เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Log Book ที่รัก♡ployapha.j
Advanced Open Water + Nitrox | แพลงตอนเป็นประกายในความมืด


  • 20 May 2017




    สวัสดี Log book ที่รัก♡




    ณ ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มห้านาที



    เราหอบหายใจแฮ่กๆอยู่บนรถแท็กซี่ บอกพี่คนขับให้ไปให้ถึงขนส่งสายใต้ให้เร็วที่สุดก่อนเวลาสามทุ่มครึ่งและพยายามโทรติดต่อ ครูโอปอล เพื่อขอเลื่อนวันเรียนดำน้ำ เรื่องของเรื่องคือ เราตกรถบัสไปเกาะเต่า! เหตุเพราะด้วยความที่เราไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพเลยไม่รู้ว่าเขาจะจัดงานวิ่งมาราธอนกันแถวนี้ อยู่ๆตำรวจก็วุ่นวายปิดถนนไปหมดเลยทำให้รอบๆเกาะรัตนโกสินทร์รถติดมากมากมากมากมาก แถมหาทางเลี้ยวรถเข้าไปก็ไม่ได้ด้วย งงเส้นทางไปหมด


    สรุปคือเราวิ่งหน้าตั้งไปที่รถแต่เขาไม่รับเช็คอินแล้ว เพราะอยู่ๆก็มีฝรั่งแบคแพคเกอร์โผล่มาจ่ายตังค์และโดดขึ้นไปเฉ๊ย เขาคิดว่าเราไม่มาเลยปล่อยที่ไป...


    เดชะบุญพี่ที่เคาเตอร์ลมพระยามีจิตกรุณา เสนอทางเลือกให้ว่าน้องจงไปขนส่งสายใต้ ไปให้ทันก่อนสามทุ่มครึ่ง เดี๋ยวพี่โทรไปบอกเคาเตอร์รถให้ว่าให้รอหนูหน่อย ถ้าขึ้นได้ก็ขึ้น แล้วตอนเช้าพี่จะติดต่อมีคนไปรับที่ขนส่งชุมพรมาที่ท่าเรือลมพระยา



    วิ่งสิครับ วิ่ง!
    โบกแท็กซี่ เปิดประตูรถแล้วบอกจุดหมายปลายทางไปทันใด พี่คะไปขนส่งสายใต้ค่ะ!

    คันแรก ไม่ไปอะน้อง พี่จะไปสุวรรณภูมิ แล้วเลื่อนรถไปรับฝรั่ง...
    คันที่สอง เติมแก๊สอะน้อง แล้วเลื่อนรถไปรับฝรั่ง...
    คันที่สาม น้องไปแค่นี้เอง พี่ไม่ไปอะ แล้วเลื่อนรถไปรับฝรั่ง...



    จนโบกคันที่สี่ถึงจะได้ไป คิดในใจว่าถ้าคันนี้ไม่ไปจะโบกคันหน้าแล้วพูดภาษาอังกฤษใส่แล้วนะว้อย











    สามทุ่มยี่สิบนาที



    เวลาเดินไปไวพอๆกับมิเตอร์ค่าแท็กซี่ ครูโอปอลติดต่อกลับมาว่าเราเลื่อนวันเรียนได้ วันรุ่งขึ้นเราจะไปถึงกี่โมงก็ได้ แล้วถัดไปค่อยเริ่มเรียนและลงทะเล


    เราขอบคุณและขอโทษขอโพยที่สร้างความลำบากให้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนและวางสายด้วยความเบาใจลงไปนิดนึง มองดูสภาพการจราจรแบบปลงๆว่ายังไงก็วิ่งไปขึ้นบัสไม่ทันอยู่ดี บอกพี่แท็กซี่ให้ขับรถกลับบ้าน กะว่าจะไปนอนแล้วค่อยออกมาใหม่ตอนเช้า









    ความเวรที่ไม่จบไม่สิ้นของตัวเองคือ ลืมกระเป๋าเดินทางไว้ที่ถนนข้าวสาร!! พอถึงบ้านปุ๊บก็อ้าววววว เชี่ยล่ะ กระเป๋าอยู่ไหนวะ ต้องวนกลับไปเช็คใหม่ตรงจุดที่เรียกแท็กซี่ พีคมาก ถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นว่าเห็นกระเป๋าเดินทางสีดำๆของหนูมั๊ยคะพี่ ไหว้ทุกร้าน ตอนนั้นน้ำตาจะไหลเพราะพาสสปอร์ตและแล็บท๊อปอยู่ในนั้นหมด จวนเจียนจะเดินไปแจ้งตำรวจขอดูกล้องวงจรปิดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เอ๊ะ...ลืมไว้ที่เคาเตอร์ลมพระยารึเปล่าวะ เลยโทรไปถามคุณพี่ที่ติดต่อประสานเรื่องรถให้ก็ได้ความว่า อ้าววว โง่ลืมไว้เองจ้า เบาใจไปนิดนึงว่าอย่างน้อยเขาก็เก็บไว้ให้



