เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Log Book ที่รัก♡ployapha.j
Open Water | เรียนดำน้ำครั้งแรก | เจอเต่าที่เกาะเต่า





  • (เคยเขียนลงใน ด้วยรัก...จากทะเลทราย แต่อยากรวบรวมเฉพาะเรื่องดำน้ำไว้ให้เป็นหมวดหมู่)









    20 February 2017





    ความเดิมตอนที่แล้วคือเราขอ Unpaid Leave กลับมาเมืองไทยสิบวัน จะกลับพักสมอง ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจจากการทำงาน กะว่าจะมากินส้มตำ ปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ให้พุงกาง และหลักใหญ่ใจความของการลาพักร้อนครั้งนี้คือ



    เรามาทำตามข้อตั้งใจในปีใหม่ ประจำปี 2017 ข้อที่หนึ่ง




    พอกันทีกับการเขียนข้อตั้งใจที่จะทำในปีใหม่แบบลมๆแล้งๆ เช่น ปีใหม่แล้ว จะเป็นคนใหม่ ต้องสวยใสสุขภาพดีโว้ย ไป ไปออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน เป็นเวลา 30 นาที แต่ก็จบลงที่การนั่งรถไปคลาสที่ฟิตเนสไม่ทัน เลยเดินไปหาของกิน หรือนอนตายอยู่ที่บ้านหลังจากกลับมาจากไฟล์ท

    ไม่ก็...เออ... ออกกำลังกายอาจจะยากเกินไปหน่อย(ขี้เกียจนั่นแหละ) เขาว่ากันว่า ออกกำลังกายก็แค่ 20% ส่วนอาหารคือ 80% เพราะฉะนั้นเราจะกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซื้อผักมาเต็มตู้เย็น แต่ดันโดนไปบิน 5 วันเงี้ย และแม่งแลนด์มาถึงตีหนึ่ง หิวก็หิว ง่วงก็ง่วง ผักก็เหี่ยวคาตู้เย็น ไม่มีแรงทำกับข้าวละว้อย ถึงทำก็ไม่มีอะไรให้ทำ เจ๊งหมด สั่งเคเอฟซีแม่งเลย

    หรือ... เก็บเงินให้ได้เท่านั้นเท่านี้ต่อเดือน เอาไปลงทุนสร้างอนาคต ชีวิตจะได้มั่นคง แต่เฮ้ย... งานไทยเที่ยวไทยมีโปรโมชั่นว่ะ คนเราเกิดมาแล้วต้องไปเห็น ไปสัมผัสอะไรเยอะๆ งั้นฝากจองด้วย (อันนี้เรียกว่าการบริหารจัดการด้านการเงินล้มเหลวนะ)

    และ... ปีใหม่ คนใหม่ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ว้อย! จะหาผู้ใหม่ จะได้ฝรั่งแซ่บๆ ปัดทินเดอร์รัวๆ แล้วไง ตีสองก็มานั่งฟังเพลงเศร้า ส่องเฟสเขาอยู่นั่นแหละ (อันนี้ไม่ใช่ข้าพเจ้านะ ยกตัวอย่างเฉยๆ /น้ำตาคลอเบ้า)





    พอ!




    พอแล้วกับข้อตั้งใจลมๆแล้งๆที่ผ่านไปสามวันก็ลืมแล้วแม้จะเขียนแปะฝาบ้านไว้ก็ตาม ปีนี้เราจะทำแต่สิ่งที่เป็นไปได้ จะไม่มีการมานั่งนอยด์ตอนเดือนพฤศจิกายนว่าเฮ้ยยยย จะหมดปีแล้วว่ะ กูยังไม่ได้ทำเชี่ยอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย มันต้องทำได้ให้เห็นเป็นรูปธรรมสิโว้ย

    และถ้าปี 2015 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องเรียนจบเข้าสู่วัยทำงาน หอบกระเป๋าหิ้วชะลอมมาอยู่เมืองแขก ทำงานไกลบ้านสี่พันกว่ากิโลเมตร และปี 2016 คือปีที่เรียนรู้เกี่ยวกับการปรับตัว ปรับใจให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงของปีที่แล้ว สติแตกบ้าง กู้สติคืนมาได้บ้างไม่ได้บ้าง งั้นปีนี้... ไหนๆก็ปรับตัวปรับใจไม่ได้แล้ว สติแตกอยู่ตลอดเวลา สองสามวันเป็นบ้าที งั้นก็จะเป็นปีที่เราจะต้องลองอะไรใหม่ๆให้ชีวิตแม่งท้าทายเข้าไปอีกเลยละกัน วู้ฮู้ เพราะฉะนั้น...






    ไปเรียนดำน้ำ






    คือสิ่งแรกที่เขียนลงในกระดาษเปล่าๆในหน้าแรกของสมุดบันทึกเล่มใหม่ประจำปี 2017 ความตั้งใจแรงกล้าขนาดนี้ ยังไงก็ต้องทำแล้วแหละ!












