เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIVING IN CEBU (?)Sutthida Stkt
Become healthy
  • ในที่สุดก็เดินมาถึงครึ่งทางของการฝึกงานสักที
    รู้สึกใจหายเบาๆ เพราะมันไวมาก นี่กูมาอยู่นี่เดือนครึ่งแล้วหรอ
    เที่ยวไม่ถึงไหนเลย Oslob , Bohol ยังไม่ไปสักที่เลยเนี่ยยยยย
    เหลือเวลาอีก 6 อาทิตย์ จะได้ไปมั้ยยยยยยยยยย

    หลังๆเริ่มไม่ค่อยซีเรียสกับการไม่ได้เที่ยวแล้ว (แต่ก็ยังแอบหวังเบาๆ)

    การมาอยู่ที่นี่มันเหมือนการเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ ย้ายสังคม ย้ายพฤติกรรมที่เคยทำที่บ้านมาทำที่นี่ เช่น การซักผ้า การซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น

    สิ่งที่จะยกมาเล่าวันนี้ คือ .. การออกกำลังกาย
    ปกติจูนเป็นคนที่ห่างไกลการออกกำลังกาย เหมือนโลกกับดาวพลูโต
    คือนอกจากมึงจะห่างไกลแล้ว มึงยังหายไปจากชีวิตกูอีก
    เนื่องจากจูนเป็นพวกน้ำหนักไม่เคยเกิน 45 โล ไม่ว่าจะกินเยอะแค่ไหน
    เหมือนพองลม แบบ ตัวแน่นขึ้นแต่ น้ำหนักไม่ขึ้น
    อยู่ที่นี่ก็เหมือนกัน ถ้าพูดตรงๆ อาหารเมืองไทยอร่อยกว่าประมาณ 105%
    คือถ้ามึงบอกว่า อาหารที่นี่อร่อย ต้องถามกลับว่า "มึงโดนลาบหมูเมืองไทยรึยัง?"
    แต่เนื่องจาก ทุกวันทำงานหนักมาก ตั้งแต่งานเอกสารยันกวาดออฟฟิศ
    จูนจึงหิวสุดๆทุกวัน กินข้าวมื้อละ 2 จาน++
    จริงๆ จูนเป็นคนกินเยอะอยู่แล้ว แต่จูนจะหนักมื้อเช้า และก็กลางวัน
    มื้อเย็นจะไม่ค่อยๆกิน (เป็นแบบนี้แหละมั้ง จูนเลยไม่ค่อยอ้วนขึ้น)
    แต่อยู่ที่นี่ มื้อเช้าก็จะอารมณ์แบบ ขนมปัง + ข้าวต้ม + มะเขือเทศ จบ
    มันไม่อยู่ท้องเลยเว่ยยยยย แบบ แค่ชั่วโมงครึ่งก็ย่อยหมดแล้ว
    ข้าวกลางวันเลยพูนจานทุกมื้อ พูนไม่พอ กูเติมอีกค่ะ
    เวลากินข้าวนี่ คนในออฟฟิศชอบตกใจว่า "อิห่านี่ แดกคุ้มค่าแรงมาก"

    จนมาวันนึง .. กางเกงใส่ไม่ได้ 1 ตัวแล้ว .. และอีกตัวฟิตเปรี้ยะ
    วนกลับมาดูพุงน้อยๆที่วันนี้ได้เติบโต
    ก็รู้สึกว่า .. ถึงเวลาแล้วล่ะ ....

     5โมงครึ่ง อาหารเย็นน ..

    ไม่ใช่แล้วมึง ..

    ออกกำลังกายก่อนที่มึงจะไม่มีกางเกงใส่ !!!!!!!!!!
    จูนตัดสินใจ หยิบรองเท้าวิ่งคู่ใจ(อย่าเรียกกูว่ารองเท้าวิ่ง มึงใส่กูไปแดกแต่Junk food : รองเท้าSaid)
    ตัดสินใจไปยิมค่ะ !!!
    (อีกเหตุผลที่ต้องดูแลหุ่นเพราะอาทิตย์นี้ต้องไปทะเลด้วย)
    ก่อนอื่นเลย ต้องหาเพื่อนไป 
    ที่ออฟฟิศจูนมี GYM GANG (กูตั้งชื่อให้เขาด้วย) 
    ประกอบไปด้วย เพื่อนคนเกาหลีและเพื่อนคนไทยอีกคน 

    เพื่อนคนเกาหลีชื่อ เอ็ดเวิร์ด ชื่อไทยเรียก พี่ล่ำ (มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือชื่อไทยมัน)
    เขาถือว่า เป็น คิมจองกุกของออฟฟิศ เพราะไหล่ที่บึกบึน และแขนที่มองไกลแล้ว นึกว่า กัปตันเมกา 
    แต่พอมองใกล้ๆ อ๋อ.. มันอ้วน .. (โดนเอ็ดเวิร์ด Side kick ลอยกลับไทย)
    เขาล่ำจริง เวลานั่งทำงาน มันหุบแขนแทบไม่ได้ ไม่รู้เจ็บจั๊กกะแร้หรือยังไง 
    เขาเป็นเทรนเนอร์ให้ ซึ่ง ดีมากมึง กูไม่ต้องจ้างเทรนเนอร์

    เพื่อนอีกคนเป็นคนไทย ชื่อแทน 
    อันนี้เป็นสายกินจุเช่นกัน (เหมือนมาสร้างชื่อเสียงด้านกินจุให้ประเทศไทยมากกว่า) 
    แทน ไปยิมเป็นประจำ เลยขอติดสอยห้องตามไปด้วย 

    เมื่อไปถึง ก็มีอาการเขินอายกับเครื่องเล่นบ้าง เนื่องจากนานมากที่ไม่ได้จับมัน 
    มีถามเพื่อนบ้างว่า ต้องหายใจจังหวะไหนอะไรยังไง 

    พอเริ่มเป็นก็ โอเค จัดไป เล่นแม่งทุกอย่าง ขา แขน หลัง ปวดทั้งตัว
    กลับมาที่โรงเรียนก็วิ่งรอบโรงเรียนอีกหลายรอบ
    จนทุกคนคงงงว่าอีนี่ปกติ นอนอืดเป็นหมูตอน อยู่ๆกินยาม้ามาหรือไง

    ปกติตอนอยู่เมืองไทย ก็มีไปยิมบ้าง บางโอกาส ประมาณทุกปีอธิกมาศ
    และก็รู้สึกว่า ยิมที่นี่ไม่ได้ต่างอะไรกับเมืองไทยนะ แต่จะเก่ากว่าเยอะ (สรุปมึงต่างมั้ยวะ)
    และก็มีเครื่องไม่ค่อยครบ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า "เอาไรมาก แค่ 50 เปโซ"

    พอได้มีโอกาสออกกำลังกาย มันก็รู้สึก Healthy มากขึ้น
    แค่ยื่นเงินค่าเข้าให้เขา ก็รู้สึก Healthy แล้วค่ะ

    ปกติเวลาจูนไปต่างประเทศ ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้
    เพราะครั้งนี้มันเป็นครั้งที่จูนได้มีเวลาว่าง นั่งคิดนู่นนี่ ไม่ใช่กลับห้องนอน พรุ่งนี้เที่ยวใหม่ เหมือนครั้งก่อนๆ
    รู้สึกสบายใจลึกๆ และก็รู้สึกว่า เออดีว่ะ ไม่ต้องรีบ
    อาทิตย์นี้กูไม่ไป อาทิตย์หน้าก็ได้ไป ยังมีเวลาอีกหลายอาทิตย์
    จนแม่งเป็นเหมือนย่อหน้าแรกแหละ คิดแบบนี้จนแม่งครึ่งทาง
    ยังเที่ยวLandmark ไม่ครบเลย อย่าคิดจะออกไปนอกเมืองเลย

    นั่นแหละค่ะ ชีวิตของเด็กที่อยู่ไกลๆ ต้องมานั่งวางแผนการเงิน
    จากปกติแม่เป็นคนวางแผน ทำไรก็เบิกแม่ แต่ตอนนี้ไม่ต้อง
    แค่บังคับไม่ให้ออกนอกลู่ก็พอ (แต่ออกมาหลายรอบและ)
    มันไม่ใช่แค่การมาฝึกงานแล้วแหละ
    มันเหมือนการฝึกใช้ชีวิตมากกว่า

    ทุกวันนี้ยอมรับว่า ทุกคืนจะต้องออกไปนั่งดูดาวเงียบๆคนเดียว
    เพื่อทบทวนสิ่งที่ผ่านๆมา และ เคลียร์ความรู้สึกเพื่อรับอะไรใหม่ๆ ในวันพรุ่งนี้
    เช่น เด็กมันจะมีใครทำอะไรพังอีกมั้ยวะ , จะมีใครไม่สบายต้องหามไปโรงบาลมั้ยน้าาา
    ทุกวันมีเรื่องใหม่ๆ ถ้าเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เราจะไม่ได้เปิดรับอะไรใหม่ๆเลย 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in