    เหตุการณ์เล่านี้สอนให้รู้ว่าความล่กและความไร้สตินำมาซึ่งความหายนะที่แท้จริง












  • 21 May 2017






    ขอย้อนกลับไปไกลหน่อยตอนเดือนกุมภาพันธ์ที่แบกเป้ลุยมาทำตามข้อตั้งใจข้อแรกในปี 2017 นั่นก็คือการเรียนดำน้ำซึ่งเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้แก่ชีวิต ประหนึ่งฉากที่ Dr. Strange โดน Ancient One จิ้มหน้าผากแล้วบรรลุสู่แสงแห่งชีวิต โอ้โห... เราค้นพบแล้วว่าการอยู่ใต้น้ำแล้วหายใจออกมากลายเป็นฟองอากาศนั้นคือโลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นยิ่งนัก

    เรานั่งนับวันที่จะได้กลับไปอีก เรามีความกระหายใคร่เรียนรู้เพิ่มขึ้น อยากลงไปเห็นให้มากขึ้น อยากฝึกฝนการลอยตัวให้ดีขึ้น (จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ใครตามไปเก็บ ฮา) จนสุดท้ายฟ้าก็ประทานช่วงเวลาวันหยุดมาให้ในเดือนพฤษภาคม 

    เรารีบติดต่อจองตัวครูแมททิว แต่ปรากฎว่าดันว่างไม่ตรงกันซะงั้น เลยติดต่อไปที่ พัด เพื่อนรักสมัยวัยกระโปรงคลุมเข่าถัดเปียกผูกโบว์สีขาว ซึ่งเป็นคนแนะนำให้เรามาเรียนกับ ครูโอปอล นั่นเองงง





    ครั้งนี้เรามีความตั้งใจว่าจะไปเรียน Adavanced Open Water ซึ่งเป็นคอร์สเรียนที่ต่อมาจาก Open Water อันแรก มีสกิลให้ฝึกเยอะขึ้น สามารถดำลงไปเริงร่าใต้น้ำได้ลึกขึ้นสูงสุดที่ 40 เมตร และได้ดำน้ำตอนกลางคืนอีกด้วย! (นี่แหละที่อยากไปลอง ฮิฮิ) ประกอบกับเพิ่งไปถอยฟินมาใหม่กะว่าจะเอาไปลองใช้ครั้งแรกเลยมีความเห่อนิดๆตื่นเต้นหน่อยๆ



    วันนี้เราไปถึงเกาะช่วงบ่ายๆ ก็ชิวทั้งวันไม่ได้ทำอะไร เดินไปนั่งเล่นที่ร้าน Blue Water ตามเคย พนักงานจำหน้าได้ด้วย (อ้าววว พี่มาคนเดียวอีกแล้วหรออออออ) นั่งดูดสมูทตี้เย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตก โอ้ยยย นี่คือชีวิตที่ดี ชีวิตที่ฝันใฝ่ ชีวิตที่ไม่ต้องไปทำงานเจอมนุษย์สี่ห้าร้อยคนให้วุ่นวาย และตอนค่ำๆครูโอปอลที่สอนนักเรียนมาทั้งวันก็พาไปกินข้าว (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไปกิน Hippo Burger กันนะ)




    สรุปคือวันนี้ไม่ได้ทำอะไร หมดไปกับการหายใจพักผ่อนอยู่เฉยๆ เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับวันต่อไป เย่ห์!
















  • 22 May 2017






    วันนี้เราออกทะเลกันแต่เช้า ไปตะลุย Japanese Garden กันโดยไดฟ์นี้เราไปที่ความลึก 18 เมตร ซึ่งเป็นการดำเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ฮาาาา

    ตอนแรกเราบอกครูโอปอลไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนเคลียร์หูยากมากนะจ๊ะ ติดตลอดเลยเด้อ กลายเป็นว่าสบายเฉย ทุกอย่างช่างง่ายดายจนงงตัวเองว่า เอ๊ะ แกไม่คิดจะหูติดเคลียร์ยากซักนิดเลยหรือ











    Hello, it's me!
    น้องพลอยคนเดิม เพิ่มเติมคือฟินแบ๊วๆ
    ด้วยความที่น้ำอุ่นๆเลยไม่ใส่ wet suite ใดๆ
    แต่สุดท้ายก็โดนแตนทะเลครับผม ได้ตุ่มๆคันๆมาเต็มเลยจ้ะ

















