เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIVING IN CEBU (?)Sutthida Stkt
Oslob & Bohol: 2016
  • ห่างหายจาก Blog นี้ไป 5 ปี (ยังมีหน้ามาเขียนต่อ)


    ไหนๆก็ไม่ได้ไปต่างประเทศ และไม่มั่นใจว่าปีนี้จะได้ไปต่างประเทศมั้ย งั้นเราขอ Throw Back สักหน่อย

    วันนี้จะมาเล่าเหตุการณ์ในการไปเที่ยวคนเดียว(ครั้งแรกในชีวิต) ซึ่งมันเกิดขึ้นที่ฟิลิปปินส์ 

    เอาจริงๆ ที่ตอนเกิดสดๆไม่เล่า เพราะกลัวกระทบกับการเดินทางไปฟิลิปปินส์ครั้งอื่นๆ 


    คือเอาง่ายๆ พ่อแม่จะไม่ให้ไปฟิลิปปินส์อีกอะแหละ ถ้ารู้เรื่องทั้งหมด 555555555555


    เริ่มแรก คือในตอนนั้นเราไปอยู่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ทั้งหมด 12 วีค เราไปฝึกงานตอนจะขึ้นปี 4 

    เราเลือกที่จะไปฟิลิปปินส์เพราะไม่อยากชงกาแฟอยู่ที่ไทย 


    เราทำงานไปเที่ยวไปวันเสาร์อาทิตย์ แต่เราเที่ยวเกือบครบแล้วรอบๆเกาะ Cebu 

    เหลือแค่เพียง “ไปดูฉลามวาฬที่ Oslob” วีคนั้นเป็นวีคที่ 10 คือเหลืออีกแค่วีคเอ็นเดียวที่เราจะอยู่ฟิลิปปินส์

    แล้วเพื่อนเวียดนามพูดขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวหลังจากที่รู้ว่าเรายังไม่เคยไปดูฉลามวาฬ ว่า

    “You should go to Oslob for Whale shark snorkeling ! It’s the biggest highlight here!” 

    เลยไปยื่นเอกสาร Stay out แม่งเลย แล้วคืนนั้นก็เดินทางไป Oslob เลย 

    เนื่องจากการดำน้ำกับฉลามวาฬควรทำตั้งแต่เช้าๆ เพราะฉลามวาฬจะเยอะเป็นพิเศษ 

    แล้วถ้าให้เราตื่นตี 3 นั่งรถ 3 ชั่วโมง ก็กลัวว่าจะตายเสียก่อน เลยอะไปค้างตั้งแต่คืนวันศุกร์ดีกว่า 


    แต่ก่อนที่จะยื่นใบ Stay out form เราก็เห็นว่า ใกล้ๆ Oslob เป็นเกาะ Bohol ซึ่งดังเหมือนกันเห็นนักเรียนไปเที่ยวกันเยอะ

    เราเลย อะงั้นไปนอนอีกสักคืน เพราะเกาะมันใหญ่จะได้เที่ยวครบๆ 

    ตอนนั้น เราไปกับเพื่อนอีกคนนึง แต่มันไปกับเราแค่ Oslob อะแหละ ส่วน Bohol เราไปคนเดียว

    ในความคิดเรา เราคิดว่าจาก Oslob น่าจะมีเรือของรัฐบาลที่พาไป Bohol แหละ 

    เหมือนจากฝั่งตราดไปเกาะช้างอะไรเงี้ยย คิดอะไรง่ายๆไง 555555 (มาร์ก 1 ไว้ ว่านี่จะเป็น big หายนะในอนาคต) 


    คืนวันศุกร์นั้น เราไปที่ท่ารถ South Terminal ในเมือง คนเยอะสัสสสสสสสส

    แบบ เรารอรถ 3 ชั่วโมง แล้วรถที่เราได้อะ เป็นรถเมล์แบบไม่มีแอร์ .. 

    แล้วคนแน่นแบบแน่นมาก เราโชคดีที่พอเห็นว่ามันเป็นรถไม่มีแอร์ เลยโยนกระเป๋าขึ้นไปทางหน้าต่างจองที่บนรถก่อน 

    แต่ปรากฎว่า เราเหมือนไม่ได้คุยกับพนักงานว่า รถคันนี้มันไปถึงไหน หรือไม่แน่ตอนนั้นอาจจะคิดว่า 

    เออ ให้เราได้ออกๆจากท่ารถไปก่อน แล้วไปคิดข้างหน้าว่าจะเอายังไง 



    ปรากฎว่า ขับไปได้ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง รถแม่งจอดเว่ยยยยย มันคือรถที่ไปแค่ Carcar city เหลืออีก 2 ชั่วโมง ถึงจะถึงที่หมาย

    แล้วแบบ แม่งหย่อนเราไว้ที่ไหนก็ไม่รู้อะ แล้วสมัยนั้น Google maps ยังไม่สเถียรนะคะ บอกก่อน 

    ตอนนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เราแบบ มองซ้ายขวา เอาไงดีวะ เลยเดินไปที่เซเว่น (ยังดีมีเซเว่น) 

    พนักงานก็บอกว่า ให้ยืนรอ ยังไงจะมีรถที่ไป Oslob ผ่านมา มันจะเป็นรถแอร์ ยูขึ้นไปเลย 


