"พี่ ตั๋วมาเจนีวาก็สี่หมื่นกว่าละนะพี่ พี่จะยอมอยู่ที่เจนีวาจริงหรอ ออกไปเที่ยวที่อื่นบ้างก็ได้ มันไม่คุ้มค่าตั๋วนะ" เฉินพยายามจะโฆษณาชวนเชื่อให้ผมยอมยกเลิกโรงแรมที่เจนีวาแล้วไปเที่ยวเมืองอื่น ผมจึงทะเลาะกับตัวเองอย่างหนักหน่วง สุดท้ายก็มาลงเอยที่ปารีส เพรามี
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ก่อนออกจากเจนีวา ผมจองตั๋วเครื่องบินไปปารีส จองที่พัก และจองตั๋วเข้าชมลูฟวร์ ด้วยความคิดที่ว่า ในเมื่อเราเป็นคนรักศิลปะ และเราเคยเรียนวิชาศิลปะยุคใหม่สมัยต้นแล้ว เราควรจะไปสักการะบูชาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ให้ได้สักครั้งก่อนตาย
ผมจึงตัดสินใจว่าวันนี้เราจะไปลูฟวร์ และจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นให้นานที่สุด เพื่อซึมซับกับบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์ที่โด่งดังที่สุดในโลก
วันนี้ผมมาถึงลูฟวร์ตอนเที่ยง ไปรับตั๋วเข้าชมกับเจ้าหน้าที่ที่นัดแนะไว้ว่าจะแจกบัตรที่ผมเสียเงินจองไว้ก่อนหน้านี้ (ผมไม่ได้จองกับทางลูฟวร์นะครับ อาศัยบริการจองตั๋วจากเจ้าอื่นเอา) และก็พบกับคิวย้าวยาวอย่างที่เขาร่ำลือกันว่า ถ้าจะมาลูฟวร์ มึงต้องซื้อตั๋วเข้าชมก่อน เพราะว่าแถวหน้าพีระมิดทางเข้าหลักมีสองแถว คือ แถวของคนที่ซื้อตั๋วมาล่วงหน้าหรือมี
Museum Pass อยู่แล้ว และแถวของคนที่ไม่ได้มีอะไรเลย อาศัยไปตายดาบหน้าเอา ซึ่งแถวที่ซื้อตั๋วมาแล้วสั้นกว่าอีกแถวหนึ่งอย่างมีนัยยะสำคัญ ผมจึงยืนต่อคิวไม่นานนัก เลยใช้เวลาถ่ายรูป เล่นมือถือ เอารูปลงอินสตาแกรม เล่นเกม และสมน้ำหน้ากลุ่มคนที่ไม่ได้ซื้อตั๋วมาก่อนหน้านี้ ถามว่าทำไมคิวถึงยาว เพราะว่าคิวที่ต่อนี่เป็นคิวตรวจรักษาความปลอดภัยเฉย ๆ ครับ
เอาล่ะ ผมเข้ามาในลูฟวร์แล้ว และตอนนี้รอบตัวผมก็มีแต่งานศิลปะทั้งหลาย ตั้งแต่ The Virgin and the Enfant (เยอะมากครับ),
Triumph of the Virtues,
St. John the Baptist และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ไฮไลท์สำคัญคือ
Mona Lisa ที่ทุกคนแห่แหนกันไปดู ไปสักการะบูชา และไปถ่ายรูปลงมือถือเก็บไว้ ผมวนไปดูรูปนั้นตั้งสามรอบ และบอกได้เลยครับว่ามีคนแห่แหนกันไปดูเต็มทุกรอบ
หลังจากอิ่มเอมกับลูฟวร์แล้ว ผมก็เดินออกมา และพบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว ผมจึงนั่งรถไฟใต้ดินต่อไปยัง
หอไอเฟลที่เขาว่าดัง ๆ กัน เมื่อมาถึงแล้วผมก็เจอกับคิวตรวจความปลอดภัยที่ไม่รู้จะยาวไปไหนอีกเช่นกัน คือผมเข้าใจว่าปารีสเป็นเมืองท่องเที่ยว คนหลักล้านแห่กันเข้ามาดูทุกปี แต่ช่วยทำให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ยครับเจ้านายยยยยยยยยย
หลังจากผ่านด่านตรวจกระเป๋าแล้ว ผมก็พบกับคิวซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปดูหอไอเฟลที่ยาววววววววววววไปไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีสองแถว คือ แถวซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า และแถวของคนที่สมัครใจเดิน แถวหลังสั้นกว่าและถูกกว่า ด้วยความงก ผมจึงยอมซื้อตั๋วเพื่อเดินขึ้นไปทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจในสังขารของตัวเองว่าจะรอดมั้ย
เมื่อมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว ผมก็พบกับวิวของปารีสที่สวยมาก ที่ระดับความสูง 58 เมตร ผมเห็น
Trocadero ซึ่งผมคิดเอาเองว่ามันน่าจะเป็นจุดชมวิวหอไอเฟลที่เขานิยมถ่ายกันแน่ ๆ และรอบ ๆ ตัวผมมีแต่วิวของปารีส แต่ตั๋วที่ผมซื้อมามันมีไว้สำหรับเดินขึ้นชั้นสอง ผมจึงยอมแบกสังขารเดินต่อไปยังชั้นสอง และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ เพราะว่ามันสวยกว่าชั้นแรกอีก (อ้าว)
ผมลงจากหอไอเฟลอย่างอิ่มเอม และคิดได้ว่าก่อนกลับ เราแวะ Trocadero square ถ่ายรูปหอไอเฟลมุมมหาชนดีกว่า กว่าผมจะเดินมาถึง Trocadero หอไอเฟลก็เริ่มเปิดไฟสีเหลืองนวลสวยมาก ผมจึงถ่ายรูปจนหนำใจและกลับโรงแรม
โอเคครับ ตอนนี้มันอาจจะสั้น ๆ ห้วน ๆ หน่อยเพราะรายละเอียดเยอะจริง ๆ เอาเป็นว่ารอติดตามตอนพิเศษของ #เด็กบ้าไปเซิร์น เอาละกันนะครับ ผมจะเล่าให้หมดทุกเม็ดเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in