    โลกเงียบสงบที่ฉันคิดถึง :)
    อยู่กลางทะเลมีน้ำกับปลาาาาาา






    สำหรับไดฟ์แรกนี้เรารู้สึกว่าตัวเองเริ่มปรับจังหวะการหายใจและการลอยตัวได้โอเคขึ้น เหมือนรู้ว่าเฮ้ยยย แกต้องหายใจเข้าออกประมาณนี้นะแล้วแกจะไม่ลอย สามารถรักษาระดับไปได้เรื่อยๆ แต่ติดตรง safety stop ที่ต้องปรับปรุง กล่าวคือเราก็หายใจเข้าออกตามปกติแหละ แต่ลืมไปว่าระดับความลึกมันตื้นขึ้น ความหนาแน่นของอากาศในถังมันก็เบาบางลง แถมเราใช้อากาศไปเรื่อยๆมันก็เหลือน้อยลง หายใจเท่าเดิมก็จริงแต่ตัวลอยกว่าเดิมไปเยอะมาก ครูโอปอลต้องให้หายใจออกกกกกกก อย่าลอยขึ้นไปปปปปปปปปปป แกลงมาาาาาาาาาาา ลงงงงงงงงมาาาาาาาาาาาาา








    สำหรับไดฟ์ที่สองเราไปต่อที่ Red Rock หินแดง ซึ่งเราว่าเราโอเคขึ้น(มั๊ง คิดเอาเองนะเพราะพยายามปรับจากไดฟ์ที่แล้วที่ยังงกๆเงิ่นๆ) รอบนี้ลงไปที่ความลึกเดิมคือ 18 เมตร บุ๋งๆตามฟินเหลืองของครูโอปอลไปเรื่อยๆจ้า











































    จุดนี้ได้ไปลอดถ้ำมาด้วยแหละ งิงิ































    ซีนนี้ตลกมาก คิดว่าเฮ้ย กะระยะไว้แล้วว่าผ่านชัวร์
    ลอยตัวต่ำๆเลียบพื้นไปเรื่อยๆบวกกับเตะขานิดนึง รอดแน่นอน
    แล้วก็ตึ่งงงงง คือหัวและตัวรอดไม่ชนอะไรแต่ลืมไปว่ามีแท็งก์

















    น้องพลอยอีสแฮปปี้









    ระหว่างนั่งเรือกลับมา ครูโอปอลก็เปรยๆขึ้นมาเรื่องเรียน Nitrox ว่าสนใจเรียนมะ เรียนควบไปเลยก็ได้นะ ไอ้เราก็ง่าาา เงินไม่มี หนูจนอ้ะ... ว่าแต่มันดียังไงฮ้า ไหนว่ามา ก็...นั่นล่ะฮะ ถึงเกาะปุ๊บก็ตกลงโอเค เรียนพ่วงไปด้วยเลยเก๋ๆเพราะคิดว่าไหนๆก็มาเรียนที่นี่แล้วอะ เผื่อไปทริปดำน้ำที่นู่นที่นี่แล้วเขามีให้ใช้ฟรีก็จะได้ใช้เง้



    ตอนบ่ายเราก็ไปหากินอะไรก๊อบแก๊บที่ร้านตามสั่งข้างเซเว่นแล้วก็กลับมานอนกลางวัน ส่วนครูโอปอลมีสอนต่อเพราะช่วงนี้อยู่ๆก็มีคนไทยมาเรียนเต็มไปหมดเลยจ้าทั้งๆที่ไม่ใช่ช่วงหยุดยาวอะไรนะ แอบงงๆกันนิดนึงเพราะเรากะว่ามาแบบสบายๆไม่เจอใครแน่นอน ฮา



    ตอนเย็นก็ไปนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวกันหน้าเซเว่น เม้ามอย วันพรุ่งนี้เราจะไปเรียนรวมกับกรุ๊ปคนไทยอีกห้าคนที่มาเรียน Advanced เหมือนกัน และครูโอปอลก็ส่งไม้ต่อให้ ครูเมธี สอน Nitrox + Advanced ให้เราเพราะติดสอน Open Water จ้ะ

















  • 23 May 2017






    ตอนเที่ยงๆเรากระดึ๊บตัวมาเรียนทฤษฎี Nitrox กับครูเมธี ซึ่งขออธิบายเกี่ยวกับสิ่งนี้ก่อนว่ามันคืออะไรกันหนอออออ (แก ชั้นจดอย่างจริงจังมากนะ พูดเลย ตั้งใจเรียนมาก)





    Nitrox / Enrich Air Diver คืออะไร?

