เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[SR] ทริปโกงความตาย ไปมาเลย์ราคา 0 บาทgeekjuggler
004: กว่าจะถึงปีนัง
  • อะไรกันนักหนาวะเนี่ย...
    สติที่ยังโหลดไม่ครบ 100% ของผมบ่นดังๆ ในหัวต่อภาพเหตุการณ์ในรถบัสที่กำลังวุ่นวายขายปลาช่อนกันอยู่ในขณะนี้ ป้าตรงข้ามคุยโทรศัพท์มือถือเสียงโหวกเหวก เด็กคุมรถตะโกนเจรจากันผ่าน ว. โยกย้ายถ่ายเทผู้โดยสารจากคันนั้นมาคันนี้ (เลขที่นั่งของรถในมือผมหมดความหมายไปนานแล้ว) ด้านหลังรถก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่งทำหน้างงๆ กับระบบอันสุดแสนฟรีสไตล์ขนาดนี้





    ผ่านไปพักใหญ่ๆ รถบัสก็ได้ฤกษ์เคลื่อนตัวออกจากท่ารถปูดูรายา เพื่อไปยังเป้าหมายปลายทาง เมืองปีนังนั่นเองงงงงงง~

    วิวสองข้างทางสดใสดี แต่ในใจผมตุ๊มๆ ต่อมๆ แบบสุดๆ
    เพราะทริปในเมืองปีนังนี้ ผมไม่ได้จองที่พักล่วงหน้าเอาไว้ อารมณ์ว่า เฮ้ย สบ๊ายย แบ็คแพ็คมันต้องลุยแบบนี้ดิวะ ดังนั้น สิ่งที่ผมมีคือที่อยู่ของเกสต์เฮาส์ที่เล็งเอาไว้ และ ดาบ เพื่อเอาไปตายที่ข้างหน้า
    ... ที่สำคัญ ไม่มีเน็ตมือถือด้วย นี่แน่ะ เดินทางลุยเดี่ยวไปเลย
    (ทำเท่ไปงั้น จริงๆ ก็แอบเสียวอยู่)

    หลังจากหลับๆ ตื่นๆ ตลอดทาง สุดท้าย รถบัสก็เทียบท่าที่สถานีพร้อมกับฝนที่พึ่งหยุดตกไปได้หมาดๆ
    ผมเดินลงมาจากรถ หันซ้าย หันขวา หันหน้า หันหลัง หันจนเกือบจะเป็นหมูแล้ว ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า "ทำไมสถานี หน้าตามันไม่เหมือนกับที่อ่านมาในรีวิวเลยวะ....."

    หึๆๆๆๆๆ สวรรค์คงอยากให้เราได้เที่ยวแบบ Hard Mode / ได้ มาครับมา
    ผมหอบร่างเดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อหา information counter ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
  • ถ้าก้มลงกราบฟ้าดินได้ ผมคงทำไปแล้ว
    นี่มันน่าจะเป็นบททดสอบโหมดโรคจิตบ้าคลั่งประหนึ่งเอาซิมไปปล่อยในสระน้ำแล้วยกบันไดออก
    ภาพตรงหน้าผมคืออาคารร้างๆ เหมือนถอดแบบมาจาก The Walking Dead ทุกอย่างข้างในปิดซ่อมโดยพร้อมเพรียงกัน เหลือความหวังให้กับชีวิตสุดหิวโหยของผมแค่ร้านขายของชำง่อยๆ อันนึงเท่านั้น

    สุดท้ายเลยเดินออกมาจากตึกด้วยใจพังๆ พร้อมขนมถุงโง่ๆ มาอุดปากกระเพราะที่ส่งเสียงโครกคราก





    แต่ แต่ แต่ ไม่ใช่ผมคนเดียวครับที่งงกับภาพตรงนี้ ฝรั่งบนรถก็งงเหมือนกัน
    ต่างกันแค่ เขามีเน็ทในมือถือ ผมเลยต้องใช้วิชาที่ถนัดที่สุดอันหนึ่งอย่าง "การเสือก" ไปยืนฟังเขาคุยกันว่ายังไงต่อ
    ความว่า ต้องต่อรถบัสอีกคันเพื่อเข้าตัวเมืองปีนัง อ่ะ โอเค๊ รอก็รอ...

    ...
    ..
    .
    30 นาทีผ่านไป รถบัสจากสรวงสรรค์ก็มาถึงงงงงงงงงงง
    ทุกคนพุ่งตัวเข้าไปจับจองเก้าอี้บนรถโดยไม่ต้องนัดหมาย
    เย้ รอดแล้ว...

    เหรอวะ ...

