เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIVING IN CEBU (?)Sutthida Stkt
เผาขนเพื่อนร่วมงาน
  • จูนอยู่ที่นี่มาเป็นเวลา 8 สัปดาห์แล้วค่ะ 
    เวลาผ่านไปไวมาก เหมือนเงินในกระเป๋าที่หมดไปไวมากเหมือนกัน 
    กระพริบตาอีกที เหลืออีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น 

    ในทีมจูนตอนนี้เหลือกันอยู่ 3 คน เนื่องจากคนเทรนด์งานชาวไต้หวันนั้นลาออกไปแล้ว 
    ทำให้เหลือ คนไทย 2 คน และ ญี่ปุ่นอีกคนในทีม

    ส่วนตัวแล้วจูนมักไม่ค่อยลงรอยกับคนญี่ปุ่นในทีม เนื่องจากไม่ชอบคนขี้โม้ (อีนี่ส่วนตัวล้วนๆ) 
    จูนมักจะประสานงานกับเพื่อนคนไทย หรือไม่ก็ผู้จัดการมากกว่า แต่จริงๆจูนไม่ค่อยเจอคนญี่ปุ่นคนนี้หรอกค่ะ เขามักจะไม่เข้าออฟฟิศ เพราะเขาต้องเรียน (เราทุกคนจะมีเวลาเรียนเหมือนกัน ซึ่งเวลาจะแตกต่างกันไป เขาจะไม่อยู่จนถึงประมาณ บ่ายโมงครึ่ง) 

    จูนเทรนด์งานพร้อมกันเพราะเราเริ่มงานวันเดียวกัน ซึ่งวันที่เจอวันแรก เริ่มรู้สึกว่า อินี่แปลกๆ 
    จูนมักจะแนะนำตัวด้วยคำว่า ชื่อจูน มาจากประเทศไทย จบ. 
    แต่เขาจะแนะนำตัวว่า ชื่อยูกิ มาจากญี่ปุ่น เคยอยู่เซบูมาก่อน และก็ย้ายไปอยู่ออส และก็กลับมาเพราะบลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ส่วนตัวเป็นคนความอดทนต่ำ) 

    ครั้งแรกของการโดนเหยียด .. 
    ณ โต๊ะอาหาร 
    ที่นี่มีตะเกียบกับช้อน ไม่มีส้อม ซึ่งจูนมักจะใช้ช้อนตักข้าว เพราะมันได้คำใหญ่ดี
    เพื่อนคนญี่ปุ่น : ประเทศเธอไม่ใช้ตะเกียบกินข้าวหรอ (น้ำเสียงและสายตาเหยียดเบาๆ กูจำได้ขึ้นใจ)
    จูน : อืม ประเทศเรามีช้อนหน่ะ
    เพื่อนคนญี่ปุ่น : แต่เราว่า ใช้ตะเกียบมันโอเคกว่านะบลาๆๆๆๆๆ 
    จูน : หรอ พอถึงคำสุดท้าย ต้องใช้ปากรองที่จานอ่านะ

    เกริ๊ง .. ยกที่ 1 อิจูนเปิดตั้งแต่วันแรกๆ 
    คือไม่ใช่ว่า อคตินะ แต่คนเราต้องใช้น้ำเสียงและสายตาแบบนี้หรอวะ อีกอย่างมันก็แล้วแต่วัฒนธรรมป่ะวะ ช้อน ส้อม มีด ตะเกียบ มันก็แล้วแต่ประเทศป่ะวะ .. 

    และทุกครั้งที่เพื่อนจูนแม่งไม่สู้คนเลย ทำไมไม่แทคทีมวะ เพื่อนคนไทยจูนค่อนข้างเป็นพวกรักสงบ จูนรักสงครามประดุจดั่งเกิดที่เกาหลีเหนือ จูนมักจะบ่นเพราะเพื่อนไม่ค่อยช่วยงาน แต่ลึกๆจูนว่ามันก็อยากช่วยนะ แต่มันไม่เข้าใจ จริงๆแล้ว พวกเราจะมีคู่มือในการทำงาน คือเหมือนเป็นลิ้งกว่า ส่วนไหนอะไรยังไง มีภาษาอังกฤษ และ ญี่ปุ่น จูนมักจะบ่นกับเพื่อนว่า อิห่า คู่มือภาษาญี่ปุ่นก็มี ไม่เสือกอ่าน (คำหยาบเป็นชุด) และงานของทีมจูนเป็นงานรูทีน เรียกง่ายๆว่า หลับตานึกมึงควรจำได้แล้ว เพราะมึงก็ทำมาหลายอาทิตย์ 

    จนความพีคมันมาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน 
    เพื่อนคนญี่ปุ่น : ตารางนักเรียนใหม่ต้องปริ้นให้ใครบ้างหรอ 

    จูนสาบานได้เลยว่า มันมีเขียนไว้ในคู่มือแล้ว และเราทำงานกันมา 7 สัปดาห์แล้ว เพราะฉะนั้น มึงต้องจำได้สิวะ (วินาทีนั้นเดือดมาก) 

    จูนตอบกลับ : จริงๆแล้วเราก็อยู่กันมา 7 สัปดาห์แล้วป่ะวะ ทำไมยังจำไม่ได้ว่าต้องปริ้นให้ใครบ้าง 
    เพื่อนคนญี่ปุ่น : ก็แค่ถามป่ะวะ และปกติเธอก็ทำงานนี้เสร็จโดยไม่ได้สอนเรา
    จูน : ก่อนที่เราจะทำเป็น ลีวายก็สอนป่ะวะ ลีวายสอนเราพร้อมเธอ ทำไมเราจำได้ ทำไมเธอจำไม่ได้ และอีกอย่างนะ ในคู่มือก็มีทำไมไม่หัดอ่านวะ (เดือดแบบถ้าถีบแล้วผ่านฝึกงาน กูถีบแล้ว) 
    เพื่อนคนญี่ปุ่น : เงียบ..... 

    สักพักนึง มันพูดว่า 
    "ฟังนะ เธอไม่เคยสอนเรา ไม่เคยบอกว่าต้องทำยังไง และปกติก็ทำเองอยู่คนเดียว ถามก็ตอบสิ ไม่ใช่พูดแบบนี้ เข้าใจใช่แมะ" 
    ยอมรับว่าเดือดเหี้ยๆเลยค่ะตอนนั้น แบบ ก่อนลีวายออก ลีวายเทรนด์งานพวกจูน 1 เดือน และถึงแม้ตอนที่เขาสอนจูนเสร็จเขาก็ทำงานเอง โดยที่อินี่ส่วนใหญ่ก็ว่าง ไม่ได้ทำงาน 

    "คนเรามันต้องมีการใส่ใจ ไม่ใช่ว่ามีเรียนแล้วหายไปเลย 4 ชั่วโมง ระหว่างคาบ เราต้องกลับมาออฟฟิศ ถึงจะแค่ 5 นาทีก็เหอะ ลีวายเคยบอก ผู้จัดการเคยบอก ทำไมไม่ฟังวะ" 

    แม่งเงียบ หลังจากนั้น ไม่คุยกับกูเลยค่ะ .. ดีแล้ว คุยมากก็มากเรื่อง (อ่าว อิห่า) 

    จริงๆหลังจากงานไฝ้ว จูนก็กลัวนะ ว่าคนในออฟฟิศจะมองจูนไม่ดี (นี่มึงยังแคร์อีกหรา มาขนาดนี้แล้ว) 
    แต่เชื่อมั้ยว่า หลังจากนั้น ทั้งออฟฟิศ คือแบบ "จูนกล้าได้ไง นี่คิดมาตั้งนานยังไม่กล้าเลย" โห ขนาดพวกพี่ๆเขาอายุ 30กว่ากันยังไม่กล้า อีนี่เด็กสุดในออฟฟิศ คือแหลมมาก 

    ส่วนพี่ฝ่ายบัญชี ที่นั่งข้างเพื่อนคนญี่ปุ่นคนนี้ได้แต่หันมายิ้มและยกนิ้วโป้งให้ 

    ปล.นี่เหมือนบันทึกระบาย .. ถูกต้องค่ะ ระบายล้วนๆ 
    ปล.เพื่อนคนนี้ทำให้มุมมองการมองคนญี่ปุ่นเปลี่ยนไปเลยค่ะ ตั้งแต่จูนเจอเพื่อนญี่ปุ่นมาไม่เคยเน่าเฟะขนาดนี้มาก่อน อยากบ่นหลายรอบแล้วค่ะ แต่เพื่อนขอไว้ เพราะยังต้องทำงานด้วยกันอีกนาน แต่ตอนนี้ไม่แคร์แล้ว เพราะมันเละจริง 

    หลังจากเหตุการณ์นี้ได้เพียงหนึ่งวัน ผู้จัดการเรียกจูนเข้าไปถามไถ่ สารทุกข์สุขดิบ โดยอ้างว่า "มาคุยเรื่องการฝึกงานเถอะ เรื่องโปรเจ็ค" 
    แต่จูนหันไปบอกเพื่อนว่า "กูว่า เขาเรียกเราเข้าไปคุยเรื่อง อิเชี่ยยูกิแน่ๆ" 
    ปรากฎว่า เขาเรียกไปคุยเรื่องเพื่อนคนนี้จริง 

    ผู้จัดการ : ทำงานร่วมกับยูกิเป็นอย่างไรบ้าง 

    อิจูนสูดหายใจลึกสัสๆ แล้วก็นับ 1..2..3.. จะพูดอะไรก็คิดดีๆนะ จะผ่านฝึกงานไม่ผ่านฝึกงานอยู่ที่ปากนะ

    จูน : การทำงานของเขาแย่มากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจำอะไรบ้างรึป่าว อยู่มากันตั้ง 7 สัปดาห์แล้ว ลีวายสอนพวกเราพร้อมกัน ทำไมหนูกับเพื่อนจำได้ แต่เขาจำไม่ได้ก็ไม่รู้ค่ะ เมื่อวานก็เพิ่งไฝ้วกันมา ถามมาได้ว่า ต้องปริ้นให้ใครบ้าง และบอกว่าหนูทำงานคนเดียวไม่สอนเขา ตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็ถูกสอนพร้อมกัน พอทำไม่ได้ก็มาโทษหนู ไม่หันโทษตัวเอง 

    โห... อิจูนร่ายทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ โดยที่ไม่รู้ว่า ตัวเองพูดภาษาอังกฤษคล่องขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเดือดนี่พูดร่ายได้ยิ่งใหญ่สัสๆ 

    ผจก. อึ้ง .. และพูดว่า "ฉันก็รู้นะว่าเขามีปัญหาทางด้านการใช้คอมพิวเตอร์" 
    จูน : ค่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ จดทุกอย่าง จดมันตั้งแต่สัปดาห์แรก ไม่เข้าใจว่าสมองเขาจำอะไรได้รึป่าว และจดไม่ใช่จดเป็นตัวหนังสือ จดเป็นภาพ วาดภาพเลยค่ะ 
    ผจก : ขนาดนั้นเลยหรอ แต่ยังไงก็ต้องฝากสอนเขาด้วยนะ 
    จูน : หนูสอนจนไม่รู้จะสอนยังไงแล้วค่ะ เขาชอบเถียงและอ้างว่าเขาถนัดแต่โฟโต้ชอป
    ผจก. : ฉันจินตนาการไม่ออกเลยตอนเขาทำโฟโต้ชอป เพราะตอนที่ถามเขาเรื่องเฟสบุ๊ค เขายังงงอยู่เลย แต่ยังไงก็ต้องฝากพวกเธอเทรนด์งานเขาก่อนที่สตาฟใหม่จะมา เพราะการเทรนด์เขาพร้อมกับพนักงานใหม่ มันจะดูไม่ดี 
    จูน :  ค่ะ 2 สัปดาห์ พวกหนูจะพยายาม 

    คือเนื่องจากว่า เพื่อนญี่ปุ่นคนนี้เขาอยากจะเป็นผู้จัดการที่นี่ ก็เลยทำให้ผู้จัดการเรียกจูนเข้าไปคุย แต่ในความคิดเห็นจูนคิดว่า เขาอาจจะเป็นไม่ได้ เพราะเขาเองก็เคยบอกว่า ไม่ชอบการทำงานกับคนเกาหลี เพราะต้องรักษามารยาทมาก แต่จุดนี้จูนไม่ได้บอกหัวหน้า แต่ก็คิดว่า แล้วแต่ทางออฟฟิศพิจารณา 

    ปล. จูนต้องขอโทษที่นำเรื่องส่วนตัวมาระบาย แต่ก็อยากบอกตรงๆว่า คนญี่ปุ่นไม่ได้ดีทุกคนนะเว่ยแก 
    ปล.2 เป็นบทที่คิดมาหลายครั้งแล้วว่าจะลง 
    ปล.3 สัญญาว่า ตอนหน้าจะกลับมาฮาเหมือนเดิม บทนี้ค่อนข้าง action sci-fi

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in