    สิ่งนี้มันเป็นหลักสูตรพิเศษที่จะช่วยให้เราสามารถยืดระยะเวลาในการอยู่ในน้ำได้มากขึ้นกว่าการใช้ถังอากาศแบบปกติ คือแบบถังปกติอะ เวลาเขาอัดอากาศเข้าไปก็ใช้อากาศแบบที่เราหายใจเข้าออกกันบนบกเนี่ยแหละ ซึ่งจากที่เรียนวิทย์ตอนประถมมาก็พอจะจำได้ว่าอากาศมันมีออกซิเจนผสมอยู่ประมาณ  21% มีไนโตรเจน 78% และอีก 1% ที่เหลือนั้นเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจนและอื่นๆ


    ทีนี้เจ้าถัง Nitrox เนี่ยเขาจะผสมอากาศเข้าไปใหม่ เพิ่มปริมาตรของออกซิเจนให้มากขึ้น ลดไนโตรเจนให้น้อยลง โดยจะมี 2 แบบคือออกซิเจน 32% และ 36%


    และพอเราหายใจฟืดฟาดเข้าออกด้วยอากาศที่มีออกซิเจนมากขึ้นและไนโตรเจนลดลง มันทำให้การสะสมไนโตรเจนในร่างกายของเราต่ำลงกว่าการใช้อากาศปกติ ไอ้เจ้าไนโตรเจนเนี่ย ถ้าเราอยู่บนบกหายใจเข้าออกได้ไม่มีปัญหา ร่างกายไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไรก็ปล่อยออก แต่!!! พอเราลงไปอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างตอนดำน้ำปุ๊บ ไนโตรเจนก็จะกระดุ๊กกระดิ๊กกลายสภาพไปเห็นของเหลวเว้ยแก มันก็จะซึมไปตามร่างกาย ถ้าเราดำน้ำไปเรื่อยๆมันก็จะอยู่อย่างงั้นแหละ และยิ่งดำลงไปลึก ความกดดันก็ยิ่งมาก ไนโตรเจนทั้งหลายก็ยิ่งดุ๊กดิ๊กซึมเข้าร่างไปเรื่อยๆ


    พอเราค่อยๆขึ้นมาตื้นขึ้น ความกดดันรอบตัวมันก็ค่อยๆลดลงใช่มะ ร่างกายเราก็ฉลาดไง มันก็จะปรับสมดุลความกดดันข้างในให้เข้ากับความกดดันในน้ำข้างนอก ไนโตรเจนที่กลายเป็นของเหลวก็ค่อยเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซเหมือนเดิม เราก็จะหายใจเอามันออกมาเอง ถ้าเราไม่ได้ดำน้ำอยู่นานเกินไป อยู่ลึกเกินไป หรือค่อยๆขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างไม่รีบร้อน 

    แต่งานมันจะงอกถ้าเราดำน้ำนานเกิน ไดฟ์คอมเตือนแล้วแกยังพยายามเล็งถ่ายรูปนูดี้อยู่ หรือรีบขึ้นเร็วไป ไม่ได้ทำ safety stop ร่างกายมันก็จะงงๆปรับสมดุลไม่ได้ ความดันในร่างกายมันมากกว่าข้างนอกทำให้ไนโตรเจนที่เป็นของเหลวกลายเป็นฟองอากาศซึ่งทำให้เกิดอากาศ Decompression ถ้าฟองๆนี่ไปอุดหัวใจ สมองนี่ตายได้เลยเด้อ อันตร๊ายยยยย




    พล่ามมานานมากเพื่อจะบอกว่า Nitrox มันมีปริมาตรของไนโตรเจนน้อยลง มันก็เลยทำให้ลดความเสี่ยงของอาการข้างต้นตามที่อธิบายไว้ ช่วยให้อยู่ใต้น้ำได้นานกว่าอากาศปกติ ช่วยให้ใช้อากาศประหยัดขึ้น ลดความเสี่ยงอันตราย หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วๆ และลดอาการเมาไนโตรเจน (เวลาดำน้ำไปลึกๆแล้วอยู่ๆก็มึนงง ว่ายกลับหัวกลับหาง อันตรายมากนะจ๊ะ)



    แต่ใช่ว่าการใช้ถัง Nitrox จะปลอดภัยไร้อันตรายนะ มันก็มีข้อควรระวังอยู่ก็คือ ดำน้ำได้ที่ความลึกน้อยกว่าอากาศปกติ เพราะออกซิเจนเนี่ย เวลาอยู่ในความกดดันเยอะๆมันก็เข้มข้นสูง สูดไปเยอะๆมันมีผลต่อก่อให้เกิดผลต่อระบบประสาทนะเออ และการหายใจด้วยออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงๆเป็นเวลานานทำให้ปอดเจ๊งได้ และส่งถ่ายออกซิเจนไปสู่เม็ดเลือดยากขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องมีการคำนวนและวางแผนการดำน้ำอย่างดี อย่าลืมปรับไดฟ์คอม และต้องเช็คอากาศในถังด้วย มันจะมีอุปกรณ์ที่วัดค่าออกซิเจนว่าตรงตามนั้นมั๊ยและเซ็นชื่อกำกับด้วยว่าเราเช็คแล้วและถังนี้ของเรานะจ๊ะ อย่ามาแตะ!