  • ไอเดียความอยากเรียนดำน้ำของเราได้รับการจุดประกายมาจากผู้โดยสารไฟล์ทกรุงเทพนี่แหละ คุยกันไปคุยกันมาก็ได้ความว่าเขามาดำน้ำที่เมืองไทย ไปอันดามันเหนือมา เอารูปปลา เอาคลิปนี่นั่นนู่นโน่นมาอวดให้ดู และระหว่างที่คุยกันสายตาเขาเป็นประกายวิ๊บวับ (ซึ่งประกายเหล่านี้หายไปจากตาเราหมดแล้ว กลายเป็นคนหมดไฟ ทำงานไปวันๆ) พอถึงบ้านที่ดูไบปุ๊บ เปิดคอมปั๊บ เฮ้ยยยย สปุ๊ก เพื่อนตอนเรียนมหาลัยเราไปเรียนดำน้ำมาว่ะ



    เราเข้าไปนั่งอ่านสเตตัสสปุ๊กที่เขียนเกี่ยวกับการไปเรียนดำน้ำครั้งแรกแล้วเกิดแพนิคขึ้นมา แต่สุดท้ายก็เอาชนะความกลัวของตัวเองลงไปสัมผัสโลกใต้ทะเลได้ แถมเจอฉลามวาฬด้วย! (อ่านเต็มๆได้ ที่นี่ ปุ๊กแชร์เป็น public ไว้จ้ะ)


    ตอนนั้นเราอ่านดัวยอาการใจเต็นรัวๆ นี่มันคือโมเม้นต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Meaning of life ประมาณนึงเลยนะเว้ย จุดที่เราต้องก้าวผ่านความกลัวของตัวเองไปได้ เชี่ยยยย เจ๋งว่ะ และบรรทัดสุดท้ายปุ๊กจบสเตตัสไว้ว่า







    ทั้งหมดที่เล่ามามันก็เป็นแค่เรื่องเล่า
    ประสบการณ์เราไม่สามารถถ่ายทอดให้กันได้

    ไม่ว่าจะเล่ายังไงคงไม่มีใครเข้าใจ ว่ามันดีแค่ไหน
    เพราะงั้นจงออกไปหามันด้วยตัวเอง

    ออกไปทำไรเจ๋งๆกันนนนน








    (เชี่ยยยยยยย ไปปปปปปปปป กูไปปปปปปปปปปปป ไปเรียนดำน้ำาาาาาาาาาา!!! /กรีดร้องอยู่ในใจก่อนที่จดกดทักเฟสไปถามรายละเอียดทุกสิ่งอย่าง)














  • 22 February 2017 | Koh Tao 1st time





    สวัสดี Log book ที่รัก♡





    รู้ตัวอีกทีเราก็มานั่งกระเด้งกระดอนอยู่บนรถทัวร์ลมพระยา มุ่งหน้าจากข้าวสารสู่จังหวัดชุมพร สะดุ้งตื่นระหว่างทางเป็นพักๆพร้อมกับความคิดที่ว่า เชี่ย...ลืมรีเทนเนอร์ว่ะ สะดุ้งรอบสองก็ เชี่ย...ลืมโฟมล้างหน้า สะดุ้งรอบสามก็ เชี่ย...ลืมครีมทาผิว ลืมดินสอเขียนคิ้ว ไปเรื่อยๆจนถึงท่าเรือที่ชุมพร


    สรุปแล้ว... เรามาแต่ตัว กระเป๋าตัง มือถือ โน๊ตบุ๊ค (เอามาปั่นงานแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ) เสื้อผ้านิดหน่อย รองเท้าแตะ กล้อง หนังสืออ่านเล่น (The Real Alaska)




    มินิมอลสัสๆ




    ตรงท่าเรือมีร้านสะดวกซื้ออยู่เลยไปกวาดซื้อทุกสิ่งที่ลืมและกินข้าว(ผัดกะเพราไข่ดาวอร่อยม๊าก) เรือมาประมาณเจ็ดโมงครึ่งก็แบกเป้ขึ้นเรือ ไปนั่งเก๋ๆรับลมตรงดาดฟ้า สังเกตได้ว่าเพื่อนรวมทางส่วนใหญ่มีแต่ฝรั่งทั้งนั้นเลยวู้ย เอเชียนเป็นส่วนน้อย (ที่เซลฟี่ตลอดเวลา) มีคนไทยสามสี่คนเท่านั้นเอง















    นั่งฟังเพลงมองฟ้ามองน้ำไปเรื่อยๆก็ถึงจุดแรกคือ เกาะนางยวน ซึ่งมองลงไปในน้ำคือใสมาก ใสกิ๊ง มีปลาเล็กปลาน้อยแหวกว่าย ฝรั่งรุมถ่ายรูปถ่ายคลิปกันเต็มไปหมดเลย เราก็หยิบเอากล้องฟิล์มมาถ่ายแชะสองแชะ (โอ้ย พอเขียนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเอาฟิล์มไปล้าง รูปอีกทริปนึงก็อยู่ในนั้นหมดเลย)








