เผลอแป้บเดียวสิงหาก็จะลาจากเราไปกันเสียแล้ว แต่ข้อดีคือเราก็ใกล้เข้าไตรมาส 4 ที่รัฐบาลสัญญาจะเอาวัคซีน mRNA เข้ามาให้ประชาชนฉีดเป็นอีกหนึ่งในวัคซีนหลัก จะได้ลดยอดคนติด คนเสียชีวิตและกลับสู่วิถีชีวิตเดิมกันสักที 

ช่วงล็อกดาวน์ ได้แต่ใช้ชีวิตเที่ยวทิพย์ผ่านหน้าจอ หาแรงบันดาลใจผ่านหนังสือไปพลาง หนึ่งในประเภทหนังสือที่เราชอบอ่านหาแรงบันดาลใจ คือประวัติคนดัง ดารา นักการเมือง เรื่องราวของพวกเขาก่อนจะมาถึงจุดสำเร็จเป็นที่รู้จัก อ่านเล่น ๆ ก็เพลินดีเหมือนกันนะ​

I Have Something to Tell You โดย Chasten Buttigieg

Chasten อาจไม่เป็นที่รู้จักกับคนไทยเท่าไหร่ แต่ครั้งหนึ่งเขาเกือบได้รับตำแหน่งสุภาพบุรุษหมายเลขหนึ่ง (First Gentleman) เพราะสามีของเขา Pete Buttigieg ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของอเมริกา แต่สุดท้ายยกเลิกการลงแข่ง ไปสนับสนุน Joe Biden แทน ในปัจจุบัน Pete Buttigieg ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้กับรัฐบาลของ Biden

ตอนที่เขาเขียนเล่มนี้เขาเพิ่ง 30 ชีวิตเลยไม่มีอะไรตื่นเต้น หวือหวาเท่ากับคนดังอื่น ๆ แต่เรากลับรู้สึกเข้าใจและเข้าถึงเขามากกว่าใครเลย อาจจะเพราะด้วยวัยใกล้กัน เขาเล่าตั้งแต่วัยเรียน ที่เขายังค้นหาตัวเองไม่เจอไม่รู้จะเรียนต่ออะไร ทำให้หางานก็ยาก แต่พอเขาตั้งใจเข้าเรียนการแสดง และเป็นครู ได้พบเป้าหมายชีวิตแล้วรู้สึกดีใจไปกับเขาด้วย และที่สำคัญเขาเจอกับสามีผ่านแอพนัดเดท (นัดเดทจริง ๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกลนะ5555) ทั้งคู่ดูชีวิตต่างกันมาก แต่สุดท้ายไม่มีใครเข้าใจเขาได้เท่ากับกันและกัน

อีกบทที่ชอบคือการเดินทางหาเสียง เพิ่งรู้เขามีเดินสายไปหาประชาชนที่อยู่ต่างประเทศด้วย ใส่ใจสุด ๆ และ Chasten ทำด้วยใจรักจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้เงินเดือน ต้องลาออกจากการเป็นครูมาช่วยสามีหาเสียง ไม่กล้ารับเบี้ยเลี้ยงจากทีมหาเสียงเพราะกลัวว่าจะเป็นการใช้เงินหาเสียงไม่ถูกต้อง ทำเอาอยากรู้เลยว่าของไทยบริหารกันยังไง

Becoming โดย Michelle Obama

เราว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อ Michelle Obama มาไม่มากก็น้อย เพราะเธอคือสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในช่วงปี 2009–2017 ช่วงสมัย Barack Obama เป็นประธานาธิบดี 

เราเลือกยืมหนังสือเธอจาก libby เป็นการเรียบเรียงเรื่องให้อ่านง่ายลงมา เหมาะสำหรับ young adult เพราะตัวเล่มยาวมาก5555 เข้าใจได้ว่าชีวิตเธอมีอะไรให้เล่า และน่าสนใจมาก ๆ

ชีวิตวัยเด็กเธอเป็นเด็กเรียนดี ฝันจะเรียนมหาวิทยาลัย Princeton แต่เจอครูแนะแนวดูถูกว่าไม่มีหวังหรอก ทำให้เธอฮึดสู้และเข้าได้จริง ๆ ต่อมาเธอได้เรียนต่อกฎหมายที่ Harvard เข้าทำงาน Law Firm และได้เจอ Barack ว่าที่สามีเมื่อเธอได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง Barack ในการฝึกงาน

และต่อจากนั้นก็เป็นชีวิตที่ไปสู่ตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่เราชอบช่วงที่เขาเล่าถึงชีวิตครอบครัว ที่เธอก็มีปัญหากับที่บ้าน กับสามี ชีวิตคู่เหมือนกับคนทั่วไป และก็ชอบโครงการที่เธอริเริ่มสมัยยังดำรงตำแหน่ง และยังสานต่อ เช่นการช่วยเหลือเด็ก เยาวชนในการเรียน 

ลองดูเธอเดินสายขายหนังสือใน Netflix ก่อนได้นะ

I Am Malala โดย Malala Yousafzai

Malala โดนตาลิบันยิงเข้าที่ศีรษะเพียงเพราะเรียกร้องการศึกษาให้กับผู้หญิง ในขณะนั้นเธออายุเพียง 15 ปี หนังสือเริ่มเรื่องเป็นการเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดในปากีสถาน ที่สานต่อมายังการเข้ามาของตาลิบัน และจำกัดการใช้ชีวิตของผู้หญิงในปากีสถาน ซึ่ง Malala อายุเพียง 11 ปี ก็เริ่มเขียนบล็อกให้กับ BBC เล่าถึงชีวิตของผู้หญิงในปากีสถาน การที่พวกเธอไปโรงเรียนไม่ได้อย่างเก่า ที่บ้านเองก็ห้ามมีสื่อบันเทิง พอขึ้นวัยมัธยมขึ้นมา เธอเริ่มประกวดการพูดบทความ ขึ้นเวทีได้รางวัลมากมาย จนเป็นสาเหตุให้ตาลิบันมองเธอเป็นศัตรูของอิสลาม

ได้มาอ่านทำให้รู้ว่าถึงแม้เธอไม่เสียชีวิต แต่บาดแผลก็หนักเอาการเหมือนกัน ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมา 9 ปี เธอยังต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอยู่ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน (เธอเล่าที่ไว้ที่นี่)

บทที่เธอเล่าถึงต้องไปรักษาตัวที่อังกฤษ ต่างแดนโดยไม่มีพ่อแม่มาด้วยเพราะพ่อต้องอยู่กับแม่และน้อง ๆ จนกว่าเอกสารวีซ่าจะเรียบร้อย ตัวคนเดียวอยู่กว่า 10 กว่าวัน และตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมมั้ย เราอ่านแล้วเข้าใจถึงความเหงาและเจ็บปวดเลย ทั้งหมดเกิดเพียงแค่เธอและผู้หญิงคนอื่น ๆ อยากเรียนหนังสือเท่านั้น

ตอนนี้มีไปลงรีวิวใน ReadAWrite อยู่ด้วย ดู ๆ อยู่ว่าจะลงเอยที่ไหนดี ตอนนี้ก็ไปด้วยกันไปก่อนละนะ

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า