    เขียนมานานมาก
    โอเค ไปลงทะเลกันเถอะ





    สำหรับสองไดฟ์นี้เราไปกันที่ กองหินชุมพร และ Twin Rock ซึ่งก่อนไปก็ไหว้ศาลหน้ารีเซปชั่นว่าขอให้หนูได้เจอน้องจุด(ฉลามวาฬ)ทีเถ๊อะ ข่าวมาทุกวันเลยว่าคนนั้นเจอที่นั่น คนนี้เจอที่นี่ เป็นช่วงน้องจุดชุกชุมของเกาะเต่า ขอให้ได้ขอให้โดนนนน




    รอบนี้เราลงไปที่ความลึก 30 เมตร ลึกสุดในชีวิตน้อยๆของข้าพเจ้าแล้ว แถมใช้ถัง Nitrox ที่ต้องจัดการไดฟ์คอมด้วยตัวเอง เอะอะก้มเช็คไดฟ์คอมตลอดเวลา เพราะครูเมธีบอกว่าเราลงไปลึกกว่าคนอื่นได้นะ ลองดู ก็ลองวะ และพอเราลงไปยืนที่พื้นทรายใต้น้ำแล้วก็ดูว่ามีอาการเมาไนโตรเจนหรือไม่ (ซึ่งก็ไม่ เพราะใช้ Nitrox) คนอื่นๆก็ไม่เป็นไร สบายดีมากๆ ก็เริ่มทำสกิลเข็มทิศกันโดยรอบนี้ต้องว่ายเป็นสี่เหลี่ยมแล้วกลับมาจุดเดิมให้ได้ ซึ่งก็ชิวมาก เตะขาป้าบๆ ก้มดูเข็มทิศ เตะขานับต่อ ซึ่งสารภาพว่ากลับมาไม่ใช่จุดเดิม เพิ่มเติมคือห่างไปนิดนึงแต่ก็ยังเกาะกลุ่มคนอื่นอยู่นะ คิดเอาเองว่าขายาวเลยเตะขาไปได้ไกลกว่า ฮา







    ครูเมธีหน้ากากขาว ฟินขาว ที่บรีฟกันก่อนลงว่าตามมานะ
    ห้ามไปหลงกับกลุ่มอื่น เด่นสุดในน่านน้ำแถวนี้แล้ววววว














    และแม้ว่าครูจะบอกว่าลงไปลึกกว่ากลุ่มได้นะก็ไม่ไปไหนอยู่ดี
    ขอติดสอยห้อยตามไปด้วยนี่แหละค่ะ ไม่ซ่า เพราะถ้าเกิดอะไรมาไม่คุ้มเด้อ
    เพราะเรายังไม่ได้ดำน้ำจนชำนาญขนาดนั้น
    และถึงแม้ว่าจะดำไปหลายร้อยไดฟ์แล้วก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอยู่เสมอนะจ๊ะ
    ระวังถ่ายรูปเพลินไม่ได้ดูกลุ่มไปทางไหน หรือ ดำเพลินจนลืม limit เด้อ












    มวลหมู่ปลาเล็กปลาน้อยแห่งกองหินชุมพร
    Red Filter ของปลอมก็งี้แหละแก สีออกมาประหลาดล้น สะเทือนใจ
    จบทริปนี้ไปถอยของดีๆมาใช้แล้วล่ะ












    และซีนนี้คือความพีคของวัน




    เรื่องของเรื่องคืออยู่ๆก็มีคนเคาะแท๊งก์แก๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รัวมาก
    รัวจนเฮ้ยยยยย ต้องมีใครซักคนเจออะไรแน่ๆถึงเคาะได้รุนแรงขนาดนี้


    ใจระลึกถึงคำขอหน้ารีเซปชั่น




    น้องจุด



    กูเจอน้องจุดแน่นวลลลลลล กรี๊ดดดดดดดดดดด




    ทุกคนหันซ้ายหันขวาเพราะอยู่ในน้ำเสียงมันมารอบตัว
    ไม่รู้ว่าไอ้ที่เคาะแก๊งๆนี่ทางไหนวะ

    เงยหน้าขึ้นไปเจอเงาอะไรดำๆใหญ่ๆ ทุกคนก็จ้องกันใหญ่




    ไอ้สาสสสส เรือ! นั่นมันเงาของเรือ
    และที่เคาะอย่างเมามันนั้นคือเคาะเรียกนักเรียน


    โว๊ะ!