    นี่คือรูปจากโกโปร เดชะบุญที่ไม่ลืมสิ่งนี้






    เรือแล่นออกจากท่า ฝูงชนกลับสู่สภาวะปกติ แล่นไปอีกนิดนึงก็ถึงเกาะเต่า ลงจากเรือปุ๊บเหล่าพี่แท็กซี่ก็วิ่งกรูกันเข้ามาเหมือนเราเป็นก้อนหนมปังที่ตกลงไปในดงปลาสวายเวลาไปให้อาหารปลาที่วัด คุยไปคุยมาก็ได้รถมาส่งหน้า Ban's Diving Resort รีสอร์ทดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    แห่งสถาบัน PADI ในราคา 100 บาทขาดตัว (ต่อแล้วต่ออีก พี่คะพี่ขาก็ได้มาในราคานี้ ซึ่งจริงๆทางรีสอร์ทเค้าก็มีรถรับส่งนะ อีนี่ไม่รู้ไง เดินตามๆเขามาอะ)



    ถึงปุ๊บก็จัดแจงติดต่อเรื่องเช็คอินเข้าห้องและพับกบ พบกับ คุณครูแมททิว และ น็อต ที่มาช่วย assist โอ้โห... คลาสวีไอพีมาก เรียนตัวต่อตัวที่แท้จริง เป็นบุญที่มาในช่วงนี้จริงๆจ้ะ ครูแมทก็ให้หนังสือมาอ่านพร้อมคำถามทบทวนความรู้ เครื่องเล่นพร้อมซีดีหนึ่งแผ่นให้เอากลับไปดู และนัดแนะเวลาเรียนว่ามาเจอกันพรุ่งนี้เช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง และเอาแผนที่เกาะเต่ามาให้ดู จิ้มๆอธิบายให้ดูว่าแถวนี้ร้านนี้อร่อยนะควรไปงี้งั้น



    เราหอบทุกอย่างกลับไปที่ห้อง อาบน้ำ ออกไปกินร้านตามสั่งที่ครูแมทแนะนำ กลับมาล้มตัวลงนอนยาวจนถึงห้าโมง ออกไปกินพิซซ่าที่ร้าน La Pizzaria





    ไปเดินเล่นริมหาด ดูพระอาทิตย์ตก











    ใหญ่มาก แต่ถามว่าหมดมั๊ย ก็หมด แค่นี้เองจิ๊บๆ แปดชิ้นเองแก








    กลับมาถึงห้องก็ได้เวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือ และดูซีดี แต่ข้าพเจ้าผู้มักมีปัญหากับเทคโนโลยีทั้งเก่าและใหม่ก็พบว่าซีดีเปิดไม่ติดจ้า เลยได้แต่ทำการบ้าน อ่านแต่หนังสือ และนอนนนนนนนนนนน















  • 23 February 2017 | Let's blow some bubbles!



    วันนี้เป็นการเรียนวันแรก โดยเริ่มจากเราจะลงไปฝึกทำสกิลในสระว่ายน้ำก่อน ส่วนตอนบ่ายก็ลุยลงทะเลกันเลย 2 ไดฟ์ และกลับมาจะมาลุยเรื่องทฤษฎีกันอีกรอบ


    ตอนแรกเราก็ไปห้องอุปกรณ์กันก่อน ลองนู่นนั่นนี่ก่อนจะที่แบกทุกอย่างมาริมสระ ครูแมทก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับอุปกรณ์ดำน้ำต่างๆ ทดลองใส่ และทดสอบว่ายน้ำกับลอยตัว ก่อนที่จะลงไปฝึกกันจริงๆ ซึ่งความสนุกมันเริ่มขึ้นตรงที่คาบ regulator (ท่อหายใจที่ต่อกับถังออกซิเจน) แล้วหายใจเข้าออก เสียงเหมือน Darth Vader เชี่ยๆ ตื่นเต้น เจ๋งสัสสสสสสสสสสส ตื่นเต้นไปอี๊กกกกกกกกก









    เราคิด(เอาเอง)ว่าเราเป็นคนเรียนรู้เร็ว ทำสกิลนู่นนี่ได้ค่อนข้างไว เช่น เคลียร์หน้ากากเวลาที่น้ำเข้า เปลี่ยนหน้ากากใต้น้ำ ถอดตะกั่วใต้น้ำ ถ้าเร็กหลุดออกจากปากแล้วต้องควานหายังไง เป็นต้น ที่ต้องฝึกเพิ่มเติมคือการลอยตัวเพราะเราเป็นคนหายใจเข้าลึก หายใจออกนาน แล้วจังหวะนี้แหละที่เราจะลอยไปแสนไกล




    ตกบ่ายเราก็เตรียมตัวไปออกทะเล บอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกกกกก คือในสระมันลึกแค่สองเมตรไงแก๊ นี่คือไปเจอของจริงอะ ถ้าเกิดสติแตกขึ้นมาทำไงวะ ขึ้นไม่ได้ด้วย ก็ได้แต่สูดหายใจลึกๆ โดดขึ้นเรือหางยาวไป จังหวะที่เรือกำลังแล่นในหัวก็นึกถึงเพลง How far I'll go รู้สึกว่าตัวเองเป็นโมอาน่าที่กำลังจะแล่นเรือออกจากเกาะ





    See the line where the sky meets the sea?
    It calls me
    And no one knows, how far it goes







    ทิ้งมันไปเถอะความกังวลทั้งหลาย เป็นไงเป็นกันละวะ!