    รถบัสข้บมาปล่อยผมลงที่ถนน Lebuh Julia จุดสตาร์ทในการออกหาที่พักที่เล็งเป้าเอาไว้
    ข้างป้ายรถเมล์มีแผนที่ของเมืองปีนังแปะอยู่ พีระรีบหยิบมือถืออกมาถ่ายรูปเก็บไว้
    'นี่แหล่ะ ที่พักมันอยู่บนถนนเส้นนี้แหล่ะมึง เดินยังไงก็เจอ' พีระบอกกับตัวเอง
    ป่ะ ลุย
    ..
    ..
    .
    เชี่ยเอ๊ยยยยยย แม่งอยู่ไหนวะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยย
    ถ้าคุณเป็นชาวเมืองปีนังที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ตอนนั้น คงได้เห็นไอ้หนุ่มหน้าเนิร์ดคนนึงเอามือกุมหัว หน้าตาเหมือนพร้อมจะแหลกสลายได้ทุกเมื่อ ยืนสติพังอยู่ตรงสี่แยก
    ปัญหาของผมในตอนนี้ คือความซวย 3 เด้งครับ

    เด้งแรก หิวข้าว ตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนล่วงเลยมาถึงตอนบ่ายๆ มีแค่ขนมโง่เพียงถุงเดียวตกถึงท้อง
    เด้งสอง เงียบ มันเป็นวันอาทิตย์ที่แสนสงบสุข ร้านรวงก็พากันปิด ไม่มีอะไรขายมาประทังชีพเลย
    เด้งสาม หนัก ขาไป ผมมีกระเป้าเป้ deuter (ปลอมซื้อจากเจเจ) และ กระเป๋ากล้องสะพายข้างหนึ่งใบ แต่พอถึง KL ดันได้กระเป๋ากล้องแบบสะพายหลังที่เป็นของรางวัลแถมมาอีกหนึ่งใบ โอ้โหคุณเอ๋ย ฤานี่จะเรียกว่า ทุกขลาภได้อย่างเต็มปากเต็มคำและสะพายเต็มตัว
  • รอบแรกผ่านไป รอบสองรอบสามค่อยๆ ผ่านไป~
    (โปรดอ่านเป็นทำนอง มือปืน - พี่ปู พงศ์สิทธิ์) (ถ้าใครไม่รู้จัก ลองไปหาฟังดู เพลงดี)

    หลังจากเดินสำรวจถนน Lebuh Julia "ทั้งเส้น" ไปได้สามรอบ พลังกายใกล้จะหมดหลอดแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้หยิบเอาสมุดที่จดที่อยู่เกสต์เฮ้าส์มาเปิดดูอีกที...

    ชิ้ง... เดี๋ยวนะ
    อยู่ดีๆ ก็ระลึกอะไรได้บางอย่าง ในวันที่นั่งหาข้อมูลเรื่องที่พัก
    เอ๊ะ... มันไม่ได้อยู่บนถนนนี้นี่หว่า มันอยู่ในตรอกที่ชื่อ Lovelane นี่หว่า... กูเดินผ่านมาสามรอบแล้วนี่หว่า
    ชิทหายยยยยย
    โอเคร หอบร่างครั้งสุดท้าย กระดึ๊บๆ ไปให้ถึง
    นึกว่าคืนนี้ต้องไปนอนริมถนนละ

    ป้ายเหล็กดัดสีดำเขียนตัวใหญ่เป้างว่า Lovelane ยืนรอต้อนรับผม
    หากมันมีชีวิต มันคงหัวเราะจนฟันหักไปแล้ว

    นี่สินะ ที่เขาว่า ความรักมันอยู่ตรงหน้า เรามักเดินผ่านไปผ่านมา แต่ไม่เคยสังเกตมัน
    Lovelane ก็เช่นกัน สมดังชื่อถนนแห่งความรักจริงๆ
    (หรือมึงโง่เองที่ไม่ดูที่จดมาให้ดีๆ ล่ะ พีระ)

    เดินเข้าไปในซอยนิดเดียวก็พบกับ Old Penang Guesthouse ที่ซุกหัวนอนในเมืองปีนัง
    โฮสเทลเล็กๆ เก่านิดๆ หน้าตาเหมือนตึกแถวในละแวกทรงวาด แถวเยาวราช ที่เลือกที่นี่เพราะราคาโคตรแห่งความถูก 250 บาทสำหรับห้องรวม มีข้าวเช้าให้กิน มีเน็ทให้เล่น แค่นี้ก็รอดแล้ว





    ต่อไปนี้ ก่อนจะไปไหน จะวางแผนล่วงหน้า จองที่พักล่วงหน้าแล้ว ฮือออ

    ถึงปุ๊บ เช็คอิน-โยนกระเป๋า-ล้างหน้าล้างตา-กินน้ำ-นั่งพัก แล้วพุ่งตัวออกมาหาอะไรรองท้องที่ 7-11 หน้าปากซอย
    มีแรงแล้ว ชัวร์แน่เป็นแช่แป้งว่า ณ วินาทีนั้น เป้าหมายแรกในเมืองปีนังนี้จะเป็นอะไรไปเสียไม่ได้ นอกจาก...

    "ของกิน"

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in