    สรุปมีจริง แต่คราวนี้เราได้ยืนจ้า 55555555

    วันนั้น ถึงที่พักตี 2 .. แล้วอีกวันต้องตื่นไปดำน้ำตอนตี 5 

    แต่ดำน้ำไม่ได้นานมาก เพราะการดำน้ำดูฉลามวาฬเขาจำกัดให้เพียงคนละ 30 นาที 

    แต่เราดำไปสักพัก ฝนตกจ้าาา ความห่าเหวมันประดังประเดอะไรมาวันนี้ขนาดนั้น

    แต่ก็ได้ดูฉลามวาฬนะ ตัวแม่งใหญ่มากกก แบบ ดำไปกรี๊ดไป น้ำเข้า snorkel ไป 5555

    จำได้ว่า คนเรือตะโกนว่า “Don’t scream” แบบ อิดอก อย่ากรี๊ด อะไรประมาณนี้ เดี๋ยวปลาหนี 


    อะ พอดำน้ำเสร็จ กลับที่พัก ถามเจ้าของที่พักว่า เออ ถ้าจะไป Bohol ต้องไปยังไงต่อ

    เขาบอกว่า ก็กลับเข้าเซบู แล้วนั่งเรือไป เราก็แบบบ เชี่ยยยย จะกลับเซบูทำไมวะ ก็เกาะแม่งข้างๆกัน 

    เขาบอกว่า “อ่ออ ไม่มีเรือไป Bohol จากที่นี่หรอก” เราแบบบบบบ ฉิบหายและ ทำไงดี 

    เขาก็พูดต่อว่า “แต่ถ้ายูอยากไปอะ จ่ายมา 1,000 เปโซ ไอหาวิธีให้ได้” คือตอนนั้นแบบ เออ ก็ดีกว่าเสียเวลาวะ

    แต่ก็คิดในใจ หาวิธีให้ได้ คือมึงเอากุลอยโฟมไปปะวะเนี่ย 

    สุดท้ายก็ตกลงปลงใจแล้ว เลยลากับเพื่อน แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนจะกลับได้ปะวะ สรุปจริงๆคือ มึงต้องเป็นห่วงตัวเองเว่ยจูน อย่าไปห่วงชาวบ้านเขา เพราะความพีค is coming เรื่อยๆ 


    สรุป มันมีเรือแบบ เรือชาวบ้านที่เขารับนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้ความไปส่ง Bohol บนนั้นมีแต่ชาวต่างชาติ 

    แล้วเรือแม่งไม่มีร่มทุกคน ชีวิตอิช้อยยย อยู่โรงเรียนดีๆไม่ชอบ ชอบมาตกระกำลำบาก

    พอไปถึงเกาะ Bohol คือหิวสัส แล้วเขาเอาเราไปหย่อนที่ไหนก็ไม่รู้ คือแบบ มันเป็นรีสอร์ท แล้วเราก็แบบ 

    อ้าว แล้วกุจะไปที่พักยังไง .. แต่ก็หิวเลยเริ่มจากการกินข้าวที่รีสอร์ทนั่นก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะไปยังไงต่อ 

    สั่งข้าวมา หมาไม่กิน .. แม่งไม่อร่อยเลย 55555 จำรสชาดแย่ๆนั้นได้มาจนถึงทุกวันนี้


    พอกินข้าวเสร็จอะไรเสร็จ เราเลยเดินไปหาพนักงานรีสอร์ทยื่นที่อยู่รีสอร์ทที่เราจองไว้ให้เขาดู ถามเขาว่าจะไปยังไงได้บ้าง เขาบอกเราว่า เออ นั่งมอไซด์ไปมั้ย เดี๋ยวเขาเรียกให้ เพราะมันก็ไกลเหมือนกัน

    เราแบบ อะๆโอเค มอไซด์เอาดิฉัน 200 เปโซจ่ะ (ประมาณ 140 บาทค่าเงินตอนนั้น) เราเลยอะๆ โอเค 

    ปรากฎว่าไม่ไกล .. 555555555 พวกมึงนี่มันขี้โกงจริงๆ แต่ไม่เป็นไร คนไทยก็ทำ 


    พอเข้าที่พักเสร็จมันประมาณบ่าย 2 และ ตอนแรกว่าจะขึ้น Chocolate hill เลย แต่ฟังจากพนักงาน เขาบอกว่า ขี่มอไซด์ไป 4 ชั่วโมง เขาก็เป็นห่วง เพราะไปกลับ 8 ชั่วโมง

    เราเลยตัดสินใจที่จะไปอีกวันละกัน วันนี้เที่ยวในเมืองไปก่อน


    เราเลยตัดสินใจเช่ามอไซด์ขับ เกร๋สัส เพิ่งขับมอไซด์เป็นไม่กี่เดือน แต่ไปเริ่มขี่จริงจังที่ฟิลิปปินส์ 

    พนักงานถามว่า เอาแผนที่ Bohol มั้ย เราแบบ เอา ขอเลย เขาไปหยิบแผ่นพับมาให้ 

    มึงงงง .. เหมือนย้อนตัวเองไปปี 2000 นั่งอ่านแผ่นที่อะเธอ คือรถหายได้ แต่แผนที่ห้ามหาย


    เราเริ่มจากการขี่ไปเที่ยวใน spot สำคัญๆบน Bohol อย่างพวกโบสถ์ เอาจริงๆแค่เที่ยวฆ่าเวลา

    เพราะโบสถ์ในเซบูสวยกว่าเยอะ และก็ไปหาอะไรกินในเมืองสักหน่อย เพราะถ้าให้ทำเอง เกรงว่า จะต้องเข้าโรงบาล 

    วันนั้นสิ่งที่พีคอาจจะเป็นเส้นทางที่ขี่ไปกินข้าวมากกว่า เหมาะแก่การโดนฆ่าหมกป่ามาก 55555 ดูรูปได้ในอัลบั้ม


    ขอต่อ Ep.2 เพราะมันยาวมากกกก 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in