเลยจ้า
พอลงไปใต้น้ำแล้ว สิ่งที่เรารู้สึกคือได้ยินเสียงเครื่องยนต์เรือแล่นผ่านไปผ่านมาตลอดเวลาและเสียงดังมากๆ ใจหนึ่งก็อยากเจอน้องจุดเป็นครั้งแรกในชีวิตนะ แต่พอเจอแบบนี้ก็รู้สึกว่าดีแล้วลูกเอ๊ยที่ไม่ได้โผล่มาแถวนี้ คิดดูว่าฉลามวาฬ 1:200 นี่มันเยอะมากเลยนะ สงสารอะ ยิ่งได้ยินเสียงเรือแบบนี้แล้วเรายังรู้สึกหนวกหูนิดๆเลย แล้วสัตว์ทะเลต่างๆนี่จะไม่รู้สึกรำคาญกันหรอว้า โดยเฉพาะสัตว์ที่สื่อสารผ่านคลื่นเสียงต่างๆอย่างวาฬกับโลมาจะไม่รู้สึกว่าถูกรบกวนเลยหรือ
ไดฟ์นี้เลยเป็นไดฟ์แห่งความคิดในหัวของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของพฤติกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อระบบนิเวศต่างๆ จริงๆก็คิดอยู่ในทุกๆไดฟ์นั้นแหละ เพียงแต่ไดฟ์นี้คิดเยอะกว่าเดิมนิดนึงเพราะไม่มีอะไรให้ดู เตะขาตีฟินไปเรื่อยเจื้อย
และความสนุกสนานอยู่ที่ตอนจบไดฟ์ ในระหว่างที่เรากำลังแล่นเรือกลับไปที่เรือใหญ่ก็ป๊ะกับฝูงโลมาที่จ๋อมแจ๋มผ่านมา ไอ้พวกเราก็เฮ้ยๆๆๆๆ โลมาาาาาาาา ก็หยุดเรือสังเกตการณ์กันนิดหน่อย และครูแมทก็คว้ากล้องกระโดดตู้มและพยายายามว่ายน้ำตามไปพร้อมกับเสียงเชียร์ของคนบนเรือ สุดท้ายก็ตามไม่ทันเพราะน้องไปไวมาก แถมต้องวนเรือไปรับอี๊กกกกก ขำมากกกกกก (ชาร์มิลบอกว่ามันกำลังโล้สำเภากันอยู่เน้อ พวกเราก็ไปขัดขวางความสวีทวี๊ดวี๊วของมันซะง้านนน)
พอขึ้นมาบนเรือก็คุยๆกันว่ามัลดีฟส์นี่บทจะเจอตัวใหญ่ก็เจอกันตู้มต้าม โครมคราม ถล่มทลายแบบเทกระจาดมาก บทจะเงียบก็เงียบกริ๊บ ไม่มีวี่แววสัญญาณชีพใดๆ ว่าแล้วก็กดเปิดเน็ต เข้าเฟสบุ๊คตามประสา ปรากฎว่า... โอ้โหหหห น้องจุดว่ายหนีจากเราไปยังน่านน้ำราชอาณาจักรไทยจ้า เจอกันที่ชุมพรจ้า ไฝแห้งเลยกู ข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำม๊ายยยยยยย ไม่เจ๊ออออออออออออออ
Dive 13 - Kuda Rah Thila, S. Ari Atoll
Depth: 30.8 m. | Time: 37 mins
ชาร์มิลบอกว่าไดฟ์ไซต์นี้เป็นไดฟ์ไซต์ที่ทุกคนชอบมาก คนมาดำน้ำบุ๋งๆกันแถวนี้เยอะแยะ โดยเฉพาะนักดำน้ำเอเชียน (จริงๆคือพี่จีน) เพราะมีปลาข้างเหลืองอาศัยอยู่เยอะแยะเป็นฝูง งดงาม ตอนบรีฟนี่ก็มีความภาคภูมิใจมากจนเราเคลิ้มไปด้วยว่า เออ ลงไปมันก็คงสวยจริงๆแหละ อะไรที่ชาร์มิลบอกว่าดี เราก็ว่าดี อะ ลงก็ลงงงงงงง
ตัดภาพมาที่ข้าพเจ้าผู้เมื่อหนึ่งเอาฮุคเกี่ยวหิน อีกมือหนึ่งจับหินอีกก้อนไว้เพื่อไม่ให้ตัวปลิวสไวไปกับสายน้ำ สายตาว่างเปล่าจ้องมองไปยังฝูงปลาข้างเหลืองเบื้องหน้าที่หน้าตาก็เหมือนที่เจอในเมืองไทย พร้อมกับเสียงในหัวที่ดังขึ้นว่า...
นี่กูมาทำเชี่ยอะไรตรงนี้!!!!!!!