    พอถึงเรือกลางทะเลตรงจุดที่เราจะลง คือ Twin Rocks เราก็จัดแจงประกอบอุปกรณ์ต่างๆ เปลี่ยนชุดใส่ wet suit และมายืนมือเย็นๆ ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆตามที่น็อตบอก (จะได้อุ่นและไม่คอแห้ง) พอถึงจังหวะที่ต้องโดดลงน้ำนี่ใจเต้นมาก เอาแล้วไง เอาแล้วไง๊ มองฟ้าไปไกลๆ นับ 3 2 1 ในใจ ก้าวขายาวๆ แล้วก็ตู้มมมมมมมมมมม





    น้ำเย็นสาสสสสสสสสสสสส





    หลังจากจัดระเบียบร่างกายและจิตใจได้แล้วก็ได้เวลาบุ๋งๆลงไปข้างล่าง เราค่อยๆจับเชือกลงไปเรื่อยๆ เคลียร์หูไปเรื่อยๆ ส่งสัญญาณบอกครูแมทบ่อยมากว่าหูไม่โอเค เอะอะหูติด แต่ซักพักเหมือนมันปลดล็อกตัวเองได้ยังไงก็ไม่รู้ เคลียร์ได้ตลอดรอดฝั่ง


    หลังจากเคลียร์หูได้แล้ว ปัญหาใหม่ก็ตามมานั่นก็คือน้ำเข้าหน้ากากจ้ะ ว่ายๆไปน้ำค่อยๆเอ่อเข้ามาเรื่อยๆ ต้องส่งสัญญาณมือบอกครูว่าหน้ากากไม่โอเค และจัดการเคลียร์หน้ากาก ซักพักเอาอีกแล้วโว้ย น้ำเข้าอีกแล้ว เคลียร์ใหม่ จนกระทั่งลงไปที่พื้นทรายใต้ทะเล ครูแมทก็ยื่นหน้ากากสำรองมาให้ ทำสัญญาณมือว่าให้เปลี่ยนเป็นอันนี้นะ เราก็จัดแจงเปลี่ยนหน้ากาก ไล่น้ำออก จบ


    กลายเป็นว่าผ่านสกิลที่จะต้องทำใต้น้ำกันไปแบบงงๆ แค่ทำสกิลเพิ่มอีกนิดๆหน่อยๆ จากนั้นก็บุ๋งๆว่ายเล่น และอย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่าเรามีปัญหาเรื่องการลอยตัวอยู่นิ่งๆ ผลคือเราว่ายไปเดี๋ยวๆก็ลอย เดี๋ยวๆก็จมลงไปเกิน กะไม่ถูกว่าต้องหายใจเข้าไปเยอะน้อยแค่ไหน (ก็ในหนังสือบอกว่าให้หายใจลึกๆยาวๆอะ ก็เป็นเด็กดีทำตามหนังสือไงล่ะ!) ลำบากครูแมทและน็อตที่ต้องคอยไปไล่ตามเก็บ ขึ้นมาก็ทำสกิลที่ผิวน้ำนิดหน่อยเป็นอันจบไดฟ์











    ไดฟ์สองเราเปลี่ยนที่มาที่ Junk Yard คราวนี้ไม่โดดก้าวขาลงแบบธรรมดาแล้ว ซ่าไง อยากลองลงแบบนั่งแล้วหงายหลังลงไปเลย เคยเห็นในหนังว่าทหารเขาลงกันแบบนี้เลยเอามั่ง สรุปคือน้ำเข้าจมูกจ้ะ สำลักค่อกแค่กประมาณนึง ให้ความรู้สึกอีกแบบที่สนุกดี อิ๊

    สำหรับรอบนี้เราลงไปได้ไว หูไม่ค่อยติดเท่าไรแล้ว กิ๊บเก๋ยูเรก้ามากๆ ทำสกิลลอยตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำหลังไดฟ์เท่านั้นเลยว่ายเล่นดูนู่นดูนี่เยอะแยะ เจอปลาไหลมอเรย์ตัวเป็นๆเป็นครั้งแรกในชีวิตตตตตต ตื่นเต้นสุด และเจอปลาแปลกๆมากมายจนอยากจะพกสารานุกรมปลาลงมาด้วยจะได้รู้ว่าตัวอะไรเป็นยังไง อ้อ...เจอกระเบนกำลังหลับอยู่ในหลืบหินด้วย โอ้ยยยย เรารักกระเบนที่สุด น่าย้ากพริ้วไหวไปกับสายน้ำ เจอแล้วก็กรี๊ดอยู่ใต้น้ำ (และลอยบุ๋งๆขึ้นมาเพราะเผลอหายใจเข้าเยอะเกินไป ครูแมทต้องไปตามเก็บอีกเช่นเคย ต้องคอยบอกว่าให้หายใจออกยาวๆ พอหายใจออกปุ๊บอ้าวจมอีก หายใจใหม่ก็ลอยอีก โอ้ยยยย)


    รอบนี้มีเรื่องให้ใจหายใจคว่ำนิดหน่อย เพราะเราสูดอากาศผ่านคอไปมากๆแล้วจะคอแห้ง แล้วเกิดไอขึ้นมา แล้วเราเป็นคนที่ไอแล้วหยุดไม่ค่อยได้ ต้องหาลูกอมยาอมกินหรือไม่ก็ต้องไอแบบปอดเกือบจะหลุดออกมาก่อนจึงจะสาแก่ใจแล้วหยุดไปเอง



    ทีนี้เราไอ ตอนนั้นรู้ตัวเลยว่าไอไม่หยุดแน่นอนก็พยายามกลืนน้ำลาย จะเอาสเตร็ปซิลมาจากไหนล่ะแก๊ ก็ต้องไอไปปากก็คาบเร็กไว้ ค่อกๆแค่กๆกระด๊อกกระแด๊กไปเรื่อยๆจนหยุด ส่งสัญญาณว่าโอเค ไปต่อได้เรียบร้อย



    จบหลังไดฟ์ กลับมาที่เกาะก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ และมาเรียนทฤษฎีต่อ ซึ่งไม่เสียชื่อที่ได้วิทย์เกรดสี่มาตลอด เข้าใจ ตอบได้ เดาถูกเป็นส่วนใหญ่ เลยเรียนจบได้ค่อนข้างเร็ว(มั๊งนะ คิดเองว่าเร็ว ฮา) เลยออกไปกินบะหมี่เป็ดย่างกัน อร่อยมากกกกกกกกกกกก กลับมาก็ทำการบ้านและข้อสอบต่อ จากนั้นก็นอนยาวเพราะพรุ่งนี้จะไปกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจ้า















  • 24 February 2017 | Meet turtle at Turtle Island




    เราเจอครูแมทตั้งแต่เจ็ดโมง มานั่งเรียนเรื่องการใช้เข็มทิศและไดฟ์คอม จากนั้นก็ไปลุยลงทะเลกันอีกแล้วครับผม โดยไดฟ์สามนี้เราไปที่ Twin Rocks เหมือนเดิม เพิ่มเติมลงเอง ไม่จับเชือกแล้วเด้อ


    พอถึงพื้นทรายข้างล่างก็จัดแจงสอบสกิลการใช้เข็มทิศ โดยการไปเป็นเส้นตรง จากจุด A ไป จุด B ง่ายมาก เสร็จปุ๊บจบปั๊บก็ว่ายเล่นเหมือนเดิม ส่วนไดฟ์สี่ ไดฟ์สุดท้ายของการเรียน Open Water ในครั้งนี้เราไปกันที่ White Rocks ซึ่งเป็นการดำน้ำเล่นล้วนเพราะทำครบหมดทุกสกิลแล้ว ฮูเร่



    วันนี้เราเอาโกโปรลงน้ำไปด้วย แต่ไม่ได้มี Red Filter ทุกสิ่งทุกอย่างเลยกลายเป็นสีเขียวไปหม๊ดดดดดดด พยายามปรับแล้วไม่สามารถจริงๆจ้ะ



    ดังนั้นรูปภาพต่อไปนี้มาจากกล้องครูแมทล้วนเด้อ
    เครดิตภาพจาก คุณครูแมททิวสุดหล่อแห่ง Ban's Diving เลยจ้า
    (ใส่ตัวหนาให้เลยอะ)










    หวัดดี เราคนเดิม เพิ่มเติมคือบุ๋งๆแบบไร้แรงโน้มถ่วง
    นอกจากอยู่บนฟ้าแล้วเรายังอยู่ใต้ทะเลด้วยนะ














    ปลาไหลมอเรย์ตัวเป็นๆ
    ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสิ่งมีชีวิตนี้แอบหน้าตาเหมือน Benedict Cumberbatch



















    น่าย้าก พริ้วไหวไปกับสายน้ำ
    ความใฝ่ฝันของเราคือการไปเจอกระเบนราหูตัวเป็นๆ วู้ววว















    เหมือนเป็นอีกโลกนึงจริงๆนะ
    มนุษย์เราไปค้นพบระบบสุริยะ TRAPPIST-1
    แต่ยังสำรวจใต้ทะเลในดาวที่ตัวเองอาศัยอยู่ไม่ครบเลยนะเว้ย














    และความพีคที่แท้จริงมันอยู่ตรงนี้ค่ะทุกคนนนนนน

    ข้อความต่อไปนี้คือสเตตัสบนเฟสบุ๊คของเราเองที่พอขึ้นฝั่งมาปุ๊บ ได้รูปมาจากครูแมทปั๊บก็ลงด้วยความตื่นเต้น เอามาลงให้อ่านเลยละกัน มันเรียลดี ฮาาา











    สวัสดี
    เราเอามาลงเพราะอยากให้สิ่งนี้มันแจ้งเตือนเราไปทุกปี
    ใจจริงก็อยากอวดด้วยแหละ ไม่มีไรมาก



    คือแก...เราเจอเต่าเว้ย



    โอเค... ไม่นับที่ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนตอนม.3ที่ไปศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
    หรือเวลาที่ตัวเหม็นๆหลังจบคาบเรียนพละ(ไม่ตลกว่ะ ข้ามไป)




    แก๊!! เราเจอเต่าาาาาาาาาาา!!!


    (ตื่นเต้นอีกรอบ)





    ไดฟ์นี้เป็นไดฟ์ที่สี่ในชีวิต ไดฟ์สุดท้ายของการเรียน
    เราดำๆลอยๆตุ๊บป่องไปๆมาๆหลังจากที่ตื่นตาตื่นใจไปกับแนวปะการังเขากวาง
    ปลาไหล และปลากระเบน เตะขาเคลียร์หูแบบเรื่อยเจื้อยจนมาเจอคนมุงอะไรไม่รู้เต็มเลย

    ไปๆมาๆ เฮ้ยยยยย เต่าว่ะ กำลังเล็มดงปะการังฟองน้ำอย่างใจเย็น




    ด้วยความตื่นเต้นก็คว้าโกโปร(ที่ไม่มี red filter...) กะจะมาถ่ายวีดีโอไปอวดแม่


    อ้าวเชี่ย...เปิดไม่ติดดดด


    จังหวะนั้นเราก็ไปสะบัดขาแรงอีกเพราะจะพุ่งเข้าไปเกาะกับกลุ่มมนุษย์ด้านหน้า แต่ทว่า....
    อีฉิบหายยยยย(ขออนุญาตหยาบคาย)






    ฟินหลุดโว้ย





    ตอนนั้นคือฟินค่อยๆลอยบุ๋งๆๆๆขึ้นไป

    เชี่ยนั่นฟินกู
    แต่ข้างล่างคือเต่า

    เอาไงดี๊ แต่ตัดใจบุ๋งๆขึ้นไปเอาฟิน
    มองลงมาข้างล่างเห็นครูแมทกำลังหันซ้ายหันขวาประมาณว่านักเรียนไปไหนแล้ว
    เฮโหลววว คุณครู อยู่บนนี้ ใส่ฟินยู้ววววว


    ใส่เสร็จก็ทุลักทุเลบุ๋งๆตามคุณเต่าไป แต่ด้วยความตื่นเต้น หายใจเข้าเยอะเกินเลยลอยห่างเป็นวา ประกอบกับอยู่ในน้ำมันรู้สึกว่าอีกนิดเดียวกูจะแตะตัวได้แล้ว
    เกรงใจเห็นกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ห่างๆไว้ก็ได้


    และก็เป็นที่มาของภาพนี้....





















    แอร๊ คุณเต่าน่าย้ากกกกกกกกกกก

















    อยากซื้อกล้องมาถ่ายบ้าง ครูแมทบอกว่าซื้อกล้องสิ เดี๋ยวก็ลอยนิ่งได้เอง
    ไปค่ะ เก็บเงิน!











    ชักภาพร่วมกันไว้เป็นที่ระทึก







    ขึ้นบกมาขำกันใหญ่ที่ครูแมทหาเราไม่เจอเพราะลอยบุ๋งๆไปไกล เป็นการจบคลาสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประทับใจเหลือเกิน ฮือออออออ






    ตอนบ่ายเราว่างๆ ไม่ได้ไปดำน้ำที่ไหนเลยไปนั่งกินข้าว อ่านหนังสือ อาบแดดชิคๆที่ร้าน Blue Water ซึ่งบรรยากาศร้านเหมือนอยู่เชียงใหม่ แต่ได้วิวติดทะเล ชิวสุดดดดด













    ผู้ฝรั่งเสื้อฟ้านั่นหล่อมากกกกกกกกก
    สาระสำคัญของรูปก็อยู่ตรงนี้แหละแก๊




















    อ่านแล้วอยากไปบ้างเลยแหะ


















    เรานั่งอยู่ถึงเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตก บรรยากาศงามเหลือเกิน




























  • 25 February 2017 | In compass, we trust.




