เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A CUP BEFORE DAWNgiftmeme
on nightmare
  • วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ยินเด็กนักเรียนหญิงสองคนพูดคุยกันว่า "แล้วแบบนี้ตอนที่แวมไพร์หลับ พวกเขาจะฝันกันไหมนะ" ก็แล้วทำไมสิ่งไร้ชีวิตที่บรรจุความทรงจำมากมายอย่างพวกเราจะทำไม่ได้เล่า ผมตอบพวกเธอในใจ จริงอยู่ที่เราไม่อาจจำทุกเหตุการณ์ในชีวิตอันยาวนานได้หมด เพราะเหตุนี้ บางครั้งตะกอนของเรื่องราวเหล่านั้นจึงผุดพรายขึ้นมาบนผิวน้ำหลังจากทับถมมานานหลายปี ขุ่นมัวเหมือนดินก้นบึงโดนปลาตัวจ้อยสะบัดตัวใส่ แต่ไม่นานนักน้ำก็กลับมาใสแจ๋ว ไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เหมือนความฝันที่ระเหิดหายไปกับแดดจ้า  มีเพียงตัวเราที่กะพริบตาปริบๆ ระหว่างพยายามทำความเข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นเท่านั้น แต่มีบางครั้งเช่นกันที่ปลาตัวใหญ่กว่าที่คาดจนตะกอนยากจะจมลงสู่ก้นบึ้ง และเราต้องอยู่กับความรู้สึกคิดไม่ออกบอกไม่ถูกไปตลอดทั้งวัน

    ฝันร้ายในภาษาอังกฤษคือคำว่า nightmare แม้ว่าจะมีคำว่า "กลางคืน" ปรากฏอยู่ แต่เราย่อมรู้ดีว่าความฝันไม่เคยเลือกวันเวลา อันที่จริง แต่เดิมคำคำนี้หมายถึงปีศาจที่ทำให้คนนอนหลับหายใจไม่ออก ดังปรากฏในภาพเขียนเก่าว่ามันมักนั่งทับลงบนอกหญิงสาว แสยะยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นร่างเจ้าหล่อนบิดเร่าทุรนทุราย ผมสงสัยว่าหากมีปีศาจพรรค์นั้นจริง เมื่อครู่นี้มันจะรู้สึกอย่างไรที่ได้เล่นงานสิ่งที่มนุษย์เองก็ชอบเรียกว่าปีศาจเหมือนกันอย่างผม ผมหวังเหลือเกินว่าตัวเองจะไม่ได้เผยท่าทางกระเสือกกระสนอย่างน่าสมเพชออกไป ไม่ใช่แค่ต่อหน้าปีศาจฝันร้าย แต่รวมถึงเจ้าหมาป่าที่มาอาศัยห้องนั่งเล่นของผมด้วย เนื่องจากผมสละห้องนอนให้พี่ชายของเขากับอลิซไปแล้ว เราจึงต้องมาลงเอยยังพื้นที่ส่วนกลางร่วมกับเลโอนาร์โดและแมวนิรนามของผม เมื่อตอนสายก่อนที่ผมจะผล็อยหลับไป เรียกได้ว่าในบ้านไม่เคยคึกคักแบบนี้มาก่อน ทั้งเสียงร้องไห้สะอื้นสะอื้นและเสียงหัวเราะร่าผสมปนเปกันไปหมด อย่างน้อยเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงด้วยดีสำหรับคู่รัก ผมง่วงจนทันได้ยินแค่ว่าเล็กซ์ แฟนหนุ่มของอลิซบอกเธอว่า "เราไม่ต้องแต่งงานกันก็ได้ ฉันรักเธอ" ส่วนอลิซตอบว่า "เราแต่งงานกันก็ได้ ฉันรักนาย" — เรื่องพรรค์นี้มันยากจะเข้าใจจริงๆ 

    ผมลุกขึ้นไปแง้มม่าน แสงแดดยามเย็นช่วงอาทิตย์ตกย้อมทุกอย่างเป็นสีชมพูอมม่วง เมื่อเปิดสวิตช์ไฟเพื่อจะได้เตรียมตัวไปทำงาน ในบ้านกลับไร้ร่องรอยผู้มาเยือนราวกับอยู่ในฝันซ้อนฝัน บนโต๊ะมีซองจดหมายที่จ่าหน้าถึงผมด้วยลายมืออลิซ ข้างๆ กันมีกระดาษแผ่นเล็กที่พลิกดูแล้วเป็นใบเสร็จร้านแซนด์วิช ด้านที่ยังว่างมีข้อความของเจย์บันทึกอยู่ "ออกไปทำงาน เดี๋ยวแวะไปหาที่ร้านกาแฟ"  ผมชักจะกลัวว่าหน้าที่การงานอาจพาเขามาอยู่ที่นี่นานเกินความจำเป็น ผมอาบน้ำอุ่น แต่งตัว แล้วนั่งลงเช็กจดหมายเวียนในกล่องอีเมล แต่ก็พบว่าไม่มีข่าวสารอะไรเป็นพิเศษนอกจากประกาศมรณกรรมของรุ่นพี่ที่มาร่ำลากันเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ไร้การพูดถึงคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นที่นี่ หากมนุษย์หมาป่ายังได้กลิ่นทะแม่ง ผมคิดว่ามันประหลาดไม่น้อยที่พวกพ้องของผมจะไม่ทราบข่าวและแจ้งเตือนกันโดยเร็ว ระหว่างกำลังลังเลว่าควรลงมือเองหรือไม่ ผมก็นึกถึงฝันตอนก่อนตื่นนอนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งนั่นทำให้ต้องดื่มเลือดสังเคราะห์ไปถึงสองถุงทีเดียว

    เงาของผมที่สะท้อนบนกระจกตอนยืนแปรงฟันดูไม่จืดเอาเสียเลย ให้ตายสิ







    แม้ร่างกายจะคุ้นเคยกับความหนาวเย็นเป็นอย่างดี แต่ขนแขนของผมก็ยังลุกเกรียวเมื่อเห็นเส้นกั้นที่เกิดเหตุสีเหลืองล้อมรอบบริเวณร้านกาแฟ ไฟไซเรนของรถกู้ชีพและรถตำรวจสาดแสงจ้าไปทั่ว แฟลชจากกล้องของกองพิสูจน์หลักฐานเองก็สว่างวาบเมื่อบันทึกภาพอะไรบางอย่างตรงตรอกแคบๆ ข้างร้านซึ่งเรามักนำลังกระดาษและถุงขยะไปวาง ผมแทรกตัวฝ่าฝูงชนที่มุงดูอยู่ รู้ได้โดยแทบไม่ต้องมองให้เต็มตาว่าสิ่งที่ปรากฏบนพื้นคือกองเลือดที่เริ่มแห้งกรัง ใกล้ๆ กันนั้น ผมเห็นเจย์กำลังคุยกับตำรวจในเครื่องแบบอย่างเคร่งเครียด ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ จนกระทั่งเจอเค.นั่งคลุมผ้าห่มอยู่หน้าร้าน ดูเหมือนตำรวจหญิงจะกำลังลูบหลังปลอบเธออยู่ เค.ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นผม

    "เมื่อวานคุณไม่ได้เก็บผลไม้เก่าไปทิ้ง!" เธอพูดเสียงสั่น

    ผมยืนงง ต้องให้ตำรวจหญิงคนนั้นอธิบายถึงได้รู้ว่าเค.โดนพนักงานกะก่อนหน้าบ่นว่าผลไม้ที่เอาไว้ทำสมูทตี้เริ่มเน่าเสียในตู้เย็นแล้ว ปกติผมจะเป็นนำขยะพวกนี้ไปทิ้ง แต่เพราะเมื่อวานมัววุ่นวายเรื่องการมาเยือนของเจ้าหมา ผมเลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท และเนื่องจากเธอต้องนำมันไปกำจัดยังที่ทิ้งขยะด้วยตัวเองในวันนี้ เค.จึงกลายเป็นผู้พบศพมนุษย์เพศหญิงที่เลือดไหลรินจนแทบหมดตัวอยู่ในตรอกแทน

    "ขอโทษด้วยนะ" เพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก ผมจึงลูบหัวเธอเบาๆ 

    ป้ายหน้าร้านถูกพลิกจาก "เปิด" เป็น "ปิด" เรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับการหยุดงานกะทันหันแบบนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนแจ้งคุณนายเจ้าของร้านหรือยังว่ากิจการของเธอได้กลายเป็นที่เกิดเหตุในชั่วข้ามคืน แล้วพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นกลางแจ้งเช่นนี้ อีกไม่นานต้องกลายเป็นประเด็นข่าวในท้องถิ่นอย่างแน่นอน หรืออย่างร้ายที่สุดหากมีคนเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่นำเจย์มาที่นี่ มันก็อาจเป็นข่าวใหญ่ระดับภูมิภาคหรือแม้แต่ประเทศได้เลยทีเดียว ผมแทบจะนึกภาพหล่อนทำท่าจวนเจียนจะเป็นลมแบบที่ชอบทำออก ดีไม่ดีอาจถึงขั้นปิดร้านถาวรเพราะทำเลอาถรรพ์ไปเลยก็ได้ 

    "เราต้องขอตัวเธอไปสถานีตำรวจหน่อยค่ะ" เจ้าหน้าที่บุ้ยใบ้มายังเค. "แค่บันทึกคำให้การนิดหน่อย"

    พ่อกับแม่ของเค.ไปเที่ยวต่างจังหวัด เพราะอย่างนั้นผมจึงต้องรับบทผู้ปกครองจำเป็นของเธอ เจย์ทำหน้ามู่ทู่ให้ผมผ่านกระจกมองหลังของรถที่กำลังแล่นไปยังสถานีตำรวจ ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือของผมหรือว่ายังไม่หายคลางแคลงใจกันแน่ ถ้าเขาใคร่ครวญสักนิดคงนึกออกว่าผมจะไปดูดเลือดคนแล้วทิ้งศพไว้ข้างที่ทำงานของตัวเองไปหาพระแสงอะไร

    "เบื้องต้นก็มีรอยกัดแบบเดียวกันที่คอและเสียเลือดมากจนช็อกเหมือนกัน" เจย์กระซิบตอนที่ผมแยกมากดน้ำที่ตู้ "ตกลงพอจะได้เรื่องจากพวกคุณบ้างไหมว่านี่มันอะไรกันแน่" 

    ผมส่ายหน้า ตั้งแต่เริ่มเขียนบันทึก ผมไม่เคยนึกเลยว่าเรื่องราวจะพลิกผันกลายมาเป็นฉากฆาตกรรมสยองขวัญ ของพวกนั้นมันเป็นความทรงจำเมื่ออดีตกาลอันไกลโพ้นมาแล้ว ผมไม่ได้ยินเรื่องแวมไพร์ไล่ฆ่าคนเป็นอาหารมาสองสามร้อยปีเห็นจะได้ ไม่มีเหตุผลให้เราทำแบบนั้น แม้จะมีพวกแตกแถวและไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขารักสันโดษมากกว่าจะอยู่นอกกฎระเบียบ พอผมเสนอว่านี่อาจเป็นฝีมือของมนุษย์ที่อยากเลียนแบบพวกเรา เจย์ถึงกับเปิดรูปสภาพบาดแผลให้ดูทีละรูป ตอนแรกพวกตำรวจนึกว่าเป็นรอยเข็มหรืออาวุธมีคม จากนั้นก็เป็นรอยเขี้ยวสัตว์ แต่ว่าไม่มีอะไรอธิบายปริมาณเลือดที่ถูกสูบไปผ่านทางรูบาดแผลเกลี้ยงเกลา แต่ลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ได้ ไม่มีเส้นขน ไม่มีหลักฐานบ่งบอกตัวตนทิ้งเอาไว้ เราต่างรู้ดีว่ามีแต่เขี้ยวของแวมไพร์ที่ทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้อย่างรวดเร็วและสะกดเหยื่อไม่ให้ขัดขืนได้ในการกัดเพียงครั้งเดียว แม้แต่ตำรวจกับนิติเวชคนอื่นๆ ที่ไม่รู้อะไรก็เริ่มเรียกคดีนี้ว่าคดีผีดูดเลือด กันแล้ว

    ผมชักคิดถึงชีวิตแสนสงบขึ้นมาแล้วสิ







    ผมนั่งรถตำรวจคันเดิมกลับไปส่งเค.ที่บ้านเพื่อนสนิทของเธอ เด็กสาวที่เพิ่งเห็นคนตายกับตาตัวเองเป็นครั้งแรกไม่สามารถอยู่บ้านตัวคนเดียวได้อยู่แล้ว ผมเข้าใจดี จากนั้นตำรวจหญิงจึงขับมาส่งผมถึงบ้าน พร้อมกำชับให้ล็อกประตูหน้าต่างให้ดี ผมเห็นแววประหวั่นพรั่นพรึงหลงเหลืออยู่บนเสี้ยวหน้าของเธอ แน่นอนว่าเมืองเล็กเงียบสงบแบบนี้คงไม่มีเหตุสะเทือนขวัญบ่อยนัก นี่อาจเป็นคดีแรกในหน้าที่การงานของเธอก็เป็นได้ เห็นแล้วผมอยากจะนั่งรถไปเป็นเพื่อนเธอถึงสถานีแล้วเดินกลับมาเองเหลือเกิน แต่นั่นคงจะประหลาดเกินไปหน่อย สุดท้ายเลยได้แต่บอกให้เธอขับรถอย่างปลอดภัยและโบกมือลา 

    เวลาเพิ่งดำเนินมาถึงยามเที่ยงคืนเท่านั้น เนื่องจากช่วงสองสามวันนี้ผมไม่ได้มีสมาธิกับการทำงานให้จิตใจสงบเท่าใดนัก สองเท้าของผมจึงไม่ได้ก้าวเข้าบ้าน แต่เดินเลยตรงไปบนถนนสายแคบที่ทอดไปสู่ทางแยกขึ้นภูเขา คิดเพียงว่าต้องการออกแรงให้อ่อนล้าขึ้นมาบ้างและมุ่งความสนใจไปยังการเดินแต่ละก้าวเท่านั้น ไม่รู้ว่าข่าวคราวแพร่ไปทั่วแล้วหรือไม่ แต่บ้านเรือนสองข้างทางนั้นไร้แสงไฟและเงียบกริบจนผมได้ยินเสียงรองเท้าผ้าใบของตัวเองกระทบพื้นลาดยางชัดเจนทีเดียว ถ้าใครเผอิญออกมาเห็นเข้า เขาอาจเข้าใจว่าผมเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนนั้นได้ไม่ยาก การนึกว่าที่นี่ ในเวลานี้ อาจมีแวมไพร์กำลังออกล่าอยู่ทำให้ผมรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่างโดยไม่รู้ตัว

    จนกระทั่งมาถึงทางขึ้นภูเขาที่ถูกความมืดมิดห่มเอาไว้ ผมถึงได้ตระหนักว่าสิ่งนี้คืออะไร




    ผมกำลังเดินเข้าหาฝันร้ายของผมเพียงลำพัง




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Beerroro (@bbeer.hubb)
จะรอตอนต่อไปนะครับ : )
tworfufa2000 (@tworfufa2000)
ตามมาตั้งแต่ตอน 1 เลย แต่ยังไม่ค่อยกล้าเม้นต์ >< มาบอกว่าชอบบรรยากาศและการดำเนินเรื่องมากค่ะ
พอเจย์โผล่มา เหมือนได้ฟีลลิ่งมีโกลเด้นซึนๆโผล่มาในฉากอีกตัวเลย
pan. (@opacity_jeelet)
เราชอบการบรรยายช่วงต้นของตอนชะมัดเลยค่ะ รู้สึกดำดิ่งเป็นพิเศษ..สงสัยเพราะอ่านช่วงกลาคืนด้วยมั้ง
ตอนแรกคิดว่าประเด็นเรื่องมีคนถูกดูดเลือดจะแก้ได้อย่างง่ายๆแต่ดูท่าะไม่เป็นอย่างที่คิด สารภาพว่าตอนคุณแวมไพร์ถึงร้านแล้วเจอเทปเหลือง เราก็แอบขนลุกเหมือนกันค่ะ เหมือนเป็นการหยามหรือเปล่านะ ทำอะไรใกล้จมูกคุณแวมไพร์เลยค่ะแบบนี้ อยากรู้มากเลยค่ะว่าฝันร้ายที่ว่านั่นคืออะไร
pennyrobinn (@pennyrobinn)
เริ่มเข้มข้นแล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