ตัดภาพกลับไปตั้งแต่โดดลงน้ำก็ปลิวไป ตีฟินฝ่ากระแสน้ำจนหน้าสั่นตามชาร์มิลต้อยๆไปถึงจุดที่มีปลาข้างเหลืองว่ายน้ำทวนกระแสอยู่เหมือนกัน เขาก็หยิบกล้องออกมาถ่ายอย่างไม่ทุกข์ร้อนในขณะที่เราฮุคตัวเองอยู่กับหิน นั่งหอบหายใจ นึกขอบคุณตัวเองที่ลุกขึ้นมาวิ่งสามวันต่อสัปดาห์ตลอดระยะเวลาสี่เดือนที่ผ่านมาและกู่ร้องอยู่ในใจว่าหนูเป็นมนุษย์ หนูไม่ใช่ปลาแซลมอนที่ต้องว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อไปวางไข่ ใจเย็นก่อนเด้ออออ หนูมาทำอะไรที่นี่หรืออออออออ
แล้วชาร์มิลก็ขยับ หันมาส่งสัญญาณว่าให้ว่ายตามมา เรานี่หันไปมองหน้าปลาข้างเหลืองเหมือนจะขอความเห็นใจ พวกเจ้าว่ายเกาะกลุ่มทำตัวชิดแนวปะการังก็ยังปลิวเลย แล้วข้าล่ะ ข้าต้องออกจากจุดนี้ไปจริงๆนะหรืออออออ เหนื่อยยยยยยย /ถึงฮุคออกแล้วตีขาตามเขาไป
ที่เมืองไทยไม่มีให้เจอเล๊ยยย ไม่เคยพบไม่เคยเห็นนนนนน
ถึงต้องฝ่าฝันมาถ่ายรูปเนี่ยยยย
ถ่ายได้ตอนกำลังปลิว
จังหวะนี้คือหลุดโค้งจ้า ทุกคนว่ายเข้าไปตรงนั้น แต่ข้าพเจ้าลอยละล่องไปตามน้ำ
โปรดสังเกตฟองอากาศ คือสู้น้ำจนจินตการว่าตัวเองเป็นแซลมอนที่จะไปวางไข่แล้วอะ
กล้ามเนื้อขานี่ตึงเชียวแหละคุณเอ๊ยยยย
พอจบไดฟ์นี้แล้วก็ได้เวลาพักผ่อนหย่อนใจ เราตั้งใจว่าจะอาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆแล้วไปปาร์ตี้บาร์บีคิวงามๆบนเกาะแห่งหนึ่งที่เก็บค่าขึ้นเกาะ 5 ดอลล่าร์ แต่ด้วยความซุกซนที่อยากทำตัวเป็นนักผจญภัยไปสำรวจกันก่อน เรา พี่ส้ม พี่ออม พี่ปาล์ม พี่ยุ้ย พี่จง พี่ปุ๊ก และพี่ส้มโอ ก็รวมทีมเป็นกลุ่มผู้กล้าจัดแจงลงเรือ กะว่าจะไปอาบแดดนิดๆ ว่ายน้ำเล่นหน่อยๆ และถ่ายรูปเยอะๆ ฮาาาาา
เหนื่อยจะตายแต่ก็ไม่วายซ่า
เห็นน้ำสีฟ้าแล้วอยากลงไปว่ายอีก
ตัวเกาะก็เป็นเกาะเล็กๆ ไม่มีอะไรมาก มีโต๊ะเก้าอี้เตรียมพร้อมสำหรับปาร์ตี้ และมีเด็กเรือกำลังช่วยกันก่อทรายให้เป็นรูปฉลาม ดูทรงแล้วคิดว่าคืนนี้ต้องได้รูปสวยๆแน่นอน
น้องพลอยไงจะใครล่ะ
ระหว่างที่เรากำลังถ่ายโฟโต้ชูตกันอยู่ด้วยความเฟียสนั้น ฝนก็เทลงมา เทลงมา เทลงมาเฉยเลยจ้า พวกเราคิดว่าจะกลับไปที่เรือใหญ่แต่ก็ติดต่อใครไม่ได้ เป็นทีมคนติดเกาะ โบกไม้โบกมือกระโดดหย็องแหยงด้วยความหวังว่าคนบนเรือจะเห็นเรา พยายามโทรไลน์หาคนบนเรือให้มารับหน่อยก็ไม่มีใครรับสาย จนสุดท้ายต้องวานให้คนที่กำลังก่อกองทรายอยู่นั้นติดต่อเรือใหญ่ให้หน่อย
ทีมนักสำรวจติดเกาะ รอดแล้ว เย่!
ท้ายที่สุดแล้ว ฝนก็ตกลงมาหนักมากจนขึ้นไปปาร์ตี้บนเกาะไม่ได้จ้า ฝนฟ้าคะนองกระจายเหลือเกิน ซึ่งในความโชคร้ายที่ไม่ได้ขึ้นเกาะก็เป็นความโชคดี เพราะคืนนี้เป็นคืนวันพุธและบุพเพสันนิวาสฉายเป็นตอนสุดท้ายพอดี๊ เลยตั้งเป็น #ทีมดูสดมัลดีฟส์ กัน เป็นแก๊งไดฟ์เวอร์ติดละครเด้อออออ
ตั้งใจมาก โฟกัสมาก หวีดพี่โป๊ปมากกกกกกกกกกกก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in