    วันนี้เราตื่นสาย มาจองทริปดำน้ำช่วงบ่ายและกินข้าวกลางวันชิวๆ จัดแจงไปตามล่าหา Red Filter มาใส่กล้อง (ราคา 550 ต่อเหลือ 350 ภูมิใจในตัวเองเหลือเกิน)


    เที่ยงนิดๆเราก็มาเจอกับน็อต ผู้จะมาเป็นบัดดี้และหลีดเราในวันนี้ ฮูเร่เฮฮากันตามระเบียบ ไปเอาอุปกรณ์และโดดขึ้นเรืออย่างว่องไว วันนี้เราไปสองที่ คือ กองหินชุมพร จุดที่สปุ๊กเจอฉลามวาฬนั่นแหละ ก่อนไปปุ๊กบอกว่าให้ไหว้ศาลตรงข้ามรีเซฟชั่นก็ไปไหว้ ขอให้เจอในสิ่งที่ตามหาเถอะเพี้ยงงงง และจุดที่สองคือ Red Rock ที่มีฝูงปลาข้างเหลืองเป็นจำนวนมากกกกกก




    ก่อนที่เรือจะออกก็มานั่งฟังบรีฟก่อนว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน จุดตรงไหนที่ห้ามเข้าไปบ้าง มีน้ำดื่ม ชา กาแฟไว้บริการตรงไหน (We have some coffee and tea for you, to be honest... not good but it free.) มีบิสกิตหรือหนมปี๊บ (once again, not so good but free - ทุกคนก็ขำกันใหญ่) ระหว่างทางก็คุยกับน็อตไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องดำน้ำต่างๆนานาเพราะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการออกเรือไปถึงกองหิน ระหว่างทางก็แต่งตัว ประกอบอุปกรณ์ พอถึงปุ๊บก็บัดดี้เช็ค แล้วก็ตู้มลงน้ำ





    กองหินชุมพร มีลักษณะจะเป็นกองหินใหญ่บึ้ม มองลงไปข้างล่างไม่เจอพื้นทรายแต่เป็นน้ำลึกลงไปอีก น่าตื่นเต้นมาก น็อตเล่าให้ฟังก่อนที่จะลงไปว่าว่าถ้าลงไปลึกๆจะเจอน้ำอุ่นกับน้ำเย็นแยกชั้นกันอย่างชัดเจนด้วยนะ

    พอลงไปปุ๊บเราก็จะบุ๋งๆไปรอบๆกองหินนั่นแหละ ความตลกคือลงไปแล้วเข็มทิศไม่ทำงานจ้าและขึ้นผิดทุ่น ไกลออกจากเรือมาหน่อย ต้องเตะขาลอยตัวกลับไปบนเรือ พอขึ้นมาปุ๊บ เข็มทิศก็ทำงานตามปกติ เออ เอาสิ!








    พอถึง Red Rock พวกเราก็นึกถึงคำที่ครูแมทบอกว่าให้เชื่อในเข็มทิศ โอเค! เชื่อ ลงไปแล้วต้องไม่เจ๊ง แต่ก็เอาอีกแล้วครับผม คือเราแอบสังเกตเห็นว่าน็อตดูข้อมือบ่อยมาก ตอนแรกคิดว่าดูไดฟ์คอม(สิ่งนี้คือเหมือนนาฬิกา แต่ฉล๊าดฉลาด บอกความลึกได้นี่นั่นนู่นโน่นสารพัด) ซักพักเห็นสะบัดข้อมือหลายรอบมากๆ ในใจตอนนั้นคือ อ้อ... เข็มทิศไม่ขยับอีกแล้วใช่มะ เราเชื่อนะ เรายังคงเชื่ออยู่ จงใช้ได้ จงใช้ได้


    สุดท้ายน็อตใช้วิธีดูแสงเอา พระอาทิตย์ตกทิศนี้ น่าจะมาทางนี้ เออ เชื่อในการหมุนของโลกนี่แหละ เวิร์คสุดล่ะ และพอขึ้นมาบนเรือปุ๊บ เข็มทิศขยับได้ตามปกติอีกครั้ง ก็ฮากันไป














    พยายามอย่างยิ่งยวดในการว่ายไปถ่าย


















    และนี่คือฝูงปลาข้างเหลืองแห่ง Red Rock
    ตอนว่ายน้ำเข้าไปไกลๆรู้สึกเหมือนอยู่ในช่อง Discovery Channel เลยล่ะ!














    ชอบตรงนี้มาก น่ารักพริ้วๆ ปลาแหวกว่ายเต็มไปหมดเลย







    พอครบเวลาก็ต้องขึ้นแล้ว มานั่งพักกินหนม ทำตัวให้แห้ง เข้าฝั่งก็จัดแจงล้างอุปกรณ์ แวะไปแซวครูแมท ทักทายนักเรียนใหม่ที่ริมสระ อาบน้ำ มาเจอครูแมทกับน็อตที่พาไปกินอาหารเวียดนาม อร่อยมากอีกตามเคย คุยกันเรื่องทริป liveaboard ที่จะต้องไปอยู่กินนอนอยู่บนเรือเลย อยากไปมาก ต้องเก็บตังไปได้ด๊ายยยยยย


    จากนั้นก็ไปนั่งชิวจิบเบียร์ที่ Blue Water เหมือนเคย ครูแมทสอนเสร็จก็ตามมาสมทบ คุยกันต่อเรื่องปลา อวดคลิปแมนต้าแบบรัวๆจนอยากจะไปดำน้ำฝั่งอันดามันซะเดี๋ยวนั้น จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ













    วันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นมาเช็คเอาท์ เอาเครื่องเล่นซีดีไปคืน เตรียมตัวเดินทางกลับที่ไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ที่นั่งพิมพ์อยู่ก็ยังคิดถึงชีวิตตอนนั้นที่ตื่นเช้ามาดำน้ำ บ่ายชิวๆสบายๆ คุยกับทุกคนเรื่องดำน้ำแล้วก็อินกันหมด มี passion เรื่องเดียวกัน ทุกคนมีประกายวิ๊งวับในดวงตาเหมือนๆกัน เฮ้ย มันดีว่ะ ดีแบบอธิบายไม่ถูกจริงๆนะ









    บ๊ายบายเกาะเต่า เดี๋ยวเราจะกลับมาอีกนะ







    จากนี้ไปก็อยากกลับไปดำน้ำบ่อยๆ จนถึงขั้นที่ว่าอยากจะย้ายกลับมาอยู่เบสไทยด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารัก ชอบ ผูกพัน วิถีการใช้ชีวิตแบบที่เป็นเรามันอยู่ที่ไทยหมดเลยแหะ (คิดมานานซักพักแล้วแหละ คิดมาตลอดปีที่แล้วเพราะเป็นบ้าเป็นบอ... เอ๊ะทำไมเริ่มดราม่า ไม่เอาดิเฮ้ย) แต่ก็นะ...รอดูกันต่อไป สายการบินบ้านเราสมัครยากเหลือเกิน ฮือ


    ยอมรับว่าเราหลงเสน่ห์โลกใต้ทะเลไปแล้ว มันเป็นโลกของความเงียบที่มีแต่เสียงหายใจของเราเอง เป็นเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ตัดขาดจากโลกข้างบนที่วุ่นวายหรืออยู่บนเครื่องบินมองขอบฟ้าผ่านหน้าต่างอย่างเหงาๆ พออยู่ในน้ำแล้วเราไม่คิดอะไรเลย มองปลา มองปูเสฉวน ดูปะการังและดอกไม้ทะเลพริ้วไปเรื่อยๆ เหมือนพบเจอที่พึ่งพิงทางใจจริงๆแล้วล่ะ :)








    สุดท้ายนี้...

    ขอบคุณแพรรี่ ที่ติดต่อจองทุกอย่างให้ตั้งแต่เรายังอยู่ที่มิลาน รอบหน้าไปภูเก็ตกัน เรากับพัดไปดำน้ำ แกก็เล่นเซิร์ฟของแกไปนะ ฮี่ฮี่

    ขอบคุณสปุ๊ก ที่ช่วยติดต่อครูแมทให้และคอยประสานนี่นั่นให้ตลอด แถมยังถามไถ่ความเป็นไปทุกวี่วัน

    ขอบคุณครูแมททิว ที่สอนสนุก ลุกนั่งสบาย มุกตลกมากมาย แถมพาไปกินของอร่อยอีก คอยไปตามเก็บตอนที่ลอยเคว้งคว้างกลางอ่าวไทยด้วย *ไหว้จริตนางงาม*

    ขอบคุณน็อต ผู้เรียกเราว่าพี่ตลอดเวลาทั้งๆที่เราเด็กกว่าแกเว้ย ขอบคุณที่คอยตามเก็บเราเวลาที่ลอยไปไกล และเป็นทั้งบัดดี้ รวมถึงหลีดให้ตอนที่ไปฟันไดฟ์ สนุกมาก ขอให้เชื่อในเข็มทิศต่อไป...

    ขอบคุณพี่ๆทุกคนใน Ban's Diving Resort พี่ทุกคนใจดีมาก น่ารักมาก เห็นหนูยืนงงๆก็เข้ามาถามไถ่ว่ามีอะไรให้ช่วยมั๊ยตลอดทั้งเลย











    เจอกันใหม่ทริปหน้า จะไปโผล่อยู่ประเทศไหน ต้องติดตามนะจ๊ะ

    ด้วยรัก...จากใต้ท้องทะเลประเทศไทย ;)



    ป.ล.ทำคลิปไว้แต่กากๆเพราะต้องคอยประคองตัวเองไม่ให้ลอย แต่อยากให้เห็นภาพบรรยากาศแบบเคลื่อนไหว ตามไปดูได้ที่ ด้วยรักจากทะเลทราย นะจ๊ะ











    ตามไปอ่านบันทึกการเดินทางอื่นๆได้ที่..
    .www.facebook.com/withlovefromthedesert
    IG: Ployapha.j
    #withlovefromthedesert
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in