วันนี้ผมออกจากสนามบิน Charles de Gaulle ปารีสเพื่อกลับเจนีวาครับ แต่ด้วยความโลภอยากได้ตั๋วราคาถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเลยได้ไฟล์ทที่ออกจากปารีสเกือบสามทุ่ม และไปถึงเจนีวาสี่ทุ่ม โชคดีที่ผมจองที่พักไว้ตรงข้ามกับ Gare Cornavin ผมเลยโดดขึ้นรถไฟด้วยตั๋วรถเมล์ฟรีที่เขามีให้กดที่สนามบินตรงมายังโรงแรมได้เลย
หลังจากเช็กอินเสร็จแล้ว ผมก็คิดได้ว่า เออ กูยังมีเวลาไปดู Jet d'Eau ตอนกลางคืนนี่หว่า อาจารย์พัดเคยเล่าให้ฟังว่าตอนกลางคืนเขาจะเปิดไฟด้วย ไปเลยเหอะ ผมจึงเอากระเป๋าเข้าห้อง และแบกกระเป๋ากล้องรีบวิ่งไปดู Jet d'Eau ตอนกลางคืนก่อนจะปิด ด้วยประสบการณ์การอยู่ในเจนีวามาสองเดือน ผมจึงรู้ว่าผมควรเดินไปทางไหนได้โดยแทบไม่ต้องพึ่ง Google Maps เลย ชิล ๆ ครับ
ผมวิ่งมาถึงฝั่งทะเลสาบเจนีวา และผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง Jet d'Eau ขณะเปิดไฟตอนกลางคืนสวยมาก พวยน้ำพุ่งขึ้นอย่างสงบ สะท้อนแสงสปอตไลท์สีขาว น้ำพุอยู่ตรงนั้น สะท้อนแสงระยิบระยับตามลวดลายของละอองน้ำ ภาพสะท้อนบนผืนน้ำทะเลสาบเปรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนความงามของอัญมณีแห่งเมืองนี้ ผมยืนดูเฉย ๆ และ Clair de Lune ของ Claude Debussy ก็ลอยเข้ามาในหัว เข้ากับบรรยากาศนี้เหลือเกิน
ผมหาพื้นที่เพื่อตั้งกล้อง และถ่ายภาพเก็บความงามของ Jet d'Eau เป็นครั้งสุดท้าย ผมยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้ วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมเดินตัวคนเดียวเพื่อมาชมน้ำพุใกล้ ๆ วันนี้เป็นวันสุดท้าย ผมจึงมาหาน้ำพุเป็นครั้งสุดท้าย ให้อารมณ์เหมือนกับชายหนุ่มที่ดั้นด้นมาเพื่อพบกับหญิงสาวที่เป็นที่รักเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากกันไปตลอดกาล
เมื่อถ่ายจนหนำใจแล้ว ผมจึงคิดว่า ถ้าเราเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จะวิเศษมากเลยนะ ผมจึงยอมใช้เวลาคืนสุดท้ายเพื่อเดินริมทะเลสาบเจนีวา เพื่อจะเข้าไปให้ใกล้หญิงสาวคนนี้มากที่สุด ระหว่างเดิน ผมหิวน้ำมาก และเหลือบไปเห็นน้ำพุเล็ก ๆ ที่พ่นน้ำดื่มให้ ผมเลยก้มตัวลงและวักกินไปสองสามอึก
ผมเงยหน้าขึ้นมามอง Jet d'Eau อีกครั้งหนึ่ง
เธอไปแล้วครับ ทิ้งละอองน้ำสุดท้ายไว้ให้ผมดูต่างหน้า ราวกับกำลังสั่งเสียว่า "ลาก่อนนะท๊อป หากเรายังมีบุญวาสนาก็ขอให้ได้มาเจอกันอีก"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in