ถึงแล้วโหวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กัวลาลัมเปอร์กล่าวยินดีต้อนรับด้วยสายฝนที่โปรยมาบางๆ พร้อมกับนาฬิกาบอกเวลา 2 ทุ่มเศษ
ถ้านับจากวินาทีแรกที่ขึ้นรถไฟ ทริปนี้ขามาสิริรวมเวลาที่ใช้ไปราวๆ 30 ชั่วโมงเต็ม
เอียนการนั่งเฉยๆ ไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว
แผนการในคืนแรกไม่มีอะไรมาก คือ เก็บของ - กิน - นอนพัก
ผมแบกกระเป๋าจากท่ารถบัส เดินด้วยระยะทางหนึ่งเหนื่อยไปถึงที่พักที่จองเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว โฮสเทลขนาดใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านนามว่า Reggae Mansion พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับนักท่องเที่ยวนั่งเล่นที่ล็อบบี้กันพอสมควร ตอนนี้สติแทบหลุดออกจากร่างแล้ว พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร กะว่ารีบเก็บของแล้วออกไปแลกเงินก่อนที่ห้างจะปิด เพราะไม่งั้นพรุ่งนี้เช้าต้องตาลีตาเหลือกแน่ๆ
400 บาท กับห้องนอนรวม มีน้ำร้อน ไวไฟฟรี แอร์ และ ที่นอนแบบมีม่านปิด นับว่าไม่แย่อะไรนัก
เปิดประตูเข้าห้องไปปุ๊บ เจอแก๊งค์ฝรั่งกำลังจะออกไปท่องราตรีข้างนอกพอดี
"เฮ้ย ยู เราจะไปแฮงค์เอาท์กัน ไปด้วยกันหมาย"
"โน แทงกิ้ว ไอ แฮฟ ซัมติง ทูดู" (ในใจคิดว่า ขอกูพักเหอะ กูหิวข้าว ฮือออ)
"อิทส์ โอเค เย้ห์" (จริงๆ ดูแล้วมึงก็ถามเป็นมารยาทนี่หว่า เหอะๆ)
หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ ก็ต้องถ่อเอาร่างไร้กายละเอียดเดินไปแลกเงินที่ห้างสรรพสินค้าในละแวกที่พัก จริงๆ ก็ไม่ได้ใกล้เลยนะ แต่แรงขับดันว่า "ถ้าไม่แลก ก็ไม่มีตังแหลกข้าว" คอยถีบพาผมให้บรรลุมิชชั่นนี้ได้ในที่สุด
มื้อแรกในกัวลาลัมเปอร์คือบะหมี่เนื้อ ที่เล็งเอาไว้แล้วระหว่างเดินจากที่พักไปแลกเงิน
เข้าไปในร้านคนก็เยอะดี คิดว่าน่าจะเซฟ
ถึงร้านปุ๊บ ความโหยเข้าครอบงำทันที จัดมาเลยครับ ชามใหญ่พิเศษ 6 ริงกิต (60 บาท)
พอพนักงานยกชามมาวางปุ๊บ... เอ่อ พี่ครับ ขอเปลี่ยนได้ไหมครับ
เพราะใหญ่พิเศษ คือ พิเศษจริงๆ เส้นบะหมี่อัดแน่นปั้กในชาม เยอะราวๆ บะหมี่จับกังคูณ 2.5 เท่า โปะหน้าด้วยผักกวางตุ้งและเนื้อสับผัดซอส เคียงข้างด้วยน้ำซุปพร้อมลูกชิ้นเนื้อ 6 ลูก
ไม่มีกินก็ทรมาน มีเยอะเกินก็ทรมาน โหวยยยยยย ก็ได้แต่นั่งทำใจกินไปเรื่อยๆ ฮืออ
สุดท้ายก็ยกธงขาวยอมแพ้ กินไม่หมด เหลืออยู่ประมาณนึง รสชาติอร่อยเลย
แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดในร้าน คือ ลูกจ้างในครัวเปิด คาราโอเกะ "อมพระมาพูด" ของ พี่เสก X ป๋าเบิร์ด ครับ
ฟังแล้วอยากจะร้องตามว่า "อมเส้นมาพูดก็ไม่เชื่อ ให้เยอะมาเพื่อ กินไม่หมด" มากๆ ฮือ
กินเสร็จก็กลับมาที่พัก อาบน้ำอาบท่า ลงมานั่งเล่นที่ล็อบบี้ สนทนาพาทีกับชาวต่างชาติ
ส่วนใหญ่ก็ได้แต่นั่งฟัง เพราะ ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาดี ได้แต่ "เย้ห์" ไปตามเรื่องตามราว
กำแพงภาษาและกำแพงความอายมันกั้นผมเอาไว้อย่างอยู่หมัดจริงๆ
ร่วมวงได้สักพักก็ขอตัวลาไปนอน เพราะไม่ไหวจริงๆ
อ่อนเพลียจากการเดินทางครั้งแรกในชีวิตก็ทริปนี้นี่แหล่ะ
ลากตัวเองเข้าผ้าห่ม ปิดไฟนอน กล่อมตัวเองให้นอนหลับด้วยเสียงตึงตังบางๆ จากดาดฟ้า
โฮสเทลนี้ดาดฟ้ามันเป็นบาร์ครับ ในเว็บถึงขั้นระบุไว้เลยว่าเป็นโฮสเทลที่เน้นเรื่องปาร์ตี้นะ ถ้าไม่ชอบเสียงเพลงหรือต้องการความเงียบสงบ โปรดมองหาที่อื่นจะดีกว่า
ก็ได้แต่ข่มตานอนกันไป เลือกมาเองแล้วนี่
ไม่เคยคิดเคยฝันว่าการนอนห้องรวมในโฮสเทลจะมีเรื่องราวสารพัดสารพันวุ่นวายขนาดนี้
นอนๆ อยู่... สะดุ้งตื่นเพราะไอ้แก๊งค์ที่ชวนผมไปตะลุยราตรีพึ่งกลับมาถึงพร้อมความโหวกเหวกโวยวาย
นอนๆ อยู่... สะดุ้งตื่นเพราะหนึ่งในแก๊งค์นั้น เมาสลบอ้วกเละเทะคาพื้น จนต้องมีคนไปตามคนมาช่วยเคลียร์
นอนๆ อยู่... สะดุ้งตื่นเพราะเจอตุ๊กแก...ได้ยินเสียง "กินตับ ตับ ตับ" กันในห้องอย่างหนักหน่วง
กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็ปาเข้าไปตีสามกว่า...
ก่อนจะปิดตาลง ก็ได้แต่คิดว่า ขอบคุณโชคชะตาที่พาฉันโกงความตายมาได้จนถึงจุดนี้
พรุ่งนี้จะได้เป็นการตะลุยต่างแดนคนเดียวครั้งแรกในชีวิต
จะร่วงหรือจะรอด
เดี๋ยวรู้กัน
คร่อก
...
หารู้ไม่ว่า ความชิทหายยังไม่ได้จบลงแค่นี้ นี้ นี้ (เสียงเอคโค่)
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in