    ขึ้นเรือมาขำกันใหญ่เพราะทุกคนมองหาเลิ่กลั่กมากว่าอะไรวะ อยู่ตรงไหน
    สรุปครูคนจีนเคาะเรียกนักเรียนเฉ๊ย







    พูดถึงคนจีนแล้วก็ขอบ่นอะไรนิดนึง แก... ไม่ได้จะอะไรแต่พวกเขางงมาก พอขึ้นเรือมาปุ๊บ เขาอยากจะนั่งตรงไหนก็นั่ง วางแท็งก์ตรงไหนก็วางเฉย หยิบถุงอุปกรณ์ไปผิดบ้าง เอาตะกั่วไปบ้าง พีคสุดคือเราใช้ถัง Nitrox ใช่ป่ะ พอเราขึ้นมาจากไดฟ์แรก จะวางแท็งก์ถอดอุปกรณ์ เจอคนจีนกำลังประกอบอุปกร์ใส่ถังเราอยู่เว้ย แบบมึ้งงงงงงง แค่มองภายนอกก็รู้แล้วป่ะวะว่าอันนี้แม่งไม่ใช่ถังธรรมดาอ้ะ สีเขียวๆเหลืองๆ มีแปะข้างๆว่า Enrich Air แถมมีลายเซ็นฉันอยู่ด้วย แกจะเอาไปไม่ด๊ายยยยยยย เดชะบุญที่ยังไม่ได้หมุนวาล์วเปิดนะเนี่ย





    อีกเรื่องคือเจอนูดี้ด้วยแก๊ น่ารักมาก แต่ถ่ายมาไม่ได้ ไม่ชัดเลย สะเทือนใจจนคิดว่าจะซื้อกล้องละนะ ฮา



















  • หลังจากจบสองไดฟ์นี้แล้วเราก็ไปพักกินข้าวเย็นกันก่อนที่จะออกทะเลไปไนท์ไดฟ์อีกรอบนึง ซึ่งเป็นไดฟ์ที่รอคอย ฮิฮิ รอบนี้ครูโอปอลมาแจมด้วย








    ไนท์ไดฟ์นี้เราไปกันที่ White Rock ระหว่างทางก็นั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ ดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น สัมผัสลมทะเลที่พัดผ่านเส้นผม แล้วอยู่ๆก็คิดว่าถ้าได้เห็นภาพแบบนี้ทุกวันก็คงจะดีนะ มันเป็นความสวยและความสงบในใจอย่างบอกไม่ถูก


    ไม่รู้สิ แม้ว่าเราจะไปโผล่ตรงนั้นที โดดมาตรงนี้ทีไปรอบโลก แต่ก็ไม่มีที่ไหนทำให้รู้สึกว่าใจนิ่งได้เท่ากับเวลาที่มานั่งมองทะเล เราเคยเล่าให้ฟังว่าเรารู้สึกไม่ belong อยู่ที่ไหนซักที่ในโลก(ใช้ภาษาไทยไม่ถูกอะ ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร) อาจด้วยเพราะเราอยู่ห่างจากบ้านที่ให้ความรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านจริงๆหรือเพราะเราเดินทางไปเรื่อยๆไม่หยุดอยู่นิ่งๆซักที พอเราได้มาที่นี่มันเลยเหมือนกับว่าเราทิ้งโลกที่วุ่นวายไว้เบื้องหลังและได้ "อยู่" ซักที่จริงๆ




    ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ อยู่ๆกันหันไปคุยกับครูเมธีเฉยเลย นั่งระบายเรื่องงานและความรู้สึกต่างๆ ครูก็ใจดีรับฟังและเล่าให้ฟังว่าเคยมีลูกศิษย์คนนึง ทำงานอยู่โดฮา ก็อารมณ์ประมาณนี้แหละ จงสู้ต่อไป จากนั้นอยู่ๆก็คุยเรื่องการเป็น Instructor ซึ่งเราได้รับพลังงานดีๆจากครูเมธีมาเยอะมาก (เอาจริงๆก็ตั้งแต่ครูแมทและครูโอปอลแล้วล่ะ) คือเราว่าทุกคนเจ๋งมากเลยที่ได้ตื่นมาทำสิ่งที่ตัวเองรักทุกๆวัน มีประกายไฟในตาตลอดเวลา ทำให้นึกถึงโควทที่ว่า






    Some people die at 25 and aren't burried until 75. 






    เฮ้ยย ชีวิตแบบนั้นมันน่าเศร้ามากเลยนะ เราเองก็กลัวว่าซักวันประกายไฟในตาของเราจะหายไปเหมือนกันเพราะช่วงนี้ก็เริ่มมอด เริ่มดับ จะลุกโชนก็ต่อเมื่อสลิปเงินเดือนเข้า ฮาาาา







    พอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าก็ได้เวลาโดดน้ำ เราเตรียมเปิดไฟฉายอย่างดีแล้วโดดตู้มลงไปในทะเลสีดำ  แม้มีแสงไฟ ก็มองไม่เห็นทาง เธอกลัวหรือไม่ เฮ้ยแก มันมืดมากกกกก มืดมิด มืดสนิท มืดดำเหมือนใจของใครบางคน (หึ!) ปลาเดียวทีเห็นคือปลาตีน(ฟิน)ของคนข้างหน้า ทุกคนเกาะกลุ่มกันมาก หนาแน่นแบบไหล่แทบจะชนไหล่



    แต่ทะเลตอนกลางคืนสวยมาก เราชอบมากกว่าตอนกลางวันอีกนะ เพราะมันเงียบกว่า นิ่งสนิทกว่า อันตรายน่าตื่นเต้นกว่า และอีกอย่างคือ เราได้เห็นสีที่แท้จริงของโลกใต้ทะเล พอเอาไฟฉายส่องไปที่แนวปะการังแล้วเห็นสีชัดมาก แดงชัด เหลืองชัด สวยมากกกกกกก เป็นความสวยที่บันทึกลงเป็นภาพถ่ายไม่ได้เพราะทุลักทุเลมาก มือนึงโกโปร อีกมือนึงไฟฉาย หงิดใจจนอยากไปซื้อเฮ้าซิ่งพร้อมไฟ ไม่ก็ถอยกล้องใหม่เลยโว้ย คือมันถ่ายได้แหละ แต่สั่นมาก วีดีโอก็สั่น โคตรง่อย จนสุดท้ายรำคาญตัวเองเลยล้มเลิก เก็บกล้อง เอนจอยไปเรื่อยๆดีกว่า เก็บไว้เป็นความทรงจำในใจก็พอ ส่วนใครที่อยากเห็นก็ไป! จงไปเรียน!









    และช่วงเวลาที่ชอบมากที่สุดของไดฟ์นี้คือครูเมธีและครูโอปอลพาไปยืนนิ่งๆตรงจุดที่มืดๆไม่มีแสงไฟและให้ทุกคนปิดไฟฉาย ในหัวคือนี่ถ้าอยู่ในรับน้องคือซีนห้องว๊ากแน่ๆ บรรยากาศใช่มาก จะบ้าหรอ! ใครจะมาว๊ากแกใต้น้ำตรงนี้!

    ทุกคนยืนงงๆว่าจะให้พวกเราทำอะไรหนา จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จนครูเมธีกับครูโอปอลเริ่มสะบัดมือไปมา ประกายสีเขียวเรืองแสงวูบวาบขึ้นมาแล้วดับไปในความมืด ตอนนั้นเรามั่นใจว่าทุกคนตาโตเพราะเราตื่นเต้นมากและเริ่มสะบัดมือให้แพลงตอนเกิดประกายอย่างบ้าคลั่งเมามันส์




    เราไม่เคยรู้ว่าแพลงตอนมันเรืองแสงได้และเจ้าประกายเขียวๆเล็กจิ๋วพวกนี้นี่สวยมาก ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนมุมมองของเราที่มีต่อโลกใบนี้ได้ขยายไปอีกนิดนึงอะ โลกสีน้ำเงินใบนี้มันมีมุมแบบนี้ด้วยหรอวะ นี่ถ้าไม่ได้ลงมาสะบัดมือใต้น้ำเราจะไม่มีทางได้เห็นอะไรแบบนี้เลยนะ


    จากนั้นเราก็ค่อยๆขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความรู้สึกปริ่มอยู่ในใจ ลอยตัวมองดาวที่เป็นประกายอยู่กลางท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆ พยายามเก็บความรู้สึกอุ่นๆอยู่ในใจแบบนี้อยู่ในใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้







    โลกนี้ยังมีอะไรรอให้เราไปค้นหาอีกเยอะ

    เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งท้อแท้ถอดใจกับการเดินทางไปเสียก่อน

















  • 24 May 2017





    เช้านี้เป็นวันชิวๆ ตอนแรกกะว่าจะกลับกรุงเทพแต่เช้าตรู่ แต่ไหนๆก็มาแล้ว(นั่นไง! ประโยคนี้มันมาอีกแล้ว) เลยตัดสินใจไปดำ Fun Dive ซัก 2 ไดฟ์ทิ้งทวนก่อนกลับซักหน่อยก็ได้วะ ซึ่งไปคนเดียวกับไดฟ์หลีดคนอื่นก็แอบเขินๆเลยขอติดตามครูโอปอลกับครูเพชรไปสอนนักเรียน Open Water ลงทะเลรอบแรกดีกว่า (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปแล้วเป็นภาระให้เขารึเปล่านะ โฮ)



    โดยเช้านี้เราไปกันที่ Japanese Garden และ Twin Rock ที่ความลึก 12 เมตรน่ารักๆใสๆ ซึ่งเป็นเหมือนการเปิดโลกอีกมุมหนึ่งของการดำน้ำของเราเหมือนกันนะเพราะปกติเราก็ดำดูน้ำดูปลาไปนุ้งนิ้งๆเรื่อยเจื้อย แต่พอมาดำน้ำกับนักเรียนที่ลงทะเลครั้งแรกแล้วเหมือนเห็นภาพแฟลชแบคของตัวเองตอนลงน้ำครั้งแรก อยากสไลด์ตัวกราบครูแมทเลยว่าสอนเรามาได้ไงวะเนี่ย เราว่าครูแมทต้องเหนื่อยมากอะ ฮาาา










    เพราะจากที่ไปสัมผัสมาสองไดฟ์ก็พบกับความสนุกสนาน เดี๋ยวคนนั้นลอย เดี๋ยวคนนี้จม อ้าวววว คนนู้นไม่กล้าลงเฉยเลย ขึ้นเรือมาก็เมาเรือกัน เราเองก็ไม่ได้ดูปลาอะไรเลย มัวแต่ลุ้นว่าจะทำสกิลผ่านกันมั๊ยหนอ ว่ายหลงไปไหนรึเปล่า ก็เป็นความสนุกอีกแบบนึงเหมือนกันนะ เหมือนเราได้มองออกไปนอกตัวเอง เป็นการมองคนอื่นๆไปด้วย มีความรู้สึกว่าอยากเรียน Rescue ขึ้นมาตะหงิดๆ เรียนไว้เป็นความรู้เพื่อช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นๆด้วย :D











    และเรายังคงเป็นน้องพลอยฟินหลุดเหมือนเดิม เรื่องของเรื่องคือตอนโดดลงจากเรือไดฟ์ Twin Rock ดิฉันลื่นค่ะคุณ เลยตู้มลงมาเฉยๆเลย ฟินกับหน้ากากหลุดไปไหนไม่รู้ (เชี่ยมากชีวิตฉัน) ต้องลำบากครูโอปอลบุ๋งๆลงไปเอามาให้ ฮืออออ หนูขอโต้ดดดดดดดด TT











    ชักภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกในไดฟ์สุดท้าย เย่เฮ







    และแล้วก็จบทริปการมาเยือนเกาะเต่ารอบที่สองและการเรียนดำน้ำ Advanced Open Water ที่อยู่ๆก็ไปเรียน Nitrox มาด้วยแบบงงๆ กะว่าจะมาตามหาน้องจุดแต่สุดท้ายก็ยังไม่เจอ ฮือ ดวงเรายังไม่มาสินะ 





    สุดท้ายนี้...


    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการที่ขาดไม่ได้คือแม่ของหนูนี่แหละค่ะ ที่เป็นสปอนเซอร์ด้านเงินทองที่ให้ยืมมาก่อนและคอยจัดการธุระปะปังต่างๆที่กรุงเทพไว้รอเรียบร้อย รักเสมอออออออ?

    พัด ที่ไปช่วยจองคอร์สเรียนในงาน tdex ให้แถมติดติดต่อทุกอย่างให้เป็นอย่างดี

    ครูโอปอลเดอะแคทเฟซ ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เลี้ยงดูให้อิ่มหน่ำสำราญตลอดการเรียน และใจดีให้ตามไป fun dive ดูการสอนกรุ๊ปอื่นอีกด้วย แฮ่ นอกจากนี้ก็คุณครูเมธี ที่สอนคอร์ส Nitrox และดูแลคอยบอกคอยเตือนตอนไปดำไดฟ์ 3-4 และ ตอนกลางคืน รวมถึงให้ข้อคิดในการทำงานและการใช้ชีวิต


    ขอบคุณมากค่าาาาาาา

    ไว้เจอกันใหม่ เย้เฮ?


















    ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่..
    .www.facebook.com/withlovefromthedesert
    IG: Ployapha.j
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in