เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A CUP BEFORE DAWNgiftmeme
on nightmare (2)
  • มนุษย์ทั่วไปจดจำวินาทีที่ถือกำเนิดออกจากครรภ์มารดาไม่ได้ และบางคนก็ตายโดยไม่มีโอกาสได้จดจำว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ ก่อนหน้านั้นมีแต่ความว่างเปล่าสีดำมืด หลังจากนั้นก็มีเพียงความว่างเปล่าสีขาวโพลน แต่สำหรับแวมไพร์อย่างพวกเรา ประสบการณ์การตายดับและกำเนิดใหม่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอย่างเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นผมจึงสามารถระลึกถึงชั่วขณะที่สิ้นสุดความเป็นมนุษย์และเริ่มต้นเป็นอย่างอื่นได้อย่างชัดแจ้ง ใช่ว่าผมอยากจะนึกถึงมันสักเท่าไร แต่ความทรงจำนั้นจะยังคงสถานะสดใหม่เหมือนวันวานได้ก็ด้วยการเล่นทีเผลอ เหมือนผู้ที่ลอบจู่โจมผมตอนเดินลึกขึ้นไปบนภูเขา เล่นงานจนผมนอนแผ่หลาอยู่บนผืนป่า แขนขาหนักอึ้ง จนมุมจนต้องปล่อยให้ฝันร้ายกลายมาเป็นความจริงอย่างไร้แรงต้านทาน 

    หยาดน้ำเต้นระบำบนยอดไม้ชั่วครู่ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระทบเปลือกตา ฝนต้องตกหนักน่าดูถึงฝ่าหลังคาของป่ามาถึงตัวผมได้ เทียบกับวันนั้นแล้วฝนบางเบากว่านี้แม้ในที่โล่งแจ้ง กิ่งไม้แห้งสำหรับเป็นเชื้อเพลิงกระจัดกระจายอยู่รอบตัว ผมยังกังวลอยู่ว่าหากเปียกฝนนานกว่านี้มันอาจชื้นจนใช้จุดไฟไม่ติด ขณะเดียวกันเลือดแดงฉานก็ไหลรินจากแขนขวาไม่หยุด เมื่อเจ็บปวดถึงจุดที่เกินทานทน ผมถึงรู้ซึ้งว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรอีก ผมกำลังจะตาย ปกติแผลเหวอะหวะที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญอาจไม่ร้ายแรงถึงชีวิตก็จริง แต่ตัวการที่มอบบาดแผลให้ผมไม่ใช่สัตว์ป่าทั่วไป คนในหมู่บ้านกลัวเกรงมันยิ่งกว่าหมีหรือเสือร้าย สู้ตายด้วยกรงเล็บที่ฉีกเราเป็นชิ้น ๆ ยังดีกว่าคมเขี้ยวที่สูบเลือดไปจนหมดตัว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังเปลี่ยนเราให้เป็นอสุรกาย ยายเฒ่าของผมเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ด้วยท่าทีขนลุกขนพองจนผมคิดว่ามันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก ไม่ให้เราเถลไถลนอกบ้านนานเกินไป

    ไม่มีใครบอกว่าปีศาจร้ายที่พวกเขาพูดถึงไม่ได้แตกต่างจากทุกคนที่ผมในวัยยี่สิบสี่ปีเคยพานพบมา หญิงสาวหน้าตาซีดเซียวที่เดินโซซัดโซเซมาจากข้างทาง พอผมถลาเข้าไปคว้าตัวเธอที่กำลังจะล้มลง กลับกลายเป็นว่าตัวเองโดนสลับตำแหน่งลงไปอยู่บนพื้นแทน แขนข้างที่เอื้อมไปประคองเธอเมื่อกี้โดนกระชากและกัดจนจมเขี้ยว หญิงสาวไม่ได้มีฟันแหลมยาวยื่นเหมือนสัตว์ประหลาดแต่อย่างใด หากมองเผิน ๆ ก็เกือบจะเหมือนเวลาน้องสาวหยอกด้วยการงับท้องแขนของผมเวลาหิว "เดี๋ยวก็กินเสียหรอก" น้องว่า แววตาแสนทรมานและแรงกัดแสนสิ้นหวังของหญิงสาวแปลกหน้าทำให้ผมเข้าใจ เธอกำลังหิวโหย ปีศาจตนใดกันจะดื่มกินเลือดเนื้อมนุษย์ด้วยสีหน้าขอโทษขอโพยแบบนั้นกัน

    ทันทีที่ถูกกัด ผมหมดสิ้นทางขัดขืน ร่างกายสูญสิ้นแรงขยับเขยื้อน มารู้เอาทีหลังว่าเขี้ยวเล็ก ๆ นั้นมีพิษสงเหมือนนักล่าที่ทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตได้ ความเจ็บปวดและความรู้สึกอื่น ๆ ค่อยกลับมาตอนที่หญิงสาวปล่อยแขนผมลงกับดิน เลือดสีเข้มเปื้อนรอบ ๆ ริมฝีปากและเปรอะผิวขาวซีดเหมือนกระเบื้องเคลือบแพง ๆ ที่พ่อเคยขโมยมา สายฝนพรำและหมอกบางเบาอาจหลอกตา แต่ผมคิดว่าเธอมองผมครั้งสุดท้ายราวคนหัวใจแตกสลายก่อนจะวิ่งหายไปยังที่ที่เธอจากมา แต่พวกเราก็ล่าสัตว์กันแบบนั้นมิใช่หรือ เธอเพียงแค่ไม่ใจเด็ดพอจะปลิดชีวิตผมในครั้งเดียว ราวกับว่าละอายใจหรือไม่ก็ปลอบโยนตัวเองว่าไม่ได้ฆ่าใครสักหน่อย ผมรู้สึกเจ็บปวดแทนเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลย

    เวลาผ่านไปเท่าใดก็ไม่ทราบได้ หัวใจที่เคยเต้นระรัวด้วยความตระหนกลดความเร็วลงเรื่อย ๆ จนผมสัมผัสได้ความห่างระหว่างจังหวะ ไม่ยักรู้ว่าพอเฉียดใกล้ความตาย ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นเป็นเท่าทวี รู้สึกถึงเม็ดฝนที่กระทบใบหน้า เลือดที่ไหลเหมือนลำธารในหน้าน้ำหลากเพราะเส้นเลือดขาด และอากาศเย็นเฉียบที่ไหลเข้าสู่ปอด โชคดีเหลือเกินที่ไม่เจ็บแล้ว คิดว่าจะได้หลับใหลไปเฉย ๆ เหมือนแม่ในเช้าวันหนึ่ง แต่ชั่วขณะที่กำลังจะลอยละลิ่วไปอีกฟาก ผมได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งเข้ามาใกล้ ตามมาด้วยถ้อยคำร้ายกาจมากมายที่กึกก้องเหมือนฟ้าผ่า ผมพยายามลืมตามอง จนกระทั่งเห็นใบหน้ากลมของน้องสาวที่ผมเพิ่งประคองและจุมพิตเบา ๆ ก่อนออกจากบ้าน ก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะเอื้อมมาปิดตาที่เบิกโพลงของเธอ ไม่รู้ว่ายายเฒ่าร้องไห้หรือเป็นเพราะฝนกันแน่ ผมพยายามคว้าภาพเลือนรางตรงหน้า แต่ก็ว่างเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่ แต่เปลวไฟจากคบเพลิงนั่นดูเหมือนจริง ที่พวกเขาหันหลังให้ผมและเดินจากไปไกลทีละนิดก็เช่นกัน

    "ต้องเผาสถานเดียว" นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนสิ้นชีพ


    ฝันร้ายของผมไม่ใช่การกลายเป็นแวมไพร์เสียหน่อย 




    "หากไม่ตายก็ต้องรอด แต่ผู้รอดย่อมเปลี่ยนไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" หญิงสาวที่เปลี่ยนผมกล่าวอย่างอ่อนโยนเมื่อผมฟื้นขึ้นมาในอ้อมแขนเธอ ฉากแบบนี้ในหนังแวมไพร์คงดูโรแมนติกอยู่หรอก แต่ผมจำได้แม่นยำว่าเธอพูดแบบนั้นตอนที่ผมกัดท้องแขนเธออย่างป่าเถื่อน แผลของผมสมานกันสนิทจนไม่เหลือร่องรอยก่อนหน้านี้ ระหว่างที่เลือดของเธอค่อย ๆ หยดลงจนไหลเป็นสาย รสชาติของมันไม่ได้คาวเหมือนสนิม แต่เหมือนน้ำบริสุทธิ์ที่คนคอแห้งผากดื่มเป็นอึกแรก เธอไม่ได้ดูเจ็บปวดอะไร แต่กลับอธิบายอย่างใจเย็นว่าตอนนี้ผมเป็นอะไรและควรทำอย่างไรหลังจากนี้ดี 

    เธอไม่ได้ขอโทษผม อาจเป็นเพราะคิดไปเองว่าการกลับมาช่วยชีวิตผมจากชาวบ้านถือเป็นการไถ่โทษแล้ว เช่นเดียวกับการพาผมติดสอยห้อยตามและทำความรู้จักกับพวกพ้องเดียวกัน จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่ จากยามสนธยาถึงรุ่งอรุณ จากกระต่ายป่าในมื้อแรกถึงกวางหนุ่มในมื้อสุดท้าย เธอน่าจะพอรู้ว่าผมไม่เคยให้อภัย จึงเดินนำหน้าไปเหมือนบ่าวไพร่ที่เชื้อเชิญแขกมากกว่าคนนำทางมากประสบการณ์ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเหมือนเงามืดทาบทับ แน่นอนว่าผมเข้าใจเธอ สายสัมพันธ์ที่ก่อเกิดยามผมมองเข้าไปในดวงตาเธอเมื่อวันนั้นยังคงอยู่ แต่ใช่ว่าความเข้าใจจะให้อภัยทุกสิ่งได้ง่ายดายเพียงนั้น

    "ข้าขอโทษ" เธอปลุกผมในเช้าวันหนึ่ง ถ้อยคำที่เธอพูดแบกรับความเศร้าทั้งหมดทั้งมวลไว้ "ข้าขอโทษ" เธอเอ่ยซ้ำไปมาจนผมนึกว่าเธอเผลอละเมอและไม่ได้ใส่ใจ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวก็หายไปแล้ว 

    ผมรอเธอจนกระทั่งพลบค่ำถึงได้ออกไปตามหา เดินท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องไปจนสุดเขตป่า ไกลจนหากไม่รีบกลับไปยังถ้ำหรือหาที่หลบแห่งใหม่โดยเร็ว ดวงอาทิตย์ที่กำลังมาแทนที่จะทำให้ลำบากอย่างไม่จำเป็น แต่ขาของผมกลับก้าวไปตามทางที่คุ้นเคย สู่ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าไปเมืองใหญ่ ผมเคยนั่งเกวียนมากับพ่อตอนยังเด็ก ถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิมก็อาจมีพ่อค้าเร่มาตั้งแผงขายของสารพัดริมทะเลสาบ ผมน่าจะชวนเธอสวมเสื้อคลุมหนา ๆ เพื่อมาดูเครื่องประดับกระจุกกระจิกสักหน่อย แม้ว่าคนอื่นอาจข้องใจกับการแต่งกายของเราในหน้าร้อนก็ตาม

    ท้องฟ้าเริ่มเรื่อเรืองด้วยแสง ผมดึงผ้าขึ้นมาคลุมศีรษะและเดินต่อจนพบว่าดวงอาทิตย์เผยให้เห็นบางสิ่ง — กองฟืนใหญ่ แท่งไม้สูง และร่างที่ถูกมัดติดกับมัน ไหม้ดำจนเหมือนกิ่งไม้หงิกงอ 


    ข้าขอโทษ 


    ผมเข้าใจแล้ว





    /





    ฝนพรำแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงเธอ รุ่งอรุณที่กำลังจะมาทำให้ผมนึกถึงเธอ และร่างของหญิงสาวที่สลบไสลอยู่ข้างตัวผมตอนนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงเธอ ครั้งนั้นผมเป็นมนุษย์ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่พลัดหลงไปพบเจอกับแวมไพร์ซึ่งกระหายเลือดจนสูญเสียความควบคุม แต่คราวนี้ผมตั้งใจมาพบแวมไพร์ที่ว่านั่น ในฐานะแวมไพร์รุ่นพี่อีกตน ผมเดาเอาว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร คนที่เปลี่ยนเธอไม่ได้ย้อนกลับมาแนะนำวิถีทางของโลกใบนี้ให้เธอรู้จัก หญิงสาวน่าจะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างความหวาดกลัวและกระหายเลือดยามที่โลกหมุนรอบตัวเองจากทิศหนึ่งไปอีกทิศหนึ่ง พอผมปล่อยให้เธอดื่มเลือดจนอิ่ม แทนที่เธอจะมีสติสัมปชัญญะมาพูดคุยด้วย ร่างกายเธอกลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเหนื่อยและสั่งให้ทรุดฮวบลงเหมือนปิดสวิตช์ไปดื้อ ๆ

    ตัวเล็กนิดเดียวแต่กัดแรงเหลือเกิน  ผมนึกในใจ แถมกินจุเสียด้วย

    ไม่รู้ว่าเพราะเธอเป็นนักล่าที่เก่งกาจหรือว่าร่างกายของผมอ่อนแอลง แต่เลือดยังไม่หยุดไหลง่าย ๆ เนื่องจากปากแผลยังไม่ปิด ผมรู้จักคู่รักแวมไพร์คู่หนึ่งที่มีรสนิยมดื่มเลือดกันเองและคิดว่าการสร้างบาดแผลเหวอะเป็นรอยรัก พวกเขาบอกว่าเราไม่ตายเพราะโดนกัดซ้ำไปซ้ำมาหรอก แต่ใครจะไปรู้ สองคนนี้อาจเป็นคู่สร้างคู่สมจนสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาก็ได้ หรือไม่เธอคนนี้อาจเป็นสปีชีส์ใหม่ที่แวมไพร์ด้วยกันขวัญผวา พวกผู้อาวุโสจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่ามีหนทางจบชีวิตอมตะด้วยการสังเวยตัวเองเป็นอาหารให้เธอ ไม่สิ เธอจะโดนจับไปวิจัยในบริษัทยาของเพื่อนผมหรือเปล่า หัวสมองเริ่มเบาหวิวขึ้นเรื่อย ๆ จนผมคิดอะไรเพ้อเจ้อเสียแล้ว

    "อย่าหลับนะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น "เบิกตากว้าง ๆ ไว้ นั่นแหละ ไม่เอาสิ บ้าเอ๊ย"

    หนวกหูเหลือเกินนะ กลไกการเอาชีวิตรอดของผม

    แต่ไม่ใช่แค่เสียงในหัว ลิ้นสาก ๆ กำลังเลียหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตาย อุ้งเท้าใหญ่ที่มีเล็บแข็งก็เขี่ยร่างของผมไม่หยุด เมื่อลืมตามามองก็เห็นเจ้าหมายักษ์ครางหงิง เดี๋ยวหูลู่ เดี๋ยวหูตก ไปบอกใครเขาว่าเป็นหมาป่าคงน่าอายน่าดู อย่าว่าแต่ตำรวจเลย 

    "ช่วยเธอก่อน" ผมบอก ยกแขนขึ้นมาแตะหัวที่ปกคลุมด้วยขนนุ่มและบังคับให้หันไปมองหญิงสาวที่ตัวโชกเลือด ผมได้ยินเสียงเขาพ่นลมหายใจหงุดหงิดเหมือนกำลังขู่ "พาไปที่บ้าน เธอไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องที่นายหา" 

    เจย์ทำท่าจะเถียงด้วยการเห่าหอน แต่ผมลูบหัวหมอนั่นก่อนจะเลื่อนลงมาเกาแผงคอนุ่ม หมาก็คือหมา ผมรู้จักท่าไม้ตายนี้ตั้งแต่เขายังตัวไม่พ้นหัวเข่า หมาป่าหนุ่มเลยไม่มีทางเลือกนอกจากพาแวมไพร์สาวขึ้นหลังแล้วกระโจนไปจนลับสายตา


    เมื่อเจย์กลับมาในร่างตำรวจหนุ่ม ยามเช้าก็มาเยือนแล้ว เขาหาผ้ามาผันแผลให้ ก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาอยู่ในวงแขนด้วยท่าเจ้าสาวอย่างอุกอาจ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าหากมีคนวิ่งจ็อกกิ้งตอนเช้าตรู่มาเจอเข้า มันจะกระอักกระอ่วนสักแค่ไหน แต่ผมง่วงและหิวเกินกว่าจะประท้วงอะไรต่อ ได้แต่แอบนึกว่าถ้าเขาใช้ร่างหมาป่ามารับตัวผม ป่านนี้เราคงถึงบ้านไปนานแล้ว 



    จมูกผมเหมือนได้กลิ่นไหม้จากที่ไกล ๆ แต่เมื่อหลับตาลงไปไม่พบฝันร้ายในนั้น 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
muslininthesky (@muslininthesky)
น่ารักจังไอฉากอุ้มคุณแวมไพร์เนี๊ยะ
verywhalee (@verywhalee)
